เป็นแมตช์ที่ "เนย์มาร์" นั้นหล่อแบบสุดๆไปเลย เพราะนอกจากจะโชว์สเต็ปลากเลื้อย พร้อมจ่ายให้เพื่อนยิง ก็ยังเป็นคนพังประตูจากลูกฟรีคิกที่ดูแล้วพูดได้คำเดียวว่างามมว๊าก~!! ส่งผลให้ "แซมบ้า" ที่ซึ่งโดนนำก่อนนั้นพลิกกลับมาเอาชนะ "เบลารุส" ไปด้วยสกอร์ 3-1 เก็บ 6 คะแนนเต็มเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
โอลิมปิค 2012 ฟุตบอลชาย กลุ่มซี
บราซิล 3 - 1 เบลารุส
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
หลังจากที่ "แซมบ้า" นั้นเก็บ 3 คะแนนเต็มมาได้ในนัดที่แล้ว วันนี้ก็จัดเต็มส่งทั้งแข้งเนื้อหอมอย่าง "ฮัลค์, ปาโต้, เนย์มาร์และออสการ์" ลงเล่นแบบพร้อมศัพท์ ส่วนในเกมรุกไม่ต้องพูดถึง มีประตูให้ได้เห็นกันอย่างแน่นอนในเกมนี้ เปิดฉากเริ่มเกมมาในนาทีที่ 8 "แซมบ้า" บราซิล นั้นถึงกับช็อกตาตั้ง เพราะพวกเขากำลังเซ็ตเกมตามสไตล์ตัวเองอยู่ดีๆ กลับมาโดนทำประตูขึ้นนำไปก่อน ซึ่งก็มาจากความผิดพลาดของตัวเองล้วนๆ ที่ปล่อยให้เบลารุสได้โยนบอลจากด้านข้าง แล้วไม่มีคนตามเบรสซานที่ค่อยๆเข้ามาโหม่งบอลแบบเน้นๆ ผ่านมือของเนโต้เข้าประตูไป เบลารุสนำไปก่อน 1-0
นาทีที่ 15 นี่มันผลงานระดับคุณภาพชัดๆเลย สำหรับเนย์มาร์และปาโต้ เมื่อแข้งจอมลีลายึกบอลอยู่ด้านข้าง ก่อนที่จะสบช่องจัดการตักบอลยาวไปเสาสองให้ปาโต้ฉีกหนีกองหลังเข้าไปโหม่งแบบเต็มๆตุงตาข่าย เจ้าตัวสะใจน่าดูเพราะตอนนี้ตีเสมอได้ทันใจ
เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมง เกมนี้ดำเนินไปในรูปแบบที่เหมือนตั้งแต่ต้นเกมคือจะเป็นบราซิลที่เก็บบอลและทำเกมได้เรื่อยๆ เดินเกมรุกกันแบบเต็มที่ โดยเฉพาะฟูลแบ็คสองข้างที่เติมไม่หยุด แต่ก็ยังเจาะเบลารุสเข้าไปทำเหมือนลูกตีเสมอไม่ได้
นาทีที่ 35 จังหวะนี้เป็นใครก็ต้องจ่าย แต่สำหรับคอร์นิเลนโก้กลับไม่ทำอย่างนั้น ทั้งที่เขาอุตส่าห์ล็อกหลอกกองหลังของบราซิลไปจนสุดเส้น มีช่องจ่ายให้เพื่อนที่พร้อมจะยิงให้ตาข่ายกระจุยอยู่เสาสอง แต่เขากลับฝืนที่จะเลี้ยงต่อ เลยโดนสกัดเอาไว้จนได้
ดูแล้วนี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดสำหรับเนย์มาร์ก็เป็นได้ เพราะดูแล้วใช้จังหวะไม่มากจนเกินไปและยังมีลูกเล่นโชว์ให้เห็นจากการหมุนตัวไขว้บอลหนีกองหลังจนแฟนต้องปรบมือให้เลย
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเพิ่มเติมแต่อย่างใด จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1 บราซิลอาจจะต้องเพิ่มมิติของตัวเองเข้าไปอีกหน่อย หากหวังจะทะลวงเบลารุสให้ได้ในครึ่งหลัง
กลับมาต่อในช่วงครึ่งหลัง ในนาทีที่ 52 เท้าหนักใช้ได้เลยสำหรับแบ็คจอมลุยอย่างมาร์เซโล่ที่เติมขึ้นไปตะบันด้วยเท้าซ้ายแบบเต็มๆ บอลพุ่งเหินกำลังดี แต่ก็ไม่ผ่านมือของกูเตอร์ที่บินปัดทิ้งไปได้
อีก 4 นาทีต่อมา ถ้าเข้าไปล่ะก็สวยงามแน่นอนกับจังหวะนี้ที่เนย์มาร์โยนบอลจากริมเส้นข้างยาวไปสุดเสาสอง ปาโต้ขึ้นโหม่งชงกลับมาหวังให้ออสการ์วิ่งมาง้างยิงให้เต็มเหนี่ยว แต่กองหลังพุ่งตัวเข้าไปแหย่เท้าสกัดได้ก่อนแบบหวุดหวิด
นาทีที่ 61 เป็นอีกจังหวะที่ถ้าเข้าไปแล้วต้องงามหยดน่าดู เมื่อเบรสซานได้บอลนอกกรอบซึ่งระยะค่อนข้างห่าง แต่เห็นเนโต้ยืนสูงกว่าเส้นประตู เลยจัดการลักไก่ปั่นยาวไปเสาสอง บอลดูดเข้าหาเสาประตูเสียบหายแน่ๆ แต่เนโต้ก็วกตัวกลับมาปัดทิ้งเอาไว้ได้ทัน
อีก 5 นาทีต่อมา เป็นประตูฟรีคิกที่สวยงามและเพอร์เฟ็คไร้ที่ติเลยจริงๆ เมื่อบราซิลได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ คราวนี้เป็นเนย์มาร์ขอโอกาสและเขาก็ทำได้ยอดเยี่ยม เมื่อปั่นบอลข้ามกำแพง ก่อนที่จะพุ่งโค้งไปเสียบเสาแรก หลอกผู้รักษาประตูได้สนิท บราซิลขึ้นนำ 2-1
บอกได้เลยว่าเชลซีได้เพชรเม็ดงามไปครองโดยแท้ เพราะนอกจากลูกจ่ายของออสการ์ที่เฉียบขาดและหวังผลได้อยู่ตลอดนั้น เขายังมีเทคนิคสไตล์บราซิเลี่ยน แม้ว่าจะโดนรุมอยู่ 2-3 คน แต่ยังหมุนพลิกตัวเอาบอลออกมาได้หน้าตาเฉย ยอดเยี่ยมจริงๆ
ด้วยการที่บราซิลนำอยู่ทำให้พวกเขาเล่นได้ค่อนข้างสบาย แต่เบลารุสค่อนข้างจะมีปัญหาในเรื่องการพยายามทำเกมรุกขึ้นไปทวงประตูตีเสมอคืนให้ได้ ถ้าเล่นแบบนี้เรื่อยๆคงเสร็จแข้งแซมบ้ายังแน่นอน
นาทีที่ 79 ยอดเยี่ยมจริงๆสำหรับเทคนิคของเขาคนนี้ เมื่อเนย์มาร์ได้บอลทางด้านข้าง ก่อนที่จะสปีดกระชากพาบอลหนีตัวประกบไป ก่อนที่จะแตะผ่านไปได้อีกสองคน แต่ก็ต้องล้มคว่ำในเขตโทษ เพราะโดนเข้าสกัดแบบหนักแน่นสุดๆจนเล่นเอาเจ็บไปเหมือนกัน
ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ต้องยกให้เขาจริงๆเลยสำหรับเนย์มาร์ในเกมนี้ที่ เพราะเขามาจัดการโชว์ลากเลื้อย ก่อนที่จะตอกส้นต่อให้กับออสการ์วิ่งเข้าไปจบสกอร์แบบเน้นๆ จบเกมบราซิลเอาชนะไปด้วยฟอร์มที่หมดจด 3-1 เก็บ 6 คะแนนเต็ม ผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องไปลุ้นในนัดสุดท้ายที่เหลือ