"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในเกมนี้เรียกว่าองค์ลงเป็นแน่เลย เมื่อต้องไม่มี "หลุยส์ ซัวเรซ" และส่อแววทำท่าแพ้ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม แต่กลับมาสร้างปาฏิหารโดย "โจ โคล" และ "จอนโจ้ เชลวีย์" ที่มีส่วนในลูกนำชัยพลิกแซงภายใน 3 นาที 3-2 คว้าชัย 2 นัดติดขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 แล้ว
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2555
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 ลิเวอร์พูล
สนาม อัพตัน พาร์ค ออกสตาร์ทเกมช่วงแรกมาเพียง 2 นาทีแรก"หงส์แดง"ก็บุกเข้าใส่ทันทีและได้โอกาสส่องประตูก่อนจากจังหวะที่เชลวี่ย์ส่งบอลคืนหลังมาให้เจอร์ราร์ดวิ่งเข้ามาซัดในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่ไปติดโอไบรอันที่มาดักบอลออกหลังไป
เวสต์แฮมได้ครองบอลทำเกมบุกขึ้นมาบ้างด้วยการโยนบอมเข้าไปในกรอบเขตโทษตามสไตล์และเป็นจังหวะที่ดิยาเม่เก็บตกบอลระยะประมาณ 25 หลาก่อนซัดเต็มๆบอลไปชนโคลที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูเปลี่ยนทิศย้อนกลับมาออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น
มาถึงนาทีที่ 11 "หงส์แดง"ก็ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่เจอร์ราร์ดผ่านบอลมาให้จอห์นสันตรงริมเส้นด้านขวาก่อนลากตัดเข้ามาถึงหน้ากรอบเขตโทษแล้วบรรจงยิงด้วยขวาข้างถนัดเต็มๆบอลพุ่งวาบเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลชนิดที่ยาสเคไลเน่นหมดสิทธิ์ป้องกันซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ดีใจอะไรเพราะเป็นการยิงต้นสังกัดที่เคยปลุกปั้นเขาขึ้นมา
จอห์นสันเติมเกมมันส์จริงๆจังหวะนี้เขาลากบอลขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนป้ายไปให้สเตอร์ลิ่งที่รออยู่ตรงจุดโทษได้ซัดเต็มข้อแต่บอลหลุดเสาแรกออกไปในนาทีที่ 14
เกมมาถึงนาทีที่ 27 ร็อดเจอร์สต้องเปลี่ยนตัวเร็วเพราะเอ็นริเก้ได้รับบาดเจ็บทำให้โจ โคลได้โอกาสลงมาทำเกมบริเวณริมเส้นด้านขวาแล้วถอยเอาดาวนิ่งไปประจำการตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน
เกมผ่านมา 30 นาที กลายเป็นฝั่งของเจ้าถิ่นที่ครองบอลพยายามเปิดเกมบุกมากกว่าโดยการใช้ลูกโด่งเป็นอาวุธหลักแต่กองหลังของ"หงส์แดง"ยังไม่พลาดในเกมนี้
เวสต์แฮมมีโอกาสได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลากลางประตูหลังจากเจอร์ราร์ดไปทำฟาวล์ดิยาเม่จนโดนใบเหลือไปและเป็นเทย์เลอร์จอมสังหารลูกนิ่งที่ได้ปั่นไปเข้าซองของเรน่า
ถัดมาอีกไม่กี่นาที"หงส์แดง"มาเสียจุดโทษจนได้จากจังหวะที่เคลียร์ไม่ขาดบอลไปเข้าเท้าของเดเมลได้ซัดนอกกรอบเขตโทษบอลไปโดนแขนของอัลเลนที่พยายามพุ่งเข้ามาบล็อคกรรมการไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันที
มาร์ค โนเบิ้ลเป็นคนรับหน้าที่สังหารยิงไปทางมุมประตูด้านซ้ายเรน่าพุ่งถูกทางแต่ไปไม่ถึงบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายเป็นประตูตีเสมอให้เจ้าถิ่นในนาทีที่ 36
หลังจากเสียประตู"ขุนค้อน"รอดพ้นการโดนใบแดงหวุดหวิดในจังหวะที่เทย์เลอร์ไปยกเท้าสูงยันเข้าไปกลางยอดอกของสเตอร์ลิ่งแต่กรรมการควักใบเหลืองให้เพียงเท่านั้น
นาทีที่ 43 "ขุนค้อน"มาแซงขึ้นนำจนได้จากลูกฟรีคิกกลางสนามที่โนเบิ้ลเล่นเร็วส่งมาให้จาร์วิสได้เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายโล่งๆเข้ากลางประตูบอลไปตกใส่หัวของเจอร์ราร์ดเข้าประตูตัวเองไปเสียอย่างนั้น
กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังมา 10 นาที "หงส์แดง" ไม่มีท่าทีว่าจะทำเกมได้ดีขึ้นตรงกันข้ามกลับเป็นเวสต์แฮมที่เดินหน้าเติมเกมบุกอย่างสนุกสนามแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะประตูทิ้งห่างออกไปมากกว่าเดิมได้
เข้าสู่นาทีที่ 65 รูปเกมยังคงเป็นแบบเดิมที่ทั้งสองทีมพยายามต่อสู้กันกลางสนามโดยในจังหวะนี้แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกทำเกมไม่ขึ้นก็ลากบอกมาส่องไกลระยะทำการประมาณ 25 หลาด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลกลับลอยโด่งออกไปไม่ได้ลุ้น
ดาวนิ่งพยายามเติมเกมขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนปาดเลียดเข้ากลางโคลปล่อยบอลลอดขาเลยไปถึงสเตอร์ลิ่งวิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลเกือบมุดใต้คานอยู่แล้วแต่ยาสเคไลเน่นยังดีดตัวปัดออกหลังไปได้
มาถึงนาทีที่ 70 ดาวนิ่งเติมขึ้นมาอีกครั้งก่อนเปิดเข้าไปหน้าปากประตูให้เชลวี่ย์ขึ้นโขกบอลท่ามกลางกองหลังเจ้าถิ่นแต่บังคับบอลไม่ได้หลุดเสาแรกไป
นาทีที่ 76 เด็กเก่าของเวสต์แฮมก็มาแผลงฤทธิ์อีกจนได้ในจังหวะที่สเตอร์ลิ่งลากบอลมาทำชิ่งกับเชลวี่ย์หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจ่ายแทงทะลุช่องไปให้โคลวิ่งสอดขึ้นมาอัดด้วยซ้ายเต็มๆบอลพุ่งผ่านมือยาสเคไลเน่นเข้าไปทางเสาไกลนับเป็นประตูแรกในรอบ 18 เดือนของเขาในฟุตบอลอังกฤษด้วย
"หงส์แดง"ขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 80 เมื่อเฮนเดอร์สันเติมขึ้นมาตรงริมเส้นด้านขวาก่อนปาดเลียดเข้ามากลางประตูให้เชลวี่ย์เข้าบอลไม่ถึงแต่ดันไปโดนขาของคอลลิ่นส์เข้าประตูตัวเองไปถึงตรงนี้ทีมเยือนขึ้นนำแล้ว
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเวสต์แฮมพยายามบุกทวงประตูอย่างหนักแต่จนแล้วจนรอด"หงส์แดง"ก็สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้แถมน่าได้จุดโทษจากจังหวะท่เชลวี่ย์ล้มในกรอบอีกต่างหาก ก่อนจบเกมพร้อมเก็บ 3 คะแนนสำคัญเป็นชัยชนะนัดที่ 5 ของฤดูกาลและนัดที่ 2 ติดต่อกันแซงนอริชและเวสต์แฮมขึ้นไปอยู่อันดับ 10 เรียบร้อย