"หงส์ขาว"สวอนซี ซิตี้ ไม่มีปราณีเลยหลังได้ "นาธาน ดายเออร์" และ "โจนาธาน เด กุซมัน" ช่วยยิง 2 ประตูพาทีมไล่ต้อน "แบรดฟอร์ด" ที่ฟอร์มแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์หดหายไปไหนไม่รู้แถมเหลือ 10 คนอีกแบบสบายๆ 5-0 ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกคัพไปครองเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ฟุตบอลแคปิตอล วัน คัพ รอบชิงชนะเลิศ
สนาม เวมบลีย์
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556
แบรดฟอร์ด ซิตี้ 0 - 5 สวอนซี ซิตี้ เปิดฉากเริ่มเกมมา 10 นาทีแรกเป็นไปตามเนื้อผ้าคือสวอนซีได้ครองบอลเข้าใส่แบรดฟอร์ดมากกว่าอย่างชัดเจนเพียงแต่โอกาสจบนั้นยังไม่มีกันเท่าไหร่นักจะใช้บอลสั้นหรือยาวก็ยังไม่ดีในจังหวะสุดท้าย
โอกาสลุ้นหนแรกมาแล้วจากจังหวะที่บอลหลุดไปทางขวาดายเออร์ตามไปเก็บมาได้จะเอาเข้าเขตโทษแต่ตันเลยคืนกลับมาให้กับรานเคลเปิดบอลไปเสาไกลย้อนหลังมิชู ยังมีเดวิสเติมมาโขกแต่หลุดเสาไกลไปไม่เท่าไหร่
แล้วนาที 16 "หงส์ขาว"ก็มาได้ประตูออกนำเรียบร้อยแล้วจังหวะโต้กลับเราท์เดลจ์พาบอลโต้กลับขึ้นมาตรงกลางก่อนจะดีดไปทางซ้ายให้กับมิชูได้สับไกเรียดไปเสาไกล ดุ๊กพุ่งปัดได้แล้วแต่บอลมันยังไม่ออกเลยเจอดายเออร์ตามเข้ามาซ้ำจ่อๆ สวอนซีออกนำ 1-0
หลังจากนั้นสถานการณ์ของแบรดฟอร์ดก็ยังไม่เปลี่ยนพวกเขายังเจอสวอนซีบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่ได้เร่งอะไรมากเพราะได้ประตูนำไปแล้วเลยค่อยๆต่อบอลเคาะหาช่องกันไปชิวๆ
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแล้วโอกาสจบของแบรดฟอร์ดยังไม่มีเลย เจอสวอนซีกดดันต่อเนื่องหนนี้ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามาแล้วบอลโดนโหม่งสกัดออกไปหน้าเขตโทษ มีบริตตันวิ่งเข้ามายิงแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบอยู่ดี
แล้วนาที 40 "หงส์ขาว"ก็นวดจนหาประตูที่สองเจอจนได้จากจังหวะที่ปาโบลโชว์จ่ายลอดขาให้กับมิชูมีเวลาหมุนกลับมาเล็งมุมแล้วก็ยิงลอดขาแม็คอาร์ดเล่ตัวประกบเข้าไปตุงตาข่ายอีก สวอนซีสบายๆกันไปนำห่าง 2-0
ก่อนหมดเวลายังมีจังหวะสับไกอีกซักทีก่อนด้วยสำหรับสวอนซีบอลแทงทะลุเข้าเขตโทษไปให้กับเราท์เลดจ์หลุดเข้าไปกดด้วยขวาเน้นๆแต่ดุ๊กยังเซฟเอาไว้ได้อยู่ ทำให้จบครึ่งแรกเป็นพวกเขานำแบบสบาย 2-0
ลงสนามมาเจอกันต่อในช่วงครึ่งหลังเล่นกันมาได้แค่ 3 นาที "หงส์ขาว" ก็เตรียมชูถ้วยแชมป์ได้เลยเพราะมีประตูที่สามเกิดขึ้นเรียบร้อยจากการพาบอลขึ้นมาเองของดายเออร์เลี้ยงจี้หาเขตโทษก่อนฝากต่อให้กับเราท์เลดจ์เบิ้ลบอลผ่านมิชูให้ดายเออร์หลุดเข้าเขตโทษก่อนแต่งเข้าซ้ายหลอกแนวรับแบรดฟอร์ดได้หมดแล้วก็ยิงเข้าไป สวอนซีนำห่างอีก 3-0
แค่นี้ยังเลวร้ายสำหรับแบรดฟอร์ดไม่พอพลังพวกเขามาโดนจุดโทษเอาเสียอีกจากจังหวะเด กุซมันสอดเข้าไปในเขตโทษเพื่อรับบอลแตะหนีดุ๊กไปแล้วแต่โดนสกัดล้มลงไม่เหลือโดนทั้งใบแดงและจุดโทษ ก่อนจะยิงมีเด กุซมันยืนคุยหน้าเครียดกับดายเออร์อีกว่าใครจะยิง สุดท้ายเด กุซมันมายิงแล้วก็เข้าไปได้ สวอนซีบดเข้าไปอีกนำแล้ว 4-0
สกอร์นำขาดแถมฝั่งตรงข้ามยังเหลือ 10 คนแต่สวอนซียังไม่มีผ่อนบุกมาได้จบอีกแล้วคราวนี้มิชูลุยมาเองบ้างก่อนฝากเข้าเขตโทษให้ดายเออร์แปะกลับคืนมาให้มิชูวิ่งมายิงด้วยซ้ายแต่บอลก็ยังหลุดเสาไกลออกหลังไป
"หงส์ขาว"บดจนเกือบได้ประตูที่ห้าแล้วจากลูกเตะมุมเล่นสั้นทางขวามาที่ปาโบลก่อนจะได้เปิดเข้าไปที่เสาสองบอลเลยถึงวิลเลียมส์สอดเข้ามาใช้เข่ากระแทกแต่ก็ยังเบาไปเลยเข้ามือของแม็คลาจห์แลน
เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้ายแล้วรูปเกมไม่มีเปลี่ยนเป็นสวอนซีครองบอลบุกเข้าไปเรื่อยไม่มีช่องก็ไม่เร่งแต่ก็ป้วนเปี้ยนถึงเขตโทษได้ตลอด มีจังหวะสับไกของปาโบลทีแต่ก็แฉลบข้ามคาน
ท้ายเกมแล้วแม้จะเห็นทีมรักโดนนำอยู่ยอะแต่สปิริตของแฟนแบรดฟอร์ดยีงดีต้องยกนิ้วให้เหลือโดยยังโบกธงกันอย่างต่อเนื่องส่งแรงเชียร์นักเตะที่อยู่ในสนามให้เอาซักหน่อยเผื่อมีอะไรให้ชื่นใจได้ แล้วก็ได้จบด้วยจากจังหวะโจนส์ลองยิงไกล 30 หลาไปติดแนวรับ ก่อนมีตัวยิงซ้ำอีกทีก็เข้ามือเทรมเมล
สุดท้ายทดเจ็บก็มีลูกที่ห้าของ"หงส์ขาว"จนได้จากจังหวะเข้าทำทางขวาโดยรานเคลกระชากเข้ามาเปิดบอลไปตรงกลางแล้วก็เป็นเด กุซมันสอดเข้ามาแปเข้าไม่ได้มีเหลือ สวอนซีส่งท้ายไปอีกลูกนำ 5-0
สุดท้ายก็จบเกมแบบไม่มีปัญหาสำหรับสวอนซีเอาชนะแบรดฟอรด์ไปได้ 5-0 ทำให้พวกเขาเถลิงบัลลังค์แชมป์ลีก คัพเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร