ผู้เขียน หัวข้อ: "ซาบาเลต้า" ดับอาถรรพ์ "หม้อ" ~!! ซัด น.85 พา "เรือใบ" บุกทุบ 1-0 ลิ่วเอฟเอ  (อ่าน 786 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

สถิติที่สั่งสมมานานในนัดนี้ต้องจบลงไปเลยสำหรับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ที่เจอ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกพลข้นบกบุกมายัดเยียดความปราชัยให้คาถิ่นบริทาเนียได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ด้วยประตูชัยในนาทีที่ 85 ของ "ซาบาเลต้า" ผ่านเข้ารอบเอฟเอ คัพไปเลย



เอฟเอ คัพ รอบ 4
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2556
สโต๊ค ซิตี้ 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม บริทาเนีย สเตเดี๊ยม

                เปิดฉากเริ่มเกมมาได้เกือบ 15 นาทีแรกผ่านไป ภาพรวมของเกมถือว่าสโต๊คนั้นเล่นได้สมกับเป็นเจ้าบ้าน ไม่มียวบหรือหย่อนกว่ายอดทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้เลย แม้ว่าจะโดนเตเบซได้พลิกเข้าไปส่องหนึงที แล้วติดเซฟ แต่พวกเขาก็ได้สวนแบบลุ้นขึ้นอยู่บ้างด้วย

เป็นช่วงที่เล่นได้พีกที่สุดครั้งหนึงชองเขาเลยสำหรับซิลบาปีกหน้าหนูที่คราวนี้เกือบจะทำประตูสุดสวยได้ จากการเล่นทางด้านข้าง เห็นช่องเลยบรรจงปั่นด้วยซ้ายส่งบอลครอสข้างอ้อมโซเรนเซ่นที่ได้แต่ร้องว่า 'บอลมีไว้เบิ่ง' น่าจะจบลงด้วยการเป็นจังหวะขึ้นนำสุดสวยแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันชนเสาซะนี่

นาทีที่ 28 ดันไปยืนเหลือมซะก่อนสำหรับชอว์ครอสส์ที่เติมขึ้นสูง ก่อนจะมีโอกาสพลิกตัวยิงลูกส้มหล่นที่เพื่อนช่วยกันทำลั่นจากตีนนักเตะแมนฯซิตี้มาให้ แม้ว่าบอลจะผ่านปันติลิมงเข้าประตูไป แต่ก็ล้ำหน้าซะก่อน

ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเป็นทีมของสโต๊คบ้างที่ขึ้นเกมไปป้วนเปี้ยนอยู่ในแดนของแมนฯซิตี้นานสองนาน แม้ว่าจะยังเข้าไปหาพื้นที่ยิงหน้าประตูไม่ได้ แต่กดดันไว้ก่อนถือว่าไม่เสียหายอยู่แล้วจังหวะนี้

ดูแล้วไม่น่าเป็นข่าวดีของแมนฯซิตี้เท่าไหร่เพราะกอมปานีกัปตันทีมถูกเปลี่ยนตัวออกไปตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก โดยให้กลิชี่ลงไปเล่นแทน ส่วนจะยืนตรงไหนต้องดูด้วยว่าปรับทัพกันยังไง เพราะมันชินี่ติวโคลารอฟซะเยอะเลย


              กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 48 ลูกนี้ถ้าเห็นชัดๆนี่อาจถึงแดงได้เลย เมื่อการ์เซียพยายามจะตามบอลที่ลั่นออกมาด้วยการล้มตัวกวาด แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่วีแลนเข้ามาถึงพร้อมกับกระโดดย่ำลงมาสองเท้า ถ้าเข้าเหลี่ยมนี่อาจหักได้ ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่เว็บบ์มองไม่ทันหรือยังไงไม่รู้เลยไม่ได้ลงโทษอะไร

นาทีที่ 60 เล่นประสานกันได้ดีสำหรับจังหวะนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เชโก้ฉีกออกไปด้านข้าง ก่อนแตะไปครอสต่ำเข้ากลางให้โคลารอฟได้พุ่งเข้ามาชาร์จที่เสาแรก แต่โดนไม่ค่อยดีบอลเลยปลิ้นหลุดออกหลังไป

อีก 2 นาทีต่อมา ต้องการประตูจริงๆสำหรับมันชินี่ที่ตัดสินใจถอดเอาโคลารอฟออกก่อนที่จะส่งอเกวโร่ลงไปเล่น ทำให้ตอนนี้ทีมมีกองหน้า 3 ตัวพร้อมทะลวงทุกจังหวะ

เวลาหมดลงเรื่อยๆความกดดันยิ่งเพิ่มมากขึ้นจริงๆสำหรับแมนฯซิตี้ เพราะมันชินี่ออกมายืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ข้างสนามตลอดเวลา คอยสั่งการทุกจังหวะ แต่ลูกทีมก็ยังหาจังหวะเข้าไปจบสกอร์ไม่ได้สักที

นาทีที่ 73 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้กองหลังเตรียมเมื่อยคอได้เลย เมื่อสโต๊คส่งตัวเคร้าซ์ลงสนาม พร้อมกับไวท์เฮด เหมือนก่ะจะรอเวลานี้อยู่เลย

อีก 2 นาทีต่อมา บุกมานานก็เกือบจะได้เหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ของแมนฯซิตี้ที่คราวนี้เชโก้ขยับออกไปอยู่ด้านซ้าย เลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษก่อนสบโอกาสปั่นด้วยขวาบอลแฉลบบล็อกนิดเดียวก่อนจะเฉี่ยวเสาไกลออกไป

นาทีที่ 85 เป็นประตูที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับซาบาเลต้า จากจังหวะที่แมนฯซิตี้บุกขึ้นทางซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลางมีตัวป้วนไปเปี้ยนมา เชโก้จับบอลไม่อยู่แต่เด้งมาเข้าทางของซาบาเลต้าที่วิ่งมาดีดด้วยหลังเท้าเล่นมุมส่งบอลเสียบเสาเข้าไป แมนฯซิตี้กำลังจะชนะครั้งแรกในบริทาเนียตั้งแต่ปี 1999 พร้อมตั๋วเข้ารอบต่อไปด้วย

จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำสำเร็จบุกมาเอาชนะสโต๊คผ่านเข้ารอบเอฟเอ คัพไปด้วยสกอร์ 1-0 ถึงจะยิงน้อยแต่ก็เพียงพอแล้วจริงๆสำหรับตั๋วใบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2013, 12:10:46 PM โดย Armin »
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา