"มาริโอ บาโลเตลลี่" โชว์ฟอร์มไร้ที่ติออกมาแบบจนแฟนต้องซูฮก จัดการซัดคนเดียว 2 ลูก โดยเฉพาะประตูสุดท้ายที่ยิงสนั่นลั่นสนาม ส่ง "อิตาลี" เอาชนะเยอรมันที่มาตีไข่แตกจาจุดโทษของ "โอซีล" ในช่วงทดเจ็บแบบเบ็ดเสร็จทุกกระบวนท่า 2-1 ทะลุเข้าไปรีแมตช์กับสเปนในนัดชิง
ยูโร 2012 รอบรองชนะเลิศ
วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน 2555
สนาม เนชั่นแนล สเตเดี๊ยม
เยอรมัน 1 - 2 อิตาลี
ทุกสายตาทั่วโลกต่างก็จับจ้องมาที่เกมใหญ่เพื่อค้นหาตัวผู้ที่จะเข้าไปชิงชนะเลิศยูโร 2012 กับสเปนระหว่างเยอรมันและอิตาลีสองทีมยักษ์ซึ่งยากจะคาดเดาได้ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะออกเป็นอย่างไร
เปิดฉากเริ่มเกมมาได้ 5 นาที ปิร์โล่ก็โชว์ความสำคัญทุกอย่างกับทีมชาติอิตาลีให้ทุกคนได้เห็น จากจังหวะเตะมุมของเยอรมันที่โยนเข้ากลางแล้วบุฟฟ่อนออกไปไม่ถึงบอล ก่อนจะโดนยิงสวนผ่านตัวเขาไปแล้ว แต่ยังมีปิร์โล่ที่ยืนคุมเสาสกัดบอลเอาไว้ได้ก่อนจะเข้าประตู หวุดหวิดมาก
นาทีที่ 12 บุฟฟ่อนคงใจหายว้าบเลยกับจังหวะนี้ที่เคดิร่าพาบอลขึ้นไปจนถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนแทงออกทางขวาให้กับเพื่อนที่วิ่งเติมขึ้นมาเปิดด่วนครอสเข้ากลาง บุฟฟ่อนล้มตัวพยายามจะปัดออกไม่รับติดมือ บอลเด้งไปโดนขาของโบนุชชี่ที่วิ่งตามจะมาช่วยดัก ยังดีที่ทิศทางมันพุ่งหลุดออกหลังไป ไม่งั้นมีโศกเหมือนกัน
นาทีที่ 17 ได้โอกาสจบสกอร์บ้างแล้วสำหรับฝั่งของอิตาลี หลังโดนเยอรมันกดดันอยู่พักใหญ่จนบุฟฟ่อนต้องเซฟลูกยิงเน้นๆของโครส แต่ก็มาจ่ายบอลต่อเกมกันได้ดี ก่อนคาสซาโน่แตะคืนหลังให้มอนโตลิโวดึงบอลหลบกองหลัง แล้วรีบซัดด้วยขวาทันที แต่บอลไม่หนีมือนอยเออร์ ล้มตัวเซฟได้
นาทีที่ 20 แม้ว่าเกมจะเป็นรอง แต่ด้วยความยอดเยี่ยมในการเข้าทำและต้องชมเทคนิคของคาสซาโน่ที่ช่วยให้อิตาลีได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเลย ในจังหวะที่เขารับบอลมาจากคิเอลลินี่ แม้ว่าจะโดนกองหลังเยอรมันล้มหน้าล้อมหลัง แต่ก็พลิกตัวแตะบอลสองจังหวะหมุนหนีการประกบไปเปิดบอลเข้ากลางได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่บาโลเตลลี่จะรู้งานขยับหนีบล็อกแล้วเทคตัวโหม่งเต็มเหน่งที่เสาแรก บอลพุ่งผ่านมือของนอยเออร์ที่ได้แต่ทำท่าเงิบกระแทกตาข่ายเข้าประตูไป อิตาลีนำ 1-0 มันส์แน่แล้วแบบนี้
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกมไป เยอรมันพยายามอย่างแรงที่จะเซ็ตบอลเพื่อทวงประตูตีเสมอกลับคืนมาจากอิตาลีให้ได้ แต่ดูแล้วพวกเขายังต้องพยายามให้มากกว่านี้ เพราะยังหาช่องเจาะไม่ได้ แถมโอกาสยิงส่วนมากก็มาจากการซัดนอกกรอบหรือการโดนบีบให้ยิงในจังหวะยากๆเท่านั้น
นาทีที่ 34 เรียกได้เลยว่าจังหวะนี้ต้องชมบาดสตูเบอร์ที่อ่านจังหวะเยี่ยม เมื่อคาสซาโน่โชว์ทริคไหลบอลให้มอนโตลิโวหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ มีโอกาสซัดด้วยซ้ายเน้นๆแล้ว แต่เจ้าตัวเลือกล็อคบอลให้เข้าขวา บาดสตูเบอร์ไม่หลงเลยสกัดได้แบบเน้นๆ
อีก 2 นาทีต่อมา นี่มันแจ้งเกิดชัดเจนเลยสำหรับบาโลเตลลี่ เมื่อเขามาทำประตูที่สองของตัวเองได้ ในจังหวะมอนโตลิโว่โชว์สายตาเฉียบคมเปิดบอลยาวจากกลางข้ามกองหลังที เป็นทีเด็ดที่ใช้มาตลอด ทำให้บาโลเตลลี่ที่เช็คไลน์ได้ดีรับบอลหลุดเข้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยเท้าขวาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม บอลพุ่งโคตรแรงเข้าเสียบสามเหลี่ยมหายวั๊บ ชนิดที่นอยเออร์ได้แต่ทำหน้าหวอสุดปัญหาจะรับ อิตาลีทิ้ง 2-0
จังหวะนี้บาโลเตลลี่ได้รับใบเหลืองไป เพราะเขาฉลองประตูด้วยการถอดเสื้อแล้วเบ่งกล้ามโชว์นิ่งกิ้ง
จบ 45 นาทีแรก ความเด็ดขาดและเหนียวแน่นของอิตาลีทำให้พวกเขาทำเซอร์ไพรส์แฟนบอลแบบเล็กๆด้วยการนำห่างเยอรมันไปถึง 2-0 ต้องดูว่าทัพ "อินทรีเหล็ก" จะโชว์พลังใจให้ได้เห็นแค่ไหนในอีก 45 นาทีที่เหลือ
ต่อมาในช่วงครึ่งหลัง ไม่ปรับไม่ได้เลยสำหรับเยอรมัน เมื่อพวกเขาจัดการส่งตัวโคลเซ่และรอยส์ลงไปเล่นแทนโกเมซกับโพโดลสกี้ที่ครึ่งแรกโชว์ฟอร์มกันไม่ออกเท่าไหร่ ต้องดูว่าเกมจะกระเตื้องรวดเร็วมากขึ้นไหม
แค่ 3 นาทีหลังลงมาเหยียบพื้นหญ้าในสนาม รอยส์ก็โชว์สเต็ปการพาบอลหนีกองหลังอิตาลีในกรอบเขตโทษ ก่อนจะลองซัดด้วยซ้าย แต่เสียดายที่บอลมันแป้กเท้า พุ่งแบบปลิ้นๆเข้าซองของบุฟฟ่อนไป
นาทีที่ 50 ปกติน่าจะฉมังกว่านี้สำหรับลาห์มที่อุตส่าห์ต่อบอลกับเพื่อนได้ทะลุปรุโปร่งผ่านกองหลังของอิตาลีได้แล้ว แต่จังหวะยิงของเขากลับไปช้อนใต้ลูกเกิน จนบอลพุ่งเหินข้ามคานไปไกล ทำเอาเสียดายกันหมดทั้งเพื่อน ทั้งแฟนบอลและกุนซืออย่างเลิฟ
นาทีที่ 61 บุฟฟ่อนโชว์ซูเปอร์เซฟชัดเจนเสียจริง กับจังหวะฟรีคิกในระยะน่าลุ้นของเยอรมันที่ยืนออกันเพียบ ก่อนเป็นรอยส์วิ่งเข้าไปปั่นบอลโค้งข้ามกำแพง แถมเหมือนจะพุ่งเสียบเข้าใต้คานอยู่แล้วด้วย แต่เป็นบุฟฟ่อนที่เหินไปปัดทิ้งออกหลังได้ทันจนเพื่อนๆต้องเข้ามาชมเลย
ไอ้เราก็นึกว่าหายเข้าไปแล้วในจังหวะนี้ของอิตาลีที่ต่อบอลกันได้สวย เดียมานติไหลแบบเน้นๆให้กับมาคิซิโอ้สอดเข้าไปยิงก่อนที่กองหลังจะสกัดได้ทัน แม้บอลจะผ่านมือนอยเออร์ไปได้ แต่หลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 70 ถึงจะอดทำแฮทริกแต่ก็ถือว่าฟอร์มของเขาสมบูรณ์แบบจริงๆในเกมนี้ สำหรับบาโลเตลลี่ที่มีปัญหาบาดเจ็บซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะตะคริวขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเล่นต่อได้ ทำให้เขาถูกเปลี่ยนตัวออกไปเพื่อเซฟไว้่ ก่อนที่จะส่งดินาตาเล่ลงไปเล่นแทน
ถือว่าเสี่ยงแล้วสำหรับเยอรมัน เมื่อพวกเขาตัดสินใจถอดเอากองหลังอย่างบังเต็งออก ก่อนที่จะส่งมุลเลอร์ลงไปเติมในแนวรุกแทน เพราะถ้ายังไม่รีบใส่เม็ดแรกให้ได้ไวๆ คงต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านเท่านั้น
นาทีที่ 75 จังหวะนี้ยังไงก็น่าจะจ่ายให้ดิ นาตาเล่เท่านั้น เพราะมาคิซิโอ้อุตส่าห์ล็อคบอลหนีกองหลังเยอรมัน ก่อนจะมีพื้นที่ว่างโล่ง ซึ่งดิ นาตาเล่ยืนจังก้ารออยู่หน้าประตู พร้อมยิงให้ตาข่ายกระจุยทุกเมื่อ แต่เขาดันเลือกล็อคกลับเข้าขวาอีกที แล้วยิงเอง บอลเลยพุ่งติดไซด์โป้งหลุดเสาออกไป
นาทีที่ 82 นึกว่าจะปิดกล่องบอกลากันไปแล้ว สำหรับอิตาลี เพราะดิ นาตาเล่อุตส่าห์ได้โอกาสวิ่งหลุดเดี่ยวเข้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษของเยอรมัน มีทั้งเวลาและพื้นที่ทุกอย่างพร้อม แต่กลับหวดติดหน้าต่างด้านข้างซะงั้นนี่
ช่วงทดเจ็บเยอรมันมาได้ประตูตีไข่แตกช่วยให้ลุ้นขึ้นมาได้อีกเฮือกในจังหวะที่บอลไปโดนแขนผู้เล่นอิตาลีในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้ทันที ก่อนที่โอซีลจะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่มีพลาด แต่เวลาเหลือน้อยเหลือเกิน
สุดท้ายจบเกม เป็นอิตาลีที่ตั้งรับช่วงท้ายเกมยันเอาไว้ได้ ผ่านเข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศกับสเปนคู่แข่งในเกมนัดแรกของพวกเขาในยูโร 2012 นี้ด้วยการเอาชนะเยอรมันไป 2-1