พิมพ์

[Armin]

กุนซือขัดตาทัพ "ราฟาเอล เบนิเตซ" ออกสตาร์ทคุมทีมนัดแรกยังไม่สามารถทำอะไรได้เลยหลังจากที่ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ฟอร์มห่วยแตกทำได้แค่เจ๊ากับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในบ้านตัวเอง 0-0 เท่านั้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องและป้ายประท้วงกุนซือคนใหม่ลงท้ายยังไม่ชนะใครเลยตลอด 5 นัดส่วน "ซิตี้" แชมป์เก่าก็ถูกตัดแต้มพลิกเป็นรองจ่าฝูงเต็มตัวตามหลัง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 



พรีเมียรลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555
เชลซี 0-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก เชลซี 0-0 แมนซิตี้

เอลบอสสมองเพชร "ราฟาเอล เบนิเตซ" กลับมาคุมทัพในพรีเมียร์ลีกนัดแรกหลังจากโดนเด้งออกจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2010 โดยเขาเพิ่งได้เข้ามานั่งเก้าอี้ต่อจากกุนซือคิ้วดก "โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ" ที่เพิ่งโดนปลดกลางอากาศเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากเขาพาทีมไม่ชนะในลีก 4 นัดรวดแถมยังโดน "ม้าลาย" ยูเวนตุส ถล่มยับเยินจนจ่อตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก

               เปิดฉากเริ่มเกม ทีมเยือน "เรือใบสีฟ้า" เปิดเกมรุกก่อนเลยและได้จังหวะลุ้นประตูจากซิลบาที่แทงทะลุช่องไปให้ซาบาเลต้าที่วิ่งเติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านขวาจะได้ยิงอยู่แล้วแต่โคลมาเคลียร์ทิ้งในจังหวะสุดท้ายไปได้ในนาทีที่ 4

เกมผ่านไป 15 นาทีทั้ง 2 ทีมยังสู้กันอยู่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่โดยแมนฯ ซิตี้เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่มากกว่าส่วน"สิงห์บลูส์"ยังไม่สามารถตั้งเกมได้ต้องรอจังหวะสวนกลับเอาแต่ก็ยังไม่มีโอกาสยิงประตูเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 16 สาวกเชลซีลุกขึ้นยืนปรบมือทั้งสนามเพื่อเป็นเกียรติและแสดงความรักต่อโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโออดีตกุนซือซึ่งเคยสวมเสื้อหมายเลข 16 ลงสนามในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์แห่งนี้โดยมีแฟนบอลคนหนึ่งชูป้ายที่มีช้อความว่า"in Di matteo we trust in Rafa we never trust"ด้วย

เกมยังดูเนือยๆ จนมาถึงนาทีที่ 20 "เรือใบ"มีโอกาสลุ้นประตูอีกครั้งในจังหวะที่ซาบาเลต้าตั้งป้อมสาดบอลจากริมเส้นด้านชวามาให้ซิลบาเทกตัวขึ้นโขกแต่บอลก็ข้ามคานออกไป

ทีมเยือนเริ่มจะเปิดเกมรุกบดหนักมากขึ้นอีกครั้งและเป็นกุนที่เลี้ยงบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะพยายามหาช่องส่องประตูด้วยซ้ายแต่แผงหลังของเชลซี 3 คนมาพุ่งบล็อคเอาไว้ได้ทำให้บอลกระเด็นออกหลังในนาทีที่ 27

ปาโบล ซาบาเลต้าตัดบอลมาได้จากกลางสนามก่อนลากขึ้นมาทำชิ่งกับเซโก้จนหลุดเข้าไปส่องเต็มเท้าขวาในกรอบเขตโทษแต่เช็คยังล้มตัวใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ทันเวลาทำให้เจ้าถิ่นยังไม่เสียประตูในนาทีที่ 36

นาทีที่ 39 เชลซีได้จังหวะยิงครั้งแรกของเกมจากลูอิซที่ลองตะบันฟรีคิกไกลกว่า 35 หลาบอลพุ่งข้ามกำแพงไปแล้วแต่ก็ไปตรงตัวของฮาร์ทที่ปักหลักรับเข้าซองได้สบายก่อนที่ 45 นาทีแรกจะจบลงด้วยสกอร์นี้

               กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังมาได้เพียง 4 นาทีเชลซีได้ทักทายก่อนเมื่อมาต้าได้บอลริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดข้ามฟากไปให้โคลที่เติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายได้กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามากลางประตูแต่กอมปานียังดักทางเตะทิ้งออกหลังไป

หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีรามิเรสได้ครองบอลเดี่ยวอยู่ระยะประมาณ 30 หลาหน้าปากประตูของ"เรือใบสีฟ้า"ก่อนตัดสินใจลองยิงไกลเต็มข้อทันทีแต่กดบอลไม่ลงเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว

ผ่านมาครบชั่วโมงพอดี"เรือใบสีฟ้า"ที่กลายเป็นฝ่ายตั้งเกมรับได้บุกขึ้นมาบ้างและเป็นยาย่า ตูเร่ที่ลองส่องไกลตามถนัดจากระยะประมาณ 25 หลาเช็คต้องออกแรงล้มตัวเซฟถึง 2 ครั้งถึงจะตะครุบบอลเอาไว้ได้

เฟร์นานโด ตอร์เรสมีโอกาสทองจากจังหวะที่มาต้าลากบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษขวาก่อนส่งไปให้อาซาร์เกี่ยวบอลกลับหลังตั้งให้"เอล นินโญ่"ตะบันเต็มข้อแต่บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียวจริงๆ

แมนฯซิตี้ขึ้นเกมมาได้สวยเหมือนก่อนโดยเชโก้ลากบอลทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนเปิดเลียดบอลผ่านไปหน้าประตูผ่านเขตป้องกันของเช็คไปแล้วแต่โคลยังตามมาจับบอลหนึ่งจังหวะก่อนเคลียร์ทิ้งออกไปได้อีกครั้ง

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายเกมของทั้ง 2 ทีมยังคงน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่งโดยต่างฝ่ายต่างพยายามสู้กันบริเวณกลางสนามทำให้แทบไม่มีจังหวะจะลุ้นประตูกันมากนักประกอบกับฝนที่เริ่มลงมาหนาเม็ดทำให้นักเตะทั้ง 2 ทีมเล่นยากกันมากเข้าไปอีก

นาทีที่ 85 เจ้าถิ่นได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งในจังหวะที่โคลเติมขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนยิงไกลทันทีบอลพุ่งแรงเข้ากรอบแต่ฮาร์ทยังใช้ 2 มือปัดเอาไว้ได้ทว่ากรรมการกลับไม่ให้ลูกเตะมุมเสียอย่างนั้น

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเพียง 2 นาทีทั้ง 2 ทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมกันได้ก่อนจบเกมด้วยการแบ่งแต้มกันไปทำให้"เรือใบสีฟ้า"ยังอยู่ตำแหน่งรองจ่าฝูงและ"สิงห์บลูส์"สะกดคำว่าชนะในลีกไม่เป็น 5 นัดติดต่อกันอยู่อันดับ 4 เหมือนเดิม