"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงกับต้องฝันร้ายในวันปล่อยผีซะเองเลยทีเดียวเมื่อขึ้นนำถึง 3 ครั้ง 3 หนแต่เจอ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ตามตีเสมอได้จากจุดโทษช่วงทดเวลา ก่อนจะพลิกแซงด้วยประตูของ "สเตอร์ริดจ์" และ "รามิเรส" ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ลูกทีมของ "ดิ มัตเตโอ" ล้างแค้นถีบ "ปีศาจแดง" ตกรอบแคปปิตอล วัน คัพไปด้วยสกอร์ 5-4 เกมนี้มันส์จริงอะไรจริง
แคปปิตอล วัน คัพ รอบ 4
วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2555
เชลซี 5 - 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
เปิดฉากเริ่มเกมมาพร้อมกับความแค้นเลยสำหรับ "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่ดูจะคึกคักและได้ดีกว่าทางทีมเยือน ลูอีซมีจังหวะเติมขึ้นไปซัดนอกกรอบด้วย เพียงแต่อย่านอนใจไปเพราะถ้าพวกเขาพลาดก็อาจจะโดนย้ำแค้นก็เป็นได้
นาทีที่ 11 อาจจะเล่นยากทั้งเกมแล้วแบบนี้สำหรับโรเมอูมิดฟิลด์ตัวต่ำของเชลซีที่ไปทำฟาวล์บุตต์เนอร์แถวๆกลางสนาม ทำให้ผู้ตัดสินไม่รีรอควักใบเหลืองแจกให้ทันที หลอนแทนแฟนเชลซีเลย
นาทีที่ 22 แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอีกครั้งเหมือนอย่างในเกมที่เจอกันในพรีเมียร์ ลีกเมื่อเชลซีก่อความผิดพลาดจากจังหวะที่เช็กจ่ายบอลไปให้กับโรเมอู แล้วแข้งสแปนิชดันไปครองบอลนานเกินจนโดนอันแดร์สันเข้าเบียดบี้จิ้มบอลไปเข้าทางกิ๊กส์ที่จัดการซัดบอลเสียบตาข่ายไม่มีเหลือ "ปีศาจแดง" นำ 1-0
โดนนำไปก่อนอีกแล้วแบบนี้ ทำให้เชลซีต้องรวบรวมสมาธิให้หนักเพื่อที่จะกลับสู่เกมของพวกเขาให้ได้อีกครั้งหนึง เอาว่าต้องอย่าเร่งเกินจนไปเสียประตูที่สองเหมือในนัดก่อน
นาทีที่ 31 เอาคืนได้เร็วเลยสำหรับเชลซี เมื่อบุตต์เนอร์ไปทำฟาวล์โมเสสในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าปี๊ดไม่มีลังเล ก่อนที่ลูอีซจะรับหน้าที่สังหารวิ่งเข้าไปอัดเต็มแรงตามสไตล์ แม้ว่าลินเดการ์ดจะพุ่งถูกทาง แต่ก็ปัดไว้ไม่อยู่ เกมเจ๊ากันแล้ว 1-1
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกมนี้ทันกันชัดเจนเลยสำหรับทั้งสองทีม แม้ว่าจะมีการปรบเอาผู้เล่นระดับตัวสำรองลงมาผสมตัวจริง แต่ความเข้าใจเกมของทั้งคู่ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก
นาทีที่ 42 เอาจริงๆก็เป็นความผิดพลาดอีกครั้งหนึงของผู้เล่นเชลซีเอง เมื่อลูอีซโชว์เมพ พยายามลากบอลขึ้นสูง ก่อนโดนตัดและเป็นอันแดร์สันที่ทิ้งตูดทิ่มบอลไปให้กับเอร์นานเดซได้วิ่งเข้ายิงสวนตัวเช็กส่งบอลไปจ๊ะเอ๋กับตาข่าย แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำอีกคำรบ 2-1
มีการทดเวลาบาดเจ็บออกไป 2 นาทีในครึ่งแรก แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำประตูหรือมีจังหวะลุ้นเสียวเพิ่ม ทำให้จบ 45 นาทีแรกเป็นแมนฯยูไนเต็ดที่นำเชลซีอยู่ 2-1
ต่อมาในช่วงครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" เชลซี มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นโดนถอดเอามิเกลออก แล้วส่งรามิเรสแข้งจอมอึดลงไปเล่นแทน ส่วนแมนยูไนเต็ดก็ส่งพาวล์ลงไปเล่นแทนบุตต์เนอร์ ดูว่าเฟอร์กูสันคงเห็นว่าให้อยู่ต่อก็ไม่ต่างจากมีปีกซ้ายสองตัวในสนามอะไรแบบนั้น
เล่นครึ่งหลังมาได้ 3 นาที แม้เพิ่งจะลงสนามหยกๆ แต่พาวล์ก็โชว์ซะ ด้วยการลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลพุ่งสวยเหมือนจะดูดหาเสา แต่เช็กไม่พลาดพุ่งปัดทิ้งออกหลังไปได้ทัน
นาทีที่ 52 สนั่นลั่นจอกันเลยทีเดียวสำหรับจังหวะการขึ้นเทคตัวโขกของเคฮิลล์กับลูกเตะมุมที่มาต้าโยนเข้าตำแหน่งในเขตโทษ เคฮิลล์จัดให้ขวิดแบบเต็มเหน่ง แม้ว่าราฟาเอลจะสกัดออกมาได้ แต่บอลมันข้ามเส้นประตูไปแล้ว เกมเสมอกัน 2-2 ดูซิว่านัดนี้จะออกมาสกอร์เดียวกับเกมที่แล้วแต่เปลี่ยนฝั่งผู้ชนะหรือไม่
นาทีที่ 59 บทจะเทพมันก็เมพขึ้นมาซะงั้นเลยสำหรับนานี่ปีกอาบังอินดี้ที่จัดการแตะบอลต่อให้กับอันแดร์สันก่อนควบไปรอรับบอลในเขตโทษ ก่อนที่จะชิพบอลข้ามตัวของเช็กที่พยายามออกมาบล็อกเข้าประตูไป แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 และนี่ก็เป็นการจ่ายอีกครั้งของอันแดร์สัน แอสซิสต์ไป 3 เม็ดเต็มๆเลย
ต้องสวมบทลุยแหลกอีกครั้งสำหรับผู้เล่นเชลซี เพราะสกอร์นี้มันหลอนเหลือเกิน พวกเขาพยายามที่จะทำเกมขึ้นหน้าโดยให้มาต้าเป็นคนปั้น แต่ก็ยังไม่เข้าเป้าสักที โดยเฉพาะจังหวะโหม่งของโมเสสที่เฉี่ยวเสาออกไป ซึ่งว่ากันซื่อๆน่าจะทำได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะมีสิทธิ์ถึงตีเสมอเลยด้วย
นาทีที่ 71 ต้องปรับทัพกันอีกสักหน่อย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้อาซาร์ลงมาเล่นแล้ว ตอนนี้เชลซีก็จัดการส่งตัวออสการ์ลงเล่นแทนที่ของโรเมอู เปลี่ยนแบบนี้ก็ลุยอย่างเดียวเท่านั้น
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตอนนี้เกมอัดเจอกันซึ่งๆหน้าเลย เพราะทั้งสองทีมต่อบอลกันรวดเร็วมาก เชลซีพยายามจะทำเร็วเพื่อหาจังหวะเจาะแนวรับของทีมเยือน ส่วนแมนฯยูไนเต็ดก็เคาะต่อบอลกันเพื่อหาช่องสวนสวยๆเช่นกัน
นาทีที่ 81 นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเกมที่อันแดร์สันเล่นได้ดีที่สุดในช่วงสองฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยสามแอสซิสต์่ที่เขาทำไป ก่อนจะถูกถอดออกแล้วให้ทันนิคลิฟฟ์ลงเล่นแทน จนเฟอร์กูสันต้องเดินมารับที่ข้างสนามด้วยตัวเอง
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เชลซีัดไม่ปล่อยตามเอาจนถึงที่สุดและมาได้ประตูตีเสมอหนที่ 3 ของเกมจากลูกจุดโทษที่วูดตันไปทำฟาวล์รามิเรสซึ่งพูดได้เลยว่าอ่อนประสบการณ์ยิ่ง ก่อนที่อาซาร์จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปจะเหลือรึ เกมเสมอกัน 3-3 แถมเขี่ยปุ้บจบปั้บ รอดูกันอีก 30 นาทีที่ว่างานนี้จะหมู่หรือจ่า
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ช่วงต่อเวลาพิเศษออกสตาร์ทมาได้ 3 นาที เชลซีก็เกือบทำประตูได้เลย เมื่ออาซาร์โชว์สเต็ปเทพลากบอลผ่านกองหลังของแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะไปถึงสเตอร์ริดจ์ที่พยายามจะยิงในเขตโทษ แต่โดนบล็อกเอาไว้ซะงั้น
นาทีที่ 98 พลิกขึ้นนำครั้งแรกในเกมนี้จนได้สำหรับเชลซี เมื่อวูดตันปล่อยของโชว์เฟอร์กูสันเต็มที่ ทำพลาดโหม่งคืนเบาเกินไป ทำให้เข้าทางของสเตอร์ริดจ์ที่ไม่ต้องอะไรมาก แค่แตะบอลผ่านลินเดการ์ดแล้วเข้าไปแปโล่งๆ 4-3 จะสู้คู่อาร์เซนอลได้ไหมสำหรับเกมนี้
อีก 2 นาทีต่อมา หวิดจะมีมวยเหมือนกันสำหรับคู่นานี่และออสการ์ที่เสียบกันล้มคู่กันแข้งขาพัวพันเลยฮึดฮัดใส่กัน กรรมการเลยให้ยาอารมณ์เย็นใบเหลืองไปกินทั้งสอง
นาทีที่ 116 เชลซีมาได้ประตูตอกฝาโลงส่งผีลงหลุมด้วยการเข้าแท็ปอินแบบสบายๆของรามิเรส เป็นสกอร์ 5-3
ช่วงท้ายแมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 5-4 จากจุดโทษของกิ๊กส์ แต่นั่นก็ไม่ทันแล้ว เมื่อจบ 90 นาทีเป็นเชลซีที่ล้างตาได้สำเร็จ เมื่อพวกเขาโชว์สุดยอดคาแร็คเตอร์ไล่ตามถึง 3 ครั้ง ก่อนจะพลิกแซงเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไป 5-4 ทะลุผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของแคปปิตอล วัน คัพไป