แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Newsman

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 37
121



       กลายเป็นนักเตะความหวังสูงสุดในเวลานี้ของทีมไปโดยปริยายเรียบร้อยแล้ว สำหรับทางด้านของกองหน้าจอมเซิ้ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ของหงส์แดง ลิเวอร์พูล โดยหลังจากที่เจ้าตัวซัดเบิ้ลในเกมหงส์แดงเปิดบ้านเอาชนะสิงห์ผยอง และได้รับการออกมากล่าวยกย่องจากทั้งกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ เจมส์ มิลเนอร์ เพื่อนร่วมทีม ล่าสุดก็เป็น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานกองหน้าของทีมที่ได้ออกมากล่าวไปในทิศทางเดียวกัน

       ทั้งนี้ ฟาวเลอร์ ซึ่งเคยฝากผลงานอันยอดเยี่ยมเอาไว้ในถิ่นแอนฟิลด์ กระทั่งแฟนบอล เดอะ ค็อป ยกย่องฉายาให้เป็นเดอะ ก็อตในสมัยค้าแข้งอยู่ ได้กล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสรลิเวอร์พูล ถึงกองหน้ารุ่นน้องในทีมว่าเขาเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้ตลอดอยู่แล้ว แม้เขาจะได้ลงเล่นไม่กี่นัดก็ตาม เขาก็ยังประตูได้อยู่ดี เพราะธรรมชาติของเขาคือดาวยิงอยู่แล้ว แน่นอนเราต้องการเขา ต้องการผลงานที่ดีจากเขาและเพื่อชัยชนะของทีมเราด้วย จริงๆแล้วมันไม่สำคัญหรอกนะว่าใครจะเป็นผู้ยิงประตูให้กับทีม ตราบใดที่เราได้ชัยชนะนั่นย่อมสำคัญกว่า แต่ก็นั่นแหละหากเป็นสเตอร์ริดจ์แล้วเมื่อใดที่เขาฟิตสมบูรณ์ และลงสนามให้กับเราเขาก็จะทำประตูให้เราได้เรื่อยๆแน่นอน

       สำหรับ สเตอร์ริดจ์ นั้นถูกซื้อมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์เมื่อสองซีซั่นก่อน และก็ทำผลงานได้ดีในทันที  โดยเฉพาะในช่วงที่เล่นร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ทั้งสองคนพากันผลิตสกอร์ให้หงส์แดงได้เป็นกอบเป็นกำ

       กระทั่งนำหงส์แดงจบอันดับที่สองของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2013-2014 อย่างไรก็ตามในซีซั่นที่แล้วนักเตะต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถลงช่วยหงส์แดงได้เกือบจะทั้งซีซั่น ก่อนที่จะกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งเมื่อหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อน และลงสนามช่วยทีมได้อีกครั้งพร้อมกับการแบกความหวังในการทำประตูให้ทีมจากทั้งแฟนบอล และเพื่อนร่วมทีม

122

       เรียกว่าทำเอา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถึงกับสะดุ้งเลยสำหรับการกล่าวถึงอดีตต้นสังกัดหงส์แดง กับยอดกุนซือแห่งยุคอย่าง โจเซ่ มูริญโญ่ จาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมขวัญใจแฟนบอลเดอะค็อป เพราะสิ่งเจ้าตัวกล่าวออกมานั้นเป็นไปทำนองว่าหากมูริญโญ่คุมทีมหงส์แดงตอนที่ตนเองยังคงค้าแข้งอยู่กับทีมน่าจะได้สัมผัสถ้วยแชมป์ไปแล้ว

       ทั้งนี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ใกล้เคียงกับการพาหงส์แดงประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกเมื่อสองซีซั่นก่อนหน้านี้ ภายใต้การทำงานของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดยสามารถจบอันดับที่สองของตารางคะแนน และเป็นทางด้านของ แมนฯซิตี้ ที่นำจ่าฝูงเหนือพวกเขาในตอบจบซีซั่น

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะพลาดโอกาสในอาชีพค้าแข้งที่จะได้ชูถ้วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ทว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด ที่เลือกยืนหยัดอยู่กับทีมหงส์แดงจนถึงช่วงปลายของอาชีพค้าแข้ง กระนั้นก็ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่าหากทีมมีกุนซือฝีมือเจ๋งอย่าง มูริญโญ่ มาทำงานร่วมด้วยน่าจะทำตนกับทีมหงส์แดงได้สัมผัสถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนกัน

       โดยเจอร์ราร์ดกล่าวผ่านสื่อดังของอังกฤษอย่างบีบีซีว่า ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยนะที่อยู่เป็นตัวแทนของทีมหงส์แดงมาตลอด ผมคือกัปตันของที่นี่ ดังนั้นแล้วผมต้องมีความรับผิดชอบในการพยายามพาหงส์แดงให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ทีมอย่างเชลซี (ที่ครั้งนึงเคยพยายามติดต่อขอดึงตัวตนเองไปร่วมทีม)

       แต่พวกเขาก็คือทีมที่ดีมาก พวกเขาก้าวหน้าขึ้นมากภายใต้การนำของเจ้าของทีม “โรมัน อับราโมวิช” ผมคิดว่าผมคงมีความสุขที่ทำให้ฝันเป็นจริงได้นะถ้าหากกุนซือ โจเซ่ มูริญโญ่ มาทำทีมหงส์แดงสักสองซีซั่น ผมมั่นใจว่าเขาจะเป็นคนนำพาทีมผมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ (เจอร์ราร์ดประสบความสำเร็จกับหงส์แดงทั้งในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ)

123

       มีความเป็นไปได้ว่าสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี และหงส์แดง ลิเวอร์พูลจะต้องอกหักในดีลของ บิคตอร์ บัลเดส นายด่ายจอมหนึบชาวสแปนิชซะแล้ว เพราะหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมายืนยันแล้วว่าทั้งลิเวอร์พูล และเชลซีต่างสนใจที่จะดึงบัลเดสจากแมนฯยูไนเต็ดไปร่วมทีม

       ล่าสุดในการรายงานสถานการณ์ออกมาจากทางฝั่งปีศาจแดงบ้างว่า เวลานี้พวกเขาพร้อมที่จะยกเลิกสัญญากับอดีตผู้รักษาประตู บาร์เซโลน่า รายนี้แล้ว แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าตัวนักเตะจะต้องเลือกซบทีมในต่างแดน (ไม่ใช่ในอังกฤษ) เท่านั้น

       ว่ากันง่ายๆคือถ้าหาก บัลเดส ทนไม่ไหวกับการต้องจมปลักฝึกซ้อมอยู่กับทีมสำรองของ แมนฯยูไนเต็ด ต่อไป ทางเลือกเดียวก็คือการหาต้นสังกัดใหม่ที่อยู่นอกอังกฤษ แล้วเมื่อนั้นปีศาจแดงก็จะยกเลิกสัญญาให้ทันที

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิธีนี้อาจจะดูใจร้ายกับบัลเดสอีกแล้ว เพราะนั่นจะทำให้เขาพลาดโอกาสในการค้าแข้งกับสองทีมใหญ่ในอังกฤษอย่างลิเวอร์พูล และเชลซี แต่หากมองกันในแง่ดีก็ถือว่าเป็นโอกาสเริ่มต้นใหม่ที่ดีเหมือนกัน เนื่องจากชื่อชั้น และประสบการณ์ของบัลเดสตอนนี้ยังถือว่าพอขายได้ หมายความว่าการจะหาต้นสังกัดใหม่ไม่ว่าจะเป็นใน อิตาลี เยอรมัน หรือการกลับไปสเปนก็ตามไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเท่าไหร่ น่าจะพอมีทีมที่พร้อมอ้าแขนรับอยู่

       สำหรับทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่ตกเป็นข่าวต้องการบัลเดสไปร่วมทีมนั้นต่างก็เป็นสองทีมที่ประสบปัญหาในเกมรับ และการเสียประตูเหมือนกัน โดยในส่วนของเชลซีนั้นช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้พวกเขาทำสถิติเสียประตูมากที่ในสุดในลีก หน่ำซ้ำผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง ติโบต์ กูร์ตัวส์ ยังมาได้รับบาดเจ็บยาวอีก ด้านลิเวอร์พูลประตูมือหนึ่งอย่าง ซิมง มิโญเล่ต์ ยิ่งเล่นยิ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีมมีความเห็นว่าควรจะมีผู้รักษาประตูชื่อดังอย่างบัลเดสมาคอยกดดันแย่งตำแหน่งกันเพื่อกระตุ้นฝีมือการเฝ้าเสา

124

       เรียกว่าต้องถามกันเลยงานนี้ว่ามองทีมไหนไว้เป็นพิเศษไหม สำหรับทางด้านของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารวัยเก๋าชาอิตาเลี่ยนที่ออกมาประกาศตัวชัดเจนว่าสนใจที่จะโยกไปค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนแขวนถุงมืออำลาโลกลูกหนัง

       ทั้งนี้ บุฟฟ่อน ถือได้ว่าเป็นหนึ่งผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดตลอดการของโลกลูกหนัง โดยเจ้าตัวเฝ้าเสาให้กับทีมดังของ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี อย่างม้าลาย ยูเวนตุส มานานร่วม 15 ปีแล้ว

       ทั้งยังลงสนามให้กับทีมชาติอิตาลีไปแล้วมากถึง 150 เกม โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถือว่าเจ้าตัวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับความสำเร็จของยุเวนตุส รวมถึงความสำเร็จของทีมชาติอิตาลีในเวิลด์ คัพ 2006 ด้วย

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูจะเป็นตำแหน่งที่เมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นๆแล้วถือว่าอายุการใช้งานนานที่สุด แต่ทว่าด้วยวัยที่ปาเข้าไป 37 ปีแล้วทำให้เวลานี้นักเตะเริ่มคิดถึงเรื่องการทิ้งทวนอาชีพนักฟุตบอลแล้ว โดยเจ้าตัวกล่าวถึงแผนทิ้งทวนอาชีพค้าแข้งของตนเองว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะไปปิดฉากในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผมอยากที่จะไปเล่นในอังกฤษ ผมใช้เวลาในอิตาลีมานานแล้ว ผมรับใช้ปาร์ม่า 10 รับใช้ยูเวนตุส 15 ปี แต่ผมคิดว่าผมยังสามารถเล่นฟอร์มสุดยอดได้อีกประมาณสองปีกว่าๆ ดังนั้นก็น่าจะพอมีโอกาสในการไปเล่นที่อังกฤษ

       สำหรับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปัจจุบันถือว่าเป็นปลายทางการค้าแข้งที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้นักเตะปิดฉากอาชีพได้ไม่สวยอยู่พอสมควรเลย เพราะแม้ว่าตัวนักเตะจะแสดงความมั่นใจว่ายังเล่นได้ในระดับสูงอีกอย่างน้อยสองปีกว่าๆ แต่ระยะหลังๆบรรดาทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษโดยเฉพาะทีมใหญ่ๆก็ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่นิยมใช้งานผู้รักษาประตูอายุเยอะ ดังตัวอย่างในรายของบัลเดสกับแมนฯยูไนเต็ด หรือในรายปีเตอร์ เช็กกับเชลซีถึงปัจจุบันจะเป็นมือหนึ่งให้กับอาร์เซน่อลแต่อนาคตก็ยังไม่อาจการันตีอะไรได้ และเมื่อซีซั่นที่แล้วก็เพิ่งพบกับความยากลำบากในการต้องตกเป็นสำรองของกูร์ตัวส์ตลอดทั้งซีซั่น

125

       เรียกว่ายังพอได้ลุ้นนั่นแหละครับสำหรับการออกมากล่าวแสดงทัศนะของ เธียร์รี่ อองรี อดีตตำนานนักเตะของทีมปืนโต อาร์เซน่อล ถึงทีมคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอนอย่างสิงห์บลู เชลซี ที่มีช่วงออกสตาร์ทซีซั่นที่ย่ำแย่ โดยแพ้ไปแล้วถึง 3 เกม และเก็บแต้มได้เพียงแค่ 8 แต้มเท่านั้นจากการลงเล่น 7 เกม ซึ่งนับว่าน้อยมากๆหากเทียบกับมาตรฐานของทีมที่จะเป็นแชมป์

       ทั้งนี้ อองรี ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เสมือนนักวิเคราะห์ วิจารณ์เกม ตามสไตล์ของอดีตนักเตะชื่อดังในปัจจุบันแสดงความคิดเห็นว่า
 ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องยากนั่นแหละ (สำหรับการลุ้นแชมป์ของเชลซีในซีซั่น) เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่การภาวนาให้ทีมอย่างซิตี้ทำแต้มหล่นเท่านั้น แต่ยังมีอาร์เซน่อล แมนฯยูไนเต็ดแล้วก็ลิเวอร์พูลด้วย (มันยากมากที่จะทำให้ทีมเหล่านี้พลาดพร้อมๆกัน) ดูเป็นงานใหญ่หลวงเลย แต่คุณก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น

       ดูตัวอย่าง แมนฯซิตี้ สิเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเรายังทึ้งในผลงานของพวกเขาอยู่เลย แต่มาตอนนี้พวกเขากลับฟอร์มดร็อปลงไปดื้อ ดังนั้นแน่นอนว่ากับเชลซีอะไรๆก็ย่อมเกิดขึ้นได้เช่นกัน

       สำหรับ แมนฯซิตี้ นั้นออกสตาร์ท 5 เกมแรกได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด แต่สองเกมล่าสุดกลับพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างไม่เป็นท่า โดยเฉพาะเกมล่าสุดนั้นแพ้ให้กับ ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส ไปถึง 4-1 ล่าสุดจึงถูก แมนฯยูไนเต็ด แซงรั้งจ่าฝูงเรียบร้อยแล้ว

       ในส่วนของ เธียร์รี่ อองรี นั้นสมัยค้าแข้งเจ้าตัวเคยทำผลงานอันโดดเด่นไว้กับทีมปืนโตถึงขั้นที่แฟนบอลทีมปืนโตยกให้เป็นตำนานขวัญใจลำดับต้นๆเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวเป็นคีย์แมนของอาร์เซน่อลที่พาทีมซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบไร้พ่ายเมื่อปี 2002 ร่วมกับนักเตะดังๆในยุคนั้นอีกหลายราย อาทิเช่น ปาทริค วิเอร่า เพื่อนร่วมชาติฝรั่งเศส เดนนิส เบิร์กแคม, เฟดริก ลุงเบิร์ก, โรแบร์ ปีเรส เป็นต้น

126

       จัดได้ว่าเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมาลำดับต้นๆของวงการฟุตบอลจริงๆสำหรับทางด้านของ โจเซ่ มูริญโญ่ นายใหญ่ทีมเชลซี และ อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ของทีมอาร์เซน่อล สองคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน โดยล่าสุดแม้ว่าประเด็นร้อนในเกมลอนดอนดาบี้แมทที่ลูกทีมของ เวนเกอร์ บุกไปพ่ายให้กับลูกทีมของ มูริญโญ่ จะถูกเคลียร์จบสิ้นจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษไปแล้วด้วยการปรับโทษของ กาเบรียล เปาลิสต้า ที่เดิมถูกยกเลิกใบแดงจากการอุทธรณ์ผ่านของอาร์เซน่อลเป็นแบนหนึ่งเกม (ลดกระแสความไม่พอใจจากทางฝั่งเชลซีที่คอสต้าโดนแบนสามเกม)

       แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกลบเสียงลือเสียงเล่าอ้างในด้านลบจากทางฝั่งกุนซือทีมสิงห์บลู โดย มูริญโญ่ ได้ออกมาเปิดศึกน้ำลายใส่เวนเกอร์ก่อนในทำนองว่าเป็นพวกที่ได้อภิสิทธิ์เหนือกุนซือของทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากทางเอฟเอ หรือทางสโมสรอาร์เซน่อลเองก็ตาม เขาสามารถที่จะยืนคุมทีมข้างสนามได้แบบไม่ต้องเกรงกลัวใครในพื้นที่คุมทีมของเขา เขานึกจะผลักอกใครเขาก็ทำได้ เขาอยากตำหนิใครก็ทำได้โดยที่เขาไม่โดยลงโทษได้ ในด้านผลงานแม้จะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการใดๆ ได้นานหลายปีติดต่อกันแล้วแต่เขาก็ยังนั่งแท่นคุมทีมใหญ่อย่างอาร์เซน่อลได้อย่างสง่าผ่าเผยอยู่ดี

       ขณะที่ เวนเกอร์ หลังทราบคำกล่าวของฝ่ายแรกก็ออกตอกกลับว่า ผมรู้ดีว่าผมทำอะไรอยู่ผมก็แค่ทำงานของผมกับทีมให้เสร็จสิ้นและเราทำเพื่อแฟนบอล ตลอดเส้นทาง 30 ปีบนเวทีลูกหนังผมทราบดีว่าสิ่งใดที่เราต้องการ ใช่ มันคือการเล่นฟุตบอลให้ดี (เหมือนที่ผมพยามทำมันมาตลอด) (เวนเกอร์ และมูริญโญ่เป็นสองกุนซือที่มักจะทำสงครามน้ำลายกันเป็นระยะมาตั้งแต่สมัยที่มูริญโญ่คุมทีมเชลซีคำรบแรกแล้ว แต่ที่ดูจะเรียกเสียงวิจารณ์ได้มากก็คือการที่เวนเกอร์ปฏิเสธจะจับมือกับมูริญโญ่ในเกมก่อนเปิดซีซั่นนี้)

127

       ต้องบอกว่าเข้าตำราก้มหน้าก้มตาทำไปสำหรับการออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นของทาง เจมส์ มิลเนอร์ ต่อสถานการณ์ของต้นสังกัดในปัจจุบันที่ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าผลงานไม่ดีเอาซะเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีมที่ถูกโหมข่าวแบบรายวันว่าจ่อที่จะโดนเด้งลงจากเก้าอี้เต็มทีแล้ว

       ทั้งนี้ เจมส์ มิลเนอร์ ย้ายซบทีมหงส์แดงเมื่อตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมาแบบไร้ค่าตัว หลังจากหมดสัญญากับทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ แต่ทันทีที่เข้ามาอยู่ในทีมหงส์แดงแข้งรายนี้ก็มีบทบาทสำคัญในทีมทันที

       โดยปัจจุบันเป็นตัวเลือกแรกในแผงกองกลางของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทั้งยังทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมเบอร์สองรองจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อีกด้วย ล่าสุดก็เพิ่งจะซัดประตูประเดิมให้กับหงส์แดงในเกมเปิดบ้านไล่ต้อนแอสตัน วิลล่าไป 3-2

       มิลเนอร์ กล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นไปของทีมท่ามกลางเสียงวิจารณ์ด้านลบตอนนี้ว่ามันเป็นเรื่องของการถูกดูกันอย่างละเอียดยิบนั่นแหละ มันเป็นเรื่องราวเดียวกันกับอาชีพของนักฟุตบอล แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ไปสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว เราต้องจดจ่ออยู่กับการทำงานในแต่ละวันของเรา แน่นอนว่ายังไงเราก็ต้องทำมันต่อไปอย่างสม่ำเสมอ ใช่ความกดดันมันมีอยู่แล้วสำหรับการลงเล่นให้สโมสรที่ใหญ่ขนาดนี้ ฉะนั้นเมื่อผลงานของพวกเรามันไม่ได้ดีเรียบหรูอย่างที่คาดหวังกัน ก็ย่อมจะต้องมีการพูดถึงกันไปต่างๆนานา

       แต่สำคัญสุดคือเราต้องร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกัน โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในห้องแต่งตัวพวกเรานักเตะ สต๊าฟโค้ชจะต้องกลมเกลียวกัน อย่างที่บอกมันหลายสิ่งอย่างเหลือเกินที่มีให้ได้พูดถึงกัน แต่พอเมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเรื่องเหล่านี้มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่พูดกันเกินความจริงไปเท่านั้น

       สำหรับกระแสปลด ร็อดเจอร์ส มันดูเป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วน่าผิดหวังมาก ก็ตามที่เราได้เห็นกันเมื่อสองซีซั่นก่อนเขาเกือบจะได้แชมป์ลีกกันแล้ว (ร็อดเจอร์สพาทีมจบที่สอง) แล้วจากนั้นมันก็มีการเปลี่ยนแปลง ผู้เล่นตัวหลักๆย้ายออก ฉะนั้นก็ต้องอาศัยเวลาในการกลับมาจุดเดิม

128

       พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆสำหรับสถานการณ์ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงนี้ เพราะนอกจากผลงานจะย่ำแย่กระทั่งถูกกระแสกดดันอย่างหนักแล้ว ล่าสุดยังโดนโจมตีย้อนหลังแบบอ้อมๆจากอดีตกัปตันทีมขวัญใจแฟนบอลเดอะต็อปอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกด้วย

       ทั้งนี้ เจอร์ราร์ด ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นระยะเวลาสองซีซั่นได้กล่าวเผยถึงเหตุการณ์ในเกมแดงเดือดเกมสุดท้ายที่เจ้าตัวได้ลงเล่น และเป็นการลงเล่นเพียง 38 วินาที เนื่องจากโดนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามเมื่อซีซั่นที่แล้วว่าต้นเหตุนั้นมาจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั่นแหละ เพราะตัวเขารู้สึกโมโหกุนซือรายนี้มากที่ดันจับเขานั่งเป็นตัวสำรอง ทั้งๆที่เกมแดงเดือดครั้งนั้นจะเป็นเกมแดงเดือดสุดท้ายที่เขาจะได้ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล แล้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้ผ่านร้อนผ่านหนาวกับบรรยากาศของเกมแดงเดือดมาอย่างโชกโชน ด้วยประสบการณ์ค้าแข้งในฐานะกัปตันทีมหงส์แดงอันยาวนาน

       สำหรับเกมแดงเดือดที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านพบกับแมนฯยูไนเต็ด และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-2 กระทั่งนำมาสู่จุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาชวดโควตาฟุตบอลยุโรปในซีซั่นนี้ เจอร์ราร์ด ถูกส่งลงสนามไปในครึ่งเวลาหลัง ซึ่งเป็นการแก้เกมส์จากร็อดเจอร์สหลังจากทีมตกเป็นรองในครึ่งเวลาแรก ทว่าเพียง 38 วินาทีเจอร์ราร์ดก็ทำเรื่องน่าตกใจเมื่อไปย้ำเข้าใส่ข้อเท้าของอันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์ทีมเยือนเข้าอย่างจัง

       อย่างไรก็ตามนอกจากโทษที่ความโมโหในตัวกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แล้ว เจอร์ราร์ด ก็ยังได้กล่าวโทษตัวเองต่อไปด้วยว่าที่จริงแล้วตนเองก็ควรจะทำอะไรให้ทีมได้ดีกว่านี้ ควรจะมีความนิ่ง และเป็นมืออาชีพกว่านี้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อทีมที่สุดไม่ควรที่จะแสดงการเล่นอันเห็นแก่ตัวแบบนี้ออกมา (เจอร์ราร์ดกล่าวว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องรีบออกมากล่าวขอโทษทุกคนหลังจากที่เกมแดงเดือดครั้งนั้นจบลง)

129

       ต้องบอกว่าเข้าตำราไม่ใช้ก็ขอยืมหน่อยละกันสำหรับข่าวคราวล่าสุดของทีม 'เชลซี' ที่สื่อชื่อก้องเมืองผู้ดี “เดลี่ สตาร์” ตีออกมาซึ่งเป็นไปทำนองว่าพวกเขากำลังเตรียมที่จะทำเรื่องขอยืมตัว บิคตอร์ บัลเดส จากทีมแมนฯยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมลีกแบบฉุกเฉินไปยังสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เพราะว่าเวลานี้พวกเขาเหลือผู้รักษาประตูให้ใช้งานเพียงแค่สองรายเท่านั้น จากการที่ ติโบต์ กูร์ตัวส์ นายด่านมือหนึ่งตัวจริงของทีมได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือน

       ในขณะที่ในรายของ ปีเตอร์ เช็ก ก็ถูกขายไปให้กับทีมอาร์เซน่อลเมื่อตลาดซัมเมอร์แล้ว หากเกิดโชคร้ายมีผู้รักษาประตูรายใดของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนเข้าอีกก็จะทำให้พวกเขาไม่มีผู้รักษาประตูไว้คอยสแตนบายเป็นตัวสำรองเลย

       ทั้งนี้โดยปกติแล้วการยืมตัวผู้เล่นระหว่างสโมสรจะมีกฎเช่นเดียวกันกรณีการซื้อขายผู้เล่น คือจะต้องทำระหว่างช่วงเวลาของตลาดซื้อขายนักเตะ ยกเว้นว่านักเตะจะเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ หรือไม่มีสังกัด หมดสัญญากับต้นสังกัดแล้วไม่ได้ต่อ อะไรทำนองนั้นจึงจะสามารถเซ็นสัญญาไปเล่นกับทีมไหนในช่วงเวลาใดก็ได้  แต่ในกรณีพิเศษแบบของเชลซีก็ขึ้นอยู่กับทางเอฟเอว่าจะพิจารณาอนุญาตให้เกิดการเซ็นสัญญายืมตัวได้หรือไม่ หรือว่ากันง่ายๆก็คืออยู่ที่ว่าทางเอฟเอจะใจดีกับเชลซีหรือเปล่านั่นแหละ

       ถ้าหากเอฟเอใจร้ายหน่อยก็อาจจะแจ้งให้ทางเชลซีไปดึงเอาผู้รักษาประตูจากทีมสำรองของตนเองขึ้นมาแทนก็เป็นได้ สำหรับ บัลเดส กับทีมปีศาจแดงถือว่าไม่มีอนาคตเลยนับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า โดยแทบจะไม่ได้รับโอกาสจากกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล เลย ปัจจุบันก็หล่นไปเป็นมือสามของทีมแล้วแทบจะไม่มีโอกาสได้สแตนบายข้างสนามเลย (มือหนึ่งของปีศาจแดงเป็น ดาบิด เด เกอา มือสองเป็น เซร์คิโอ โรเมโร่)

130

       โดนจวกไปตามระเบียบสำหรับผู้ตัดสินในเกม อาร์เซน่อล บุกพ่าย ดินาโม ซาเกร็บ ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยหลังเกมการแข่งขันเป็นทางด้านของ อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ทีมปืนโตที่ได้ออกมากล่าวในเชิงตำหนิผู้ตัดสินผ่านทางเว็บไซต์ทางการของ สโมสรอาร์เซน่อล ถึงจังหวะแจกใบเหลืองที่สองให้กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 40 ของเกมการแข่งขันว่าผมว่าจังหวะนั้นชิรูด์มองไม่เห็นคู่แข่งด้วยซ้ำ ฉะนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจมันเป็นเพียงจังหวะอุบัติเหตุ การแจกใบเหลืองมันควรจะมาจากจังหวะตั้งใจทำฟาล์ว แต่นี่มันไม่ใช่เลย หากว่าผู้ตัดสินเลือกใช้การแจงใบเหลืองครั้งนี้ให้กับชิรูด์ในการเป็นมาตรฐานตัดสินเกม เกมนี้ทั้งเกมก็คงจะมีใบเหลืองปลิวว่อนแล้ว

       สำหรับชิรูด์นั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งนักเตะกองหน้าที่โดนแฟนบอลของทีมตนเองวิจารณ์ผลงานค่อนข้างหนัก เรียกว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ของทีมปืนโตก็ว่าได้ไม่ค่อยจะพึงพอใจในผลงาน และคุณภาพของกองหน้ารายนี้ แต่ถึงอย่างนั้นอาร์แซน เวนเกอร์ก็ไม่ตัดสินใจที่จะเสริมทัพในตำแหน่กองหน้าตัวเป้าเมื่อตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา และจากการที่ออกมากล่าวเกี่ยวกับจังหวะใบเหลืองที่สองดังข้างต้นผ่านเว็บไซต์ทางการก็แน่นอนว่านอกจากจะเป็นการโจมตีผู้ตัดสินที่เหมือนจะทำหน้าที่ผิดพลาดแล้วส่วนนึงก็เป็นการปกป้องชิรูด์ไปในตัวด้วย เพราะไม่อย่างนั้นนักเตะก็อาจโดนแฟนบอลโจมตีเพิ่มขึ้นอีกว่าเป็นต้นเหตุความพ่ายแพ้ของทีม

       สำหรับอาร์เซน่อลหลังจากเสร็จศึกรายการยุโรปแล้ว พวกเขามีโปรแกรมหนักในลีกรออยู่ ซึ่งก็คือการต้องบุกไปทำศึกลอนดอนดาบี้แมทกับทีมสิงห์บลู เชลซี ที่เดอะ บริดจ์ในวันเสาร์นี้ โดยจะทำการคิกออฟเป็นคู่แรก เวลา 18.45 น. ตามเวลาประเทศไทย (อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด อาร์เซน่อลรั้งอยู่อันดับ 4 แข่งไป 5 นัด มี 10 แต้ม เชลซีอยู่อันดับ 17 แข่ง 5 นัด มี 4 แต้ม)

131

       ดูท่าว่างานนี้จะใช้ชีวิตในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไปลำบากซะแล้วสำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือตาหวานที่กำลังพาหงส์แดงดิ่งผลงานลงเรื่อยๆ เพราะยิ่งนับวันเจ้าตัวยิ่งโดนกระแสเร้าให้บอร์ดบริหารหงส์แดงปลดลงจากตำแหน่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระแสจากแฟนบอลของทีมก็ดี กระแสจากเหล่าคนดังในแวงวงฟุตบอลก็ดี

       อย่างล่าสุดเป็นทางด้านของ ร็อบบี้ ซาเวจ อดีตกองกลางทีมชาติเวลส์ที่ได้ออกมากล่าวกันแบบตรงไปตรงมาเลยว่า หงส์แดงควรที่จะทำการเด้งร็อดเจอร์สลงจากตำแหน่งได้แล้ว พร้อมแนะให้ไปดึงเอา เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือเสือเหลืองที่ว่างงานอยู่ หรือไม่ก็ คาร์โล อันเชล็อตติ อดีตกุนซือเรอัล มาดริดมาทำหน้าที่แทน

       โดยซาเวจกล่าวอธิบายถึงผลงานของ ร็อดเจอร์ส กับสื่อว่าเขาคือกุนซือคนแรกของหงส์แดงเลยนะนับตั้งแต่ปี 1950 ที่พาทีมไม่ได้แชมป์อะไรเลยในสามซีซั่นแรกของการทำงาน ถึงผมจะไม่ค่อยเห็นกับวงการฟุตบอลปัจจุบันที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือบ่อยๆ แต่มันก็เป็นตัวเขาเองไม่ใช่หรอที่จัดการปลดทีมงานสต๊าฟของตัวเองเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แล้วตอนนี้มันก็ถึงเวลาของเขาเองแล้วล่ะมันไม่ที่จะให้เขาหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว (จะไปโยนความผิดให้คนอื่น ให้ทีมสต๊าฟโค้ชก็คงจะไม่ได้แล้ว)

       การที่ คล็อปป์ กับ อันเชล็อตติ กำลังว่างงานอยู่ในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ดีเลย หากว่า จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ (เจ้าของทีม) ตัดสินใจเปลี่ยนแปลง ผมเองคิดว่าให้เวลาร็อดเจอร์สมากกว่านี้ได้ แต่ก็ต้องมีการรับประกันผลงานขั้นต่ำว่าควรต้องจบที่ท็อปโฟร์ ส่วนเรื่องแนวทางการทำทีม ปรัชญาที่ร็อดเจอร์สว่างไว้ในการทำงานระยะยาวนั้น มันไม่ใช่แล้วล่ะสิ่งแล้วนั้นมันผ่านพ้นไปแล้ว หนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้ทำงานต่อไปคือทำยังไงก็ได้ให้ทีมเก็บชัยชนะ (ผลงานที่ดีที่สุดของร็อดเจอร์สในการคุมทีมหงส์แดงคือการพาทีมจบอันดับที่สองในซีซั่น 2013-2014)

132

       ต้องบอกว่ายังร้อนแรงไม่หายจริงๆสำหรับกระแสซูฮกฟอร์มในแมทเปิดตัวของ อองโตนี่ มาร์กซิอัล กับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด แม้ว่าเกมแดงเดือดจะจบลงไปได้ โดยล่าสุดเป็นในรายของ ไมเคิ่ล คาร์ริค กองกลางตัวเก๋าของทีมที่ได้ออกมากล่าวในทำนองว่าการเปิดตัวของแข้งดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ด้วยการยิงประตูสุดสวยใส่หงส์แดงในเกมแดงเดือดนั้นถือเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมมากๆ และคงจะหาการเปิดตัวไหนที่ดีเท่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

       ทั้งนี้ คาร์ริค กล่าวอธิบายถึงฟอร์มการเล่นของรุ่นน้องในทีมรายนี้ที่สามารถตะลุยผ่านกองหลังของหงส์แดงเข้าไปยิงประตูสุดสวยช่วยให้ปีศาจแดงฝังทีมเยือนด้วยสกอร์ 3-1 ได้ว่า "นี่คือการเริ่มสตาร์ทของเขา มันถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของเขาแล้ว แน่นอนว่าหลังจากนี้มันจะทำให้ความมั่นใจของเขามีมากขึ้นอีก เพราะนี่เป็นเกมสำคัญและเขาทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม มันนับเป็นวิธีการตั้งหลักที่ดีมากเลย แต่ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำได้นี้จะทำให้เขาได้รับความคาดหวังจากทุกคนมากขึ้น มันก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นแหละ ไปกะเกณฑ์อะไรมันไม่ได้ นี่คือส่วนหนึ่งของเกมฟุตบอล ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกสตาร์ทและยิงประตูทีมลิเวอร์พูลได้แล้วล่ะ เขายอดเยี่ยมมากเลยในการหาตำแหน่ง"

       "เขาพาตัวเองเขาไปอยู่ในจุดที่ถูกต้องมาก และการยิงของเขามันก็ยอดมากเลย เขาแสดงให้เห็นถึงความนิ่ง และความใจเย็นของเขาในการทำประตูนี้ เราขออะไรจากเขาไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วล่ะ จริงอยู่ที่ราคาค่าตัวของเขาแพงมหาศาลเลย และนั่นต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สำหรับการเริ่มต้นที่เขาทำได้มันไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้วจริงๆ"

       สรุปทัศนะของ คาร์ริค ก็ต้องบอกว่าชัดเจนที่สุดแล้วว่าการออกสตาร์ทเปิดตัวของ อองโตนี่ มาร์กซิอัล นั้นสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

133

       เข้าตำราถ้าไม่ใช้ก็เถอะสำหรับดีลของฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต้” กองหน้าอาภัพของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด เพราะล่าสุดเป็นทางด้านของทีมขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่มีแหล่งข่าวจากสกาย สปอร์ตออกมาเผยข้อมูลว่าได้ทำการยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวด้วยเงินจำนวน 10 ล้านปอนด์ไปให้ทางทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์พิจารณาแล้ว

       ทั้งนี้ก่อนหน้านี้วันนึงเพิ่งจะมีข่าวออกมาว่าทาง หลุยส์ ฟาน กัล นั้นได้แจ้งไปยังตัวนักเตะแล้วว่าให้ย้ายสังกัดได้ตามสบาย ดังนั้นกับข้อเสนอ 10 ล้านปอนด์จาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จึงอาจทำให้ดีลการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นได้

       สำหรับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเวลานี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งทีมที่สะสมผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าไว้มากมาย โดยภายในทีมมีทั้ง เมาโร ซาราเต้, โมดิโบ ไมก้า, ดิอาฟร่า ซาโก้, เอ็นแนร์ วาเลนเซีย, แอนดี้ แคร์โรล แต่พวกเขายังคงมองว่าในแง่ของคุณภาพยังเทียบไม่ได้กับนักเตะจำนวนมากที่พวกเขามี หากว่าได้การเติมเต็มจากนักเตะอย่างชิชาริโต้เข้าไปด้วยจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี

       อย่างไรก็ตามนอกจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ดแล้วก็ยังมีทั้ง เฟร์เนบาเช่ จากตุรกี และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมันที่มีข่าวว่าจดๆจ้องๆนักเตะรายนี้อยู่เช่นกัน

       ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆที่น่าสนใจของนักเตะในตำแหน่งกองหน้าในพรีเมียร์ลีก อังกฤษนอกจากรายของชาชาริโต้แล้วที่มีข่าวออกมาพร้อมๆกันก็เป็นในรายของ ฟาบิโอ บอรินี่ หัวหอกอิตาเลี่ยนของหงส์แดง ลิเวอร์พูล โดยแหล่งข่าวจากอีกหนึ่งสื่อดังอย่างดิ เอ็กเพรสรายงานออกมาว่าเป็นทางด้านของทีมแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ ที่นักเตะเคยย้ายไปเล่นแบบยืมตัวด้วยยื่นข้อเสนอเข้ามาหาหงส์แดง 8 ล้านปอนด์ บวกกับโบนัสอีก 2 ล้านปอนด์ กรณีที่นักเตะทำผลงานได้น่าพอใจ และเป็นที่เชื่อกันว่าหงส์แดงน่าจะพร้อมปล่อยแข้งรายนี้ออกจากทีมเนื่องจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์สมานานแล้ว

134

       แม้ว่าจะสามารถพาทีมปีศาจแดงกลับมาอยู่ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาทำงาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าเวลานี้กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล ดูจะเป็นหนึ่งในปัจจัยก่อปัญหาในทีมปีศาจแดงในระยะหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาด้านขุมกำลังของทีม หรือการใช้งานนักเตะนั่นเอง เพราะในซัมเมอร์นี้ก็มีนักเตะฝีเท้าดีในทีมหลายรายด้วยกันต้องเก็บข้าวของย้ายออกจากถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานถูกมองว่าน่าจะเป็นนักเตะที่จะพาปีศาจแดงรุ่งโรจน์ได้

       อย่างในรายของ อังเคล ดิ มาเรีย ตัวรุกระดับเวิลด์คลาสชาวอาร์เจนไตน์ที่ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับทีมเมื่อตลาดซัมเมอร์รอบที่แล้ว มาในรอบนี้ก็เก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์แมง แล้ว

       และล่าสุดนักเตะก็ออกมากล่าวเปิดเผยเองด้วยว่า เหตุผลที่ย้ายหนีทีมปีศาจแดงก็เพราะมีปัญหาในการทำงานร่วมกับ หลุยส์ ฟาน กัล โดย ดิ มาเรีย เล่ากับสื่อว่าฟาน กัลมีปรัชญาการทำทีมเป็นของตนเอง และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมเลือกย้ายจากมาดริดไปอยู่กับแมนฯยู (เมื่อซัมเมอร์ปีก่อน)

       แต่หลังจากผมอยู่เล่นกับ แมนฯยูไนเต็ด ไปเขาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจย้ายมาที่ เปแอสเช เช่นกัน ผมยอมรับผมมีปัญหากับเขาประมาณสองครั้ง ผมเริ่มต้นได้ดีกับแมนฯยูไนเต็ด จากนั้นผมก็เจออาการบาดเจ็บ แล้วผมก็ถูกดร็อปหลังจากกลับมา เขายังเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของผมอีก

       ก่อนจะมาเปแอสเชผมได้คุยกับทาง โรล็อง บล็องก์ (กุนซือของทีม) แล้ว เขาบอกว่าผมควรจะต้องลงเล่นในตำแหน่งเดียวกันกับที่ผมเล่นให้ เรอัล มาดริด (สำหรับดิ มาเรียกับทีมปีศาจแดงนั้นแม้ว่าภาพรวมผลงาน หรือสิ่งที่หลายคนพูดถึงรวมถึงสื่อต่างอาจดูเหมือนว่าเจ้าตัวล้มเหลวกับปีศาจแดงอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อดูที่สถิติการเล่นแล้วก็นับว่าเป็นอะไรที่ไม่ได้แย่ซะทีเดียว เพราะนักเตะสามารถทำประตูได้ 3 ประตู และ 10 แอสซิส จากการลงเล่น 27 เกม)

135
      VS     

       ดูจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของเกมการแข่งขันได้ไม่น้อยเหลือทีเดียว สำหรับการออกมากล่าวก่อนเกมการแข่งขันคู่บิ๊กแมทประจำสัปดาห์ที่สองของศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง แมนฯซิตี้ และ เชลซี แชมป์เก่ากับรองแชมป์เก่าจากทางด้าน มานูเอล เปเยกรินี่ นายใหญ่ทีมเรือใบสีฟ้า 
       
       โดยนายใหญ่ทีมแห่งเอติฮัต สเตเดี้ยมรายนี้กล่าวผ่านสื่อทำนองว่า โจเซ่ มูริญโญ่ จะไม่พาลูกทีมของเขาบุกมาสู้กับซิตี้แน่นอน หากแต่จะมาในสไตล์เดิมๆนั้นขึ้นการเล่นในรูปแบบของการเอารถบัสมาจอดขวาง และจะเป็นซิตี้ฝ่ายเดียวที่เดินหน้าบุกใส่ตลอดทั้งเกม

       ทั้งนี้แม้ว่าเชลซีจะเป็นแชมป์เมื่อซีซั่นทีแล้ว แต่สองเกมในการพบกันของทั้งสองทีมก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพการเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยผลการแข่งขันออกมาเสมอกัน แต่เป็นซิตี้ที่เดินเล่นเกมบุกใส่เชลซี ขณะที่เชลซีก็ตั้งรับตามที่โดนทั้งสื่อ และแฟนบอลเย้ยหยันว่าใช้รถบัสมาจอดขวางประตู

       สำหรับคำกล่าวของ เปเยกรินี่ ในครั้งล่าสุดนี้เป็นดังนี้ "ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เกมที่จะเปิดแลกหมัดกันอยู่แล้วล่ะ พวกเขาไม่เคยสู้กับเราเลย เจอกันทีไรพวกเขาก็จะตั้งรับกันอยู่หน้าเขตโทษ มันจะเป็นเราที่บุกใส่อยู่ข้างเดียว แต่พวกเขาก็มีเกมโต้กลับที่ดีนะ อย่างไรก็ตามผมจะใช้วิธีการเล่นแบบเดิมนี่แหละ ผมคิดว่ามันดีที่สุดแล้วในการจะกำชัยชนะออกมาจากสนาม"

       "แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราเล่นเกมตั้งรับกันไม่เป็นนะ เราสามารถเล่นมันได้หากมันมีปัญหาจริง เราแค่ไม่ต้องการเล่นในแบบยิงลูกเดียวแล้วปิดเกมอะไรอย่างนั้น นั่นไม่ใช่วิธีของเรา แม้เรายิงได้เราก็จะเดินหน้าบุกต่อไปอยู่ดี ผมคิดว่าพวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบให้พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ดีอยู่เสมอนะ มีแฟนบอลรอชมการถ่ายทอดสดมากมาย และเราก็ต้องรับผิดชอบต่อพวกเขา (ให้ได้ดูเกมฟุตบอลที่สนุกจริงๆ)"

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 37