นับว่าต้องลุ้นกันจนถึงช่วงนาทีสุดท้ายของเกมเลยทีเดียวสำหรับ "เยอรมนี" ก่อนที่จะเก็บ 3 แต้มจาก "ออสเตรีย" ได้สำเร็จโดยเพลย์เมคเกอร์ร่างเล็ก "เมซุต โอซิล" รับบทเป็นฮีโร่จากจังหวะยิงจุดโทษช่วงต้นครึ่งหลังเป็นประตูชัยให้ทีมในแมตช์นี้
ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่มซี
วันอังคารที่ 11 กันยายน 2555
ออสเตรีย 1-2 เยอรมนี
สนาม เออร์เนสต์-ฮัปเปิล-สตาดิโอน เปิดฉากมาในช่วงครึ่งแรก "มาร์ติน ฮาร์นิค" แนวรุกของเจ้าถิ่นได้โอกาสสับไกด้วยเท้าขวาในนาทีที่ 4 แต่เป็นมัตส์ ฮุมเมลส์ที่อ่านจังหวะได้ดีก่อนพุ่งเข้ามาบล็อกลูกยิงบอลปลิ้นออกหลังไปทำให้เจ้าถิ่นได้ลูกเตะมุมครั้งแรก
มิโลสลาฟ โคลเซ่หัวหอกตัวเก๋าของเยอรมนีมีโอกาสสับไกด้วยเท้าขวาแต่บอลพุ่งไปเข้าทางของโรเบิร์ต อัลเมอร์นายทวารเจ้าถิ่นที่พุ่งรับบอลได้อย่างสวยงามในนาทีที่ 11 ของเกม
เซบาสเตียน โพรเดิลปราการหลังตัวเก่งของออสเตรียไปเท้าบอลแบบน่าเกลียดใส่มิโลสลาฟ โคลเซ่ทำให้ผู้ตัดสินต้องควักใบเหลืองออกมาเตือนสติก่อนเป็นคนแรก
จูเลี่ยน เบาการ์ตลินเจอร์มิดฟิลด์ของออสเตรเลียได้บอลจากการเปิดเตะมุมของซลัตโก้ ยูนูโซวิชทางฝั่งว้ายของสนามก่อนหาโอกาสตวัดด้วยขวาข้างสนัดแต่บอลกลับพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปแบบน่าเสียดาย
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 44 เขื่อนของเจ้าบ้านก็แตกจนได้เมื่อเมซุต โอซิลเพลย์เมคเกอร์ของเยอรมนีได้บอลหลุดมาทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษก่อนป้ายมาให้มาร์โค รอยส์มิดฟิลด์ดาวรุ่งได้ง้างเท้าซัดด้วยซ้ายบริเวณกรอบ 18 หลาบอลพุ่งซุกก้นตาข่ายแบบหมดจนส่งให้ทีมเยือนขึ้นนำ
ต่อมาช่วงครึ่งหลังกลับมาเล่นกันใหม่ "เยอรมนี" ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกส่งมาริโอ เกิตเซ่ลงมาทำเกมแทนมาร์โค รอยส์คนทำประตูก่อนลงสนามในช่วงครึ่งหลัง
เวลี่ คาฟลัคกองกลางออสเตรียเข้าสกัดใส่โธมัส มุลเลอร์กองกลางเยอรมนีล้มคว่ำลงในกรอบเขตโทษก่อนที่เมซุต โอซิลรับหน้าที่สังหารวิ่งมายิงด้วยซ้ายไม่พลาดทำให้ทีมขึ้นนำไปแล้ว 2-0 ในนาทีที่ 52
ถัดจากเสียประตูที่ 2 เพียง 5 นาทีออสเตรียได้บุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่มาร์โก อาร์เนาโตวิชดาวเตะจอมเทคนิคจะเปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ามาหน้าปากประตูและเป็นซลัตโก้ ยูนูโซวิชที่วิ่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายระยะเพียง 6 หลาบอลพุ่งวาบเข้ามุมประตูฝั่งซ้ายเป็นลูกตีตื้นอย่างสวยงาม
เกมมาถึงนาทีที่ 71 ฟิลิปป์ ลาห์มแบ็กขวากัปตันทีมเยอรมนีไปทำฟาวใส่ซลัตโก้ ยูนูโซวิชที่วันนี้ปั่นป่วนแนวรับทีมเยือนได้ดีเหลือเกินล้มลง โดนกรรมการจดชื่อไปอีกราย
โยอัคคิม เลิฟเห็นทีท่าเกมของเยอรมนีไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ก่อนตัดสินใจส่งลูคัส โพลดอลสกี้ลงสนามมาแทนมิโลสลาฟ โคลเซ่ดาวยิงรุ่นเก๋าที่แทบไม่มีโอกาสได้ส่องพังประตูในนาทีที่ 75
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมเจ้าถิ่นเปิดเกมบุกแหลกหวังทวงประตูตีเสมอให้ได้โดยได้ลุ้นจากลูกยิงของอาร์เนาโตวิชและเบาการ์ตลินเจอร์แต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือของมานูเอล นอยเออร์ที่ปักหลักเฝ้าปากประตูได้อย่างเหนียวแน่นพร้อมนำทีมคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ