ไม่มีอะไรพลิกโผทั้งสิ้นสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่ตัวแทนจากยุโรปอย่าง "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ไร้ปัญหาจัดการสังหาร "มอนเตอร์เรย์" ตัวแทนจากอเมริกาเหนือและกลางไปได้ 3-1 ทะลุเข้าไปชิงกับ "โครินเธียนส์"
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รอบรองชนะเลิศ
สนาม โยโกฮาม่า อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555
มอนเตอร์เรย์ 13 เชลซี เข้าสู่ช่วงครึ่งแรกของเกมมา "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ไม่รีรอบุกแหลกเลยแถมน่าได้ประตูนำอย่างรวดเร็วด้วยจากการจ่ายของลูอิซที่วันนี้ได้ขยับขึ้นมาเล่นมิดฟิลด์บอลทะลุช่องให้กับอาซาร์สปีดหลุดเข้าเขตโทษไปก่อนจะยิงปั่นไปเสาไกลแต่ก็หลุดออกหลังเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
โอกาสได้ลุ้นกว่ายังเป็นของ"สิงห์บลูส์"ต่อเนื่องเลยนาที 14 เกือบได้ประตูอีกหนจากจังหวะเตะมุมของมาต้าเปิดเข้ามาทางเสาแรกและมีอิวาโนวิชที่วิ่งมาแปแต่บอลกระดอนพื้นหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียวอีกแล้ว
แล้วอีก 3 นาทีให้หลังทีมแชมป์ยุโรปก็ได้ประตูออกนำเป็นที่เรียบร้อยจากบอลโดนเคลียร์ออกมาเข้าทางของโคลที่จ่ายมาหน้าเขตโทษให้กับอาซาร์ก่อนจะตอกส้นคืนให้กับโคลที่เติมขึ้นมาตามด้วยเปิดเข้ากลางไปถึงเท้าของมาต้าจับก่อนแล้วก็ยิงผ่านมือโอรอซโก้เข้าไป เชลซีออกนำเรียบร้อย 1-0
ทางมอนเตอร์เรยน์เองก็มีจังหวะตอบโต้บ้างเหมือนกันจากการกระชากของคอโรน่าเบียดมากับทางอัซปิลิกวยต้า ก่อนจะล็อกกลับมาทีนึงแล้วเปิดบอลเข้าไปตรงหน้าประตูมีเด นิกริสวิ่งมาโหม่งแต่ก็ไม่ดีพอบอลโด่งออกหลังไป
ผ่านครึ่งชั่วโมงมาทางทีมเยือนจากเม็กซิโกเองก็เริ่มตั้งเกมบุกได้อย่างต่อเนื่องแล้วขาดเพียงแค่จังหวะสุดท้ายเท่านั้น เช่นเดียวกับเชลซีที่ดูจะเงียบไปหลังได้ประตูนำโอกาสจบเลยยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เข้าท้ายครึ่งแรกแล้วยังหาจังหวะจบเพิ่มเติมไม่ค่อยได้เลย ใกล้เคียงหน่อยจะน่าจะเป็นมอนเตอร์เรย์จากคอโรน่าคนเดิมที่ดูจะเป็นตัวป่วนของเชลซีที่สุดเวลานี้พาบอลมาทางซ้ายอีกแล้วก่อนจะขลุกขลิกผ่านอัซปิลิกวยต้ามาได้แล้วเปิดแต่ก็โด่งเกินเด นิกริสโหม่งไม่ถึง ก่อนจบครึ่งไปที่เชลซีนำอยู่ 1-0
ลงสนามมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังเพียงแค่นาทีเดียว"สิงห์บลูส์"ก็จัดการบวกประตูที่สองไปเรียบร้อยแล้วจากการบอลที่ออกไปทางซ้ายให้กับอาซาร์เติมมากระชากเผาเครื่องเปเรซเข้าเขตโทษก่อนตบกลับคืนมาที่ตอร์เรสจับแล้วยิงบอลแฉลบกลายเป็นดีเปลี่ยนทางหนีโอรอซโก้เข้าประตูไป เชลซีออกนำห่างเป็น 2-0
ถัดจากลูกที่สองมาได้เดี๋ยวเดียวทีมแชมป์ยุโรปก็มาบวกลูกสามได้แบบฉับไวจากการทำเกมกันสวยงามเริ่มต้นที่อาซาร์ไขว้ให้กับตอร์เรสหลุดขึ้นมาทางริมเส้นซ้ายก่อนจะเปิดดีดไซด์ก้อยไปเสาไกลให้กับมาต้าพยายามจะตบมาตรงกลางที่ออสการ์แต่กลายเป็นไปติดดาร์วินก่อนบอลจะค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไป เชลซีสบายๆแล้วนำขาด 3-0
ทีมดังจากลอนดอนเกือบมาได้ประตูเพิ่มอีกแล้วในนาที 52 เป็นจังหวะที่มาต้าแทงเข้าเขตโทษให้กับออสการ์ได้ยิงผ่านมือโอรอซโก้เสียบเสาแรกเข้าไปแล้วแต่ก็โดนจับล้ำหน้ากันไปก่อน
เกมเงียบไปซักพักจนกระทั่งมอนเตอร์เรย์บุกมาอีกชุดแล้วได้ลุ้นจากคอโรน่าคนเดิมตะลุยขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายมาตรงหน้าเขตโทษก่อนโดนไหลออกมาอีกต่อที่เดลกาโด้วิ่งเข้ามายิงเรียดด้วยขวาแต่เช็คก็ยังล้มตัวรับเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น
นาที 75 มอนเตอร์เรย์มาอีกแล้วคราวนี้จากบอลเตะมุมโดนเคลียร์ออกมาก่อนไหลออกไปทางขวาได้เปิดเข้าไปข้างใน ตัวตรงกลางโหม่งไม่ถึงหลุดมาที่เสาสองเข้าเท้าของคอโรน่ายิงแต่ก็ไปไหนไม่รู้
เข้าช่วงท้ายเกมแล้วเชลซีไม่ต้องเร่งอะไรปล่อยให้มอนเตอร์เรย์ครองบอลเข้าไปแต่ก็สร้างอันตรายให้ทีมแชมป์ยุโรปสะเทือนไม่ได้เลยบอลสุดท้ายไม่มีจังหวะได้จบ
แต่ทดเจ็บมอนเตอร์เรย์ก็มาได้ประตูปลอบใจจากจังหวะการจ่ายทะลุช่องให้กับเด นิกิรสได้หลุดเดี่ยวไปทางขวาโล่งๆเลยก่อนจะไปจับบอลในเขตโทษแต่งเข้าขวาแล้วก็ยิงผ่านมือเช็กที่พุ่งออกมาปิดมุมเข้าไปได้ตามมาไกลๆ 3-1
จบเกมก็เป็นอันวาเชลซีเอาชนะมอนเตอร์เรย์ไปสบายๆ 3-1 ผ่านทะลุเข้าไปชิงแชมป์ในวันที่ 16 ธันวาคมกับโครินเธียนส์แชมป์จากอเมริกาใต้ที่เอาชนะทางอัล อาห์ลีมา 1-0 ก่อนหน้านี้