จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาทีจริงๆ เพราะถึงแมว่าแม้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะขึ้นนำก่อนจากการทำเข้าประตูตัวเองของ "รามอส" แต่มาดวงแตก "นานี่" โดนไล่ออกจากจังหวะที่บอกเลยว่าไม่เข้าตา ก่อน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริดจะได้ "โมดริช" กับ "โรนัลโด้" รัวแซงใน 3 นาทีจบเกมแพ้ 2-1 กระเด็นตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 3-2 ชอกช้ำสุดๆ
ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง
วันอังคารที่ 5 มีนาคม 2556
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 2 เรอัล มาดริด
(เรอัล มาดริดผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์รวม 3-2)
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ออกสตาร์ทเกมแรกมาได้ 10 นาที เกมออกมาชัดเจนถึงแนวทางที่กุนซือทั้งสองอยากให้เป็นไปเลยคือแมนฯยูไนเต็ดเน้นการยืนต่ำ ใช้ผู้เล่นตัวรุกเพียงไม่กี่คนลอยขยับขึ้นสูงแค่ตรงกลางสนาม แล้วแพ็คเกมให้แน่นที่สุด ส่วนมาดริดก็จัดเกมรุกเต็มๆ ใช้แบ็คสองข้างเติมเต็มที่ เพื่อเพิ่มตัวเล่นในแดนหน้า
นาทีที่ 15 เป็นจังหวะหวาดเสียวที่สุดในเกมนี้เลย เมื่อเวลเบ็คพาบอลขึ้นทางขวา จ่ายกลับให้กิ๊กส์ที่วิ่งมาเปิดด้วยซ้ายปั่นไซด์ก้อยเข้าเขตโทษไปเสาสอง ฟาน เพอร์ซี่เห็นโอกาสพยายามตบบอลกลับเข้ากลางเพราะมีนานี่ยืนจังก้าคนเดียวอยู่ แต่ติดรามอสที่สะกิดบอลทิ้งออกหลังได้ก่อน ไม่งั้นล่ะเหน่งๆจริง
อีก 4 นาทีต่อมา หลุดไปล่ะเป็นเรื่องอยู่แล้ว เพราะดิ มาเรียโหม่งบอลสะกิดได้ถึงก่อนเอฟร่า ก่อนจะวิ่งควบหวังแตะกระชากยาวไปซะให้เขตโทษ ทำให้แบ็คตังเกที่กำลังจะโดนวิ่งแซงไปต่อหน้าไม่มีทางเลือกทิ้งตัวแล้วคว้าแข้งอาร์เจนไตน์ล้มลงไปด้วย ผู้ตัดสินเห็นชัดควักใบเหลืองให้ทันที
นาทีที่ 21 ตอนนี้กลายเป็นแมนฯยูไนเต็ดที่มีโอกาสลุ้นมากกว่าแล้ว จากจังหวะเตะมุมที่โยนเข้าไปในเขตโทษ วีดิชเหินมาแต่ไกลได้โหม่งก่อนคนอื่น แต่บอลมันพุ่งไปชนเสาเด้งออกมา แม้เวลเบ็คจะซ้ำก็ดันเข้าทางโลเปซ แต่จังหวะนี้ก็ล้ำหน้าไปแล้ว
เกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงเต็ม เกมของแมนฯยูไนเต็ดไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีตัวความหวังเป็นเวลเบ็คที่ทำให้เกมมันตื่นเต้นน่าสนใจอยู่ตลอด รวมทั้งกิ๊กส์เองก็ทำได้ดีในการบล็อกเกมรุกของมาดริด โดยเฉพาะจังหวะสไลด์จากเท้าของดิ มาเรีย แต่มาดริดเองเกมก็ขยับขึ้นมาเยอะเช่นกัน โรนัลโด้ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษครั้งหนึง แต่จังหวะสับไกติดบล็อกซะก่อน
นาทีที่ 34 เกือบจะทำประตูให้กับแมนฯยูไนเต็ดได้เหมือนในเกมก่อนอีกแล้วสำหรับเวลเบ็ค ในจังหวะที่ฟาน เพอร์ซี่เบียดชิงบอลกับกองหลังมาดริดก่อนพลิกไปยิงตรงตัวโลเปซที่ทุบบอลออกมา แต่ไม่พ้นระยะของเวลเบ็คที่รีบตามเข้ามาซ้ำหวังได้ใส่สกอร์ แต่ก็เป็นโลเปซที่บล็อกบอลหลุดข้ามคานออกไปได้อีก
แปบๆเข้า 5 นาทีสุดท้ายแล้วสำหรับเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ผู้เล่นที่เด่นที่สุดของเจ้าบ้านคงเป็นเวลเบ็คกับกิ๊กส์ที่ลงไปช่วยเกมรับได้หลายช็อต ประสบการณ์มีส่วนสำคัญยิ่ง ส่วนทีมเยือนเฉลี่ยๆกันไป โรนัลโด้ยังไม่เด่นมาก แต่ก็ต้องเสียดิ มาเรียที่เจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาเล่นต่อไม่ไหวต้องให้กาก้าลงไปเล่นแทน แต่กว่าจะวอร์มเสร็จก็นานอยู่
จบ 45 นาทีแรกลงไปพร้อมกับภารกิจแรกของแมนฯยูไนเต็ดที่ทำได้สำเร็จ เมื่อพวกเขายังคงสกอร์เอาไว้ที่ผลเสมอแบบไม่มีการทำประตูอยู่ ส่วนมาดริดคงต้องปรับแท็คติกกันใหม่ เพราะยกแรกเฟอร์กูสันเอาชนะมูริญโญ่ได้ ปิดเกม "ราชันชุดขาว" ได้อยู่หมัด
กลับมาเล่นกันต่อนาทีที่ 48 ทำเอาช็อกตาตั้งเลยสำหรับมาดริดในจังหวะนี้ที่โดนแมนฯยูไนเต็ดบุกกดดันทันทีที่ลงสนาม ฟาน เพอร์ซี่ยิงติดบล็อกแม้ว่าตอนแรกดูเหมือนวารานจะตามไปสกัดได้แล้ว แต่ดันโดนนานี่ฉกบอลไป แล้วเปิดเลียดเข้ากลาง เวลเบ็คจิ้มเฉือนๆทำให้บอลเด้งไปโดนขาของรามอสปลิ้นพุ่งเสียบเข้ากลางประตูเต็มๆ แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำแบบไม่ต้องเหนื่อยยิงเอง 1-0
นาทีที่ 56 งานนี้มีงงแน่นอนสำหรับผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ด เพราะจังหวะนี้ของนานี่ที่พยายามจะเอาขาเกี่ยวบอลลงเล่นเพราะเพื่อนตักบอลมาให้ แต่มีอาร์เบลัวพุ่งเข้ามาพยายามชิงตัดบอลเลยกลายเป็นว่าไปเป็นจังหวะยกเท้าสูง แม้ว่าเจ้าตัวจะเจ็บลงไปด้วย แต่ผู้ตัดสินไม่แคร์สื่อเดินมาแจกใบแดงให้ท่ามกลางความตกใจของผู้เล่นและแฟนบอลของเจ้าบ้าน
อีก 3 นาทีต่อมา รู้ว่าเกมของแมนฯยูไนเต็ดขาดผู้เล่นไปหนึงแถมเป็นตัวรุกทางริมเส้นอย่างนานี่ด้วย ทำให้จัดการถอดเอาอาร์เบลัวออกแล้วส่งโมดริชลงไปเล่นแทนทันที เอาตายเลยทีเดียว
นาทีที่ 61 หวิดเสียประตูแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ดในจังหวะนี้ที่มาดริดเล่นลูกเตะมุมโยนเข้ามามีตัวโฉบจังหวะแรกก่อน บอลจะเด้งเลยมาถึงวารานที่ได้โหม่งระยะเผาขนแล้วแท้ๆ แต่มีราฟาเอลพุ่งมาบล็อกจากไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่โผล่มานี่เสร็จแน่นอนอยู่แล้วเลย แม้จังหวะนี้ไม่แน่ว่าจะโดนแขนของแบ็คหย๋อนศักดิ์หรือไม่ก็ตาม
นาทีที่ 67 จังหวะนี้เด็ดขาดและสวยงามอย่างยิ่งสำหรับโมดริชที่รับบอลมาจากโรนัลโด้ ก่อนที่จะแตะหาจังหวะกระชากแล้วตะบันด้วยขวาเต็มตีน บอลพุ่งโค้งไซด์เข้าไปกระชิ่งเสาเสียบเข้าประตู สวยงามชนิดที่เด เกอาบินยังไงก็ไม่ไหวจริงๆ เกมเสมอกัน 1-1 มาดริดกลับมาได้เปรียบสุดๆ เพราะถ้ายื้อกันล่ะก็พวกเขาไหวกว่าแน่นอนกับตัวผู้เล่นที่มากกว่า
อีก 2 นาทีต่อมา เกมมันพลิกไปจนได้เลย ด้วยตัวผู้เล่นที่น้อยกว่าและสมาธิที่น้อยลงทำให้แมนฯยูไนเต็ดโดนพลิกแซงจากจังหวะที่อิกวาอินม้วนเอาบอลไปตวัดกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าหน้าประตู ก่อนบอลจะเลยยาวไปถึงโรนัลโด้ที่เติมขึ้นเสาสองสไลด์เข้าทำลูกถนัดส่งบอลเข้าประตู มาดริดขึ้นนำ 2-1
ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแลกอย่างเดียวเท่านั้นแล้วสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ส่งเอารูนี่ย์ลงไปเล่นแทนเคลฟเวอร์ลี่ย์ไม่รู้ว่าจะได้ผลอะไรไหม รู้แต่ต้องทำเท่านั้น
นาทีที่ 84 ฟอร์มยังยอดเยี่ยมเหมือนเคยจริงๆสำหรับโลเปซที่ช่วยให้มาดริดรอดพ้นจากการเสียประตูสองจังหวะติด ตอนแรกเขาเซฟลูกโฉบโหม่งได้ ก่อนจะมาเซฟจังหวะยิงเน้นของฟาน เพอร์ซี่ได้อีกดอก
นาทีที่ 89 ถ้าเข้ามานี่คงโดนสับอีกตามเคยสำหรับเด เกอาจากจังหวะที่กาก้าหลอกว่าจะเปิดก่อนตัดสินใจยิงมุมแคบ บอลแฉลบก่อนจะพุ่งชนเสาแล้วเด้งโดนเด เกอาจนเกือบไหลเข้าประตู แต่ยังดีที่เด เกอาเอื้อมมือไปคว้ามาได้ซะก่อน
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายที่ต้องผิดกับความผิดหวังเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้คาบ้านของตัวเองไปด้วยสกอร์ 2-1 ส่งผลให้เรอัล มาดริดเข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 3-2 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
ช่วงท้ายเกมผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ดอดไม่ไหวต้องปรี่เข้าไปตำหนิผู้ตัดสินที่ทำนิ่งเหมือนเคย ส่วนเซอร์ อเล็กซ์ก็ตะโกนด่าจากข้างสนามด้วยความไม่พอใจ