กองแช่งเซ็งแล้วเซ็งอีกจนไม่รู้จะว่ายังไง เพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำท่าจะตกรอบเอฟเอ คัพ หลังโดนเวสต์แฮมพลิก 2-1 แต่สุดท้ายมาได้ประตูตีเสมอของฟาน เพอร์ซี่ที่ลงสำรองยิงช่วงทดเวลาบาดเจ็บเสมอ 2-2 ต้องไปเตะกันอีกเกม
เอฟเอ คัพ รอบ 3
วันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2556
เวสต์แฮม 2 - 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม อัพตัน ปาร์ค เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรกนาทีที่ 6 จริงๆแล้วจังหวะแบบนี้ไม่ค่อยจะพลาดเท่าไหร่สำหรับเอร์นานเดซ เพราะลูกครอสต่ำด้านข้างของเพื่อนที่มีเข้ามามันเป๊ะแล้ว แต่แข้งถั่วน้อยเข้ามาช้าไปนิดเดียว ทำให้จังหวะมันไม่สัมพันธ์กัน วืดลุ้นประตูไป
เป็นภาพที่เห็นกันชินตาจริงๆสำหรับแนวรับของแมนฯยูไนเต็ดที่ออกอาการรวนๆให้เห็นในจังหวะที่โดนเวสต์แฮมโยนลูกโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ยังดีที่นักเตะของเวสต์แฮมไม่มีโอกาสได้จบสกอร์กัน
นาทีที่ 17 นึกว่าจะได้เฮกันแล้วสำหรับแแมนฯยูไนเต็ด เพราะจังหวะที่คากาวะจ่ายทะลุช่องอย่างสวยให้เอร์นานเดซพลิดเข้าไปตบให้เวลเบ็คชาร์จเหน่งๆนั้นดันมีธงจากไลน์แมนตีขึ้นมาซะก่อน
นาทีที่ 23 สวยจนเบ็คแฮมที่เข้ามาชมเกมนี้ต้องยืนปรบมือให้เลยสำหรับเคลฟเวอร์ลี่ย์กับจังหวะที่เอร์นานเดซวิ่งโฉบไปเอาบอลที่ราฟาเอลแทงมาให้ ก่อนที่จะตวัดเข้ากลางทันที บอลดูเหมือนจะเลยยาวไป แต่มีเคลฟเวอร์ลี่ย์วิ่งเติมขึ้นมาไม่มีจับ เอี้ยวตัวแปบอลเน้นๆ ปั่นอ้อมไปเสาสองเสียบตาข่ายสุดสวย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1-0
รวดเร็วทันใจไปเลยสำหรับเวสต์แฮมที่ตามตีเสมอได้ในอีก 4 นาทีต่อมา จากจังหวะที่โคลบรรจงปั่นบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ คอลลินส์พุ่งขึ้นมาเทคตัวโขกคนเดียวท่ามกลางคำถามว่า 'วีดิชไปไหน?' ก่อนที่บุกจะพุ่งประหนึ่งใช้ตีนเตะเข้าไปกระแทกตาข่าย เด เกอาได้แต่ทำตาละห้อย เกมเสมอกัน 1-1
พอโดนทำประตูตีเสมอ เหมือนแมนฯยูไนเต็ดจะตกอยุ่ในสภาวะช็อกเบาๆในหัวจิตหัวใจ เพราะเกมรวนอีกแล้ว ทำให้เวสต์แฮมพยายามขึงใส่ต่อเพื่อหวังจะพลิกให้เบ็ดเสร็จ แต่ยังไม่ได้
นาทีที่ 36 ไม่สนอยู่แล้วสำหรับเวลเบ็คที่ได้จังหวะเลี้ยงลุยขึ้นทางด้านซ้าย มีเอร์นานเดซฉีกตัวไปเติมอยู่ทางขวาสุด แต่แข้งจอมโก๋เลือกพลิกตัดหักเข้าในแล้วพยายามยิงปั่นทันที แต่ติดบล็อกของยัสเคไลเน่น ทำเอาเอร์นานเดซยืนเซ็งอยู่เบาๆเลย
ช่วงเวลาที่เหลือก็มีจังหวะสวนกันไปกันมา แต่ดูแล้วทางเวสต์แอมจะทำได้น่ากลัวกว่าหน่อยเพราะแมนฯยูไนเต็ดจังหวะสุดท้ายเข้าได้ไม่สุดพอ ทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1 เฟอร์กูสันต้องไปปรับกันมาให้ดี เพราะเกมไม่ได้เหนือกว่าเลย
ต่อมาในช่วงของครึ่งหลังได้ไม่กี่นาที อันนี้ผิดจากจังหวะแรกที่ทำประตูสุดสวยได้สำหรับเคลฟเวอร์ลี่ย์ที่ตามมาเก็บตกบอลแถวสอง มีทั้งเวลาและพื้นที่ให้ได้ยืนตะบันเต็มแข้ง แต่เขาดันกดบอลไม่ลง พุ่งเหินคานออกไปไกลพอควร
นาทีที่ 59 นี่มันเดจาวูชัดเจนเลย เพราะเหมือนฉายภาพรีเพลย์ซ้ำในจังหวะที่โคลได้บอลทางริมเส้น ก่อนวกเข้าในเหมือนเดิม เปิดด้วยขวาเหมือนเดิมและคอลลินส์ที่ว่างเหมือนเดิมก็ลอยตัวเข้าไปโหม่งบอลย้อยเสียบเสาไกล เป็นอีกครั้งที่เด เกอาได้แต่ยืนมอง พลาดมหันต์จริงๆสำหรับแนวรับ "ปีศาจแดง" โดนพลิกนำ 2-1 ทำเอาเด เกอาโวยวายหัวเสียหนักเพราะเล่นกันแย่จริงๆสำหรับลูกโด่ง
น่าแปลกใจจริงๆว่าทำไมแมนฯยูไนเต็ดถึงปล่อยให้เรื่องเดิมเกิดซ้ำ เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่คอลลินส์ว่างโล่งมากจนน่าใจหาย
นาทีที่ 68 ต้องเปลี่ยนไม่งั้นก็รอตกรอบเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่ถอดเอาเอร์นานเดซและสโคลส์ที่เงียบเป็นเป่าสากในเกมนี้ออกไป แล้วส่งฟาน เพอร์ซี่กับวาเลนเซียลงสนามแทน
นาทีที่ 73 น่าจะเป็นประตูจริงๆสำหรับจังหวันี้ของแมนฯยูไนเต็ด เมื่อฟาน เพอร์ซี่ดึงจังหวะก่อนแตะบอลให้บุตต์เนอร์อ้อมไปครอสเข้ากลาง เวลเบ็คเหินมาแต่ไกลขึ้นได้เหนือใคร แต่จังหวะโหม่งกดบอลไม่ลง เลยข้ามคานออกหลังไปพอสมควรเลย
เจอเกมรับอันเหนียวแน่นของเวสต์แฮมเข้า ถึงกับไปไม่เป็นเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เพราะแม้ว่าพวกเขาจะพยายามหาพื้นที่เข้าไปเจาะตามช่องมากแค่ไหน แต่ก็ยังตันตีบไปไม่ได้อยู่ดี
นาทีที่ 78 แมนฯยูไนเต็ดหวังพึ่งลูกผีจับยัดในการเปิดคมๆของกิ๊กส์โดยเปลี่ยนเอาสมอลลิ่งออกไป ด้านเวสต์แฮมก็ส่งเทย์เลอร์ลงไปแทนโคลที่วันนี้จ่ายไป 2 ลูก เรียกเสียงปรบมือจากแฟนบอลกึกก้อง
เข้า 10 นาทีสุดท้าย แมนฯยูไนเต็ดตั้งหน้าตั้งตาลุยอย่างเดียวเลยในตอนนี้ เพราะยังไงก็ต้องเอาประตูตีเสมอกลับคืนมาให้ได้ แต่ยอมรับกันเลยว่าเกมรับของเวสต์แฮมเหนียวแน่นมากจริงๆแถมยังมีจังหวะพร้อมสวนตลอดอยู่ด้วย
ช้วงทดเวลานาทีแรก เอาจนได้จริงๆสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่บุกเอาๆจนในที่สุดก็มายิงตีเสมอได้ จากลูกเปิดยาวไปข้างหน้าของกิ๊กส์ให้กับฟาน เพอร์ซี่ที่เกี่ยวบอลลงโคตรสวย ก่อนแตะอีกรอบแล้วยิงด้วยขวาส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกลสุดเฉียบ แมนฯยูไนเต็ดตีเสมอ 2-2 เฟอร์กี้โดดดีใจยังกับเด็กน้อยไปเลย
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโกงแล้วโกงอีกในเรื่องของความตาย ไล่ตามตีเสมอเวสต์แฮมได้สำเร็จจบ 2-2 ต้องไปเตะกันอีกเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเพื่อหาผู้เข้ารอบต่อไปให้ได้