แหวกพลังแห่งกองแช่งหลุดพ้นจากการเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ที่ใครหลายคนคาดเอาไว้ได้สำเร็จสำหรับฮอดจ์สันที่พาอังกฤษซึ่งแม้ว่าจะได้ประตูนำไปก่อน แต่มาโดนตีเสมอช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนจะยันน้ำบานดึงจนจบด้วยผลเสมอกับฝรั่งเศสไป 1-1
ยูโร 2012 กลุ่ม ดี
วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2555
สนาม ดอนบาส อารีน่า
ฝรั่งเศส 1 - 1 อังกฤษ
บิ๊กแมตช์ประจำวันจันทร์นี้ระเบิดขึ้นเมื่อฝรั่งเศสเปิดศึกกับอังกฤษ แน่นอนว่า 3 คะแนนแรกคือสิ่งที่ทั้งสองทีมต้องการที่สุดเพื่อที่จะให้ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปให้ได้ ฝรั่งเศสวันนี้ใช้เบนเซม่าที่ฟอร์มจัดจ้านกับต้นสังกัดเรอัล มาดริดยืนกองหน้าและมีสองตัวอันตรายอย่างริเบรี่กับนาสรี่คอยป่วนเกมในแดนกลาง
ในขณะที่แดนกลางส่งตัวจ่ายบอลนิ่งจากนิวคาสเซิ่ลจากกาบายลงเล่นและเอฟร่าที่เล่นพรีเมียร์ ลีกเหมือนกันก็ยืนแบ็คซ้ายด้วย
ด้านอังกฤษที่จะไม่มีรูนี่ย์หัวหอกตัวหลักในสองเกมแรก ก็เลือกใช้บริการของเวลเบ็คจากค่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเหมือนกันลงเล่น โดยมียังเพื่อนร่วมสโมสรที่คอยช่วยปั้นเกมให้
ดูแล้วเซอร์ไพรส์น่าดูเหมือนกันเมื่อฮอดจ์สันวัดใจเลือกใช้เจ้าหนูแชมเบอร์เลนลงเล่น แม้ว่าจะประสบการณ์น้อยนิดกว่าเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งก็ตามที
เปิดฉากมาในเกมแีรก ผ่านช่วง 10 กว่านาทีแลก แม้ว่าเกมจะแลกกันพอสมควร แต่จังหวะบุกขึ้นหน้าของฝรั่งเศสดูอันตรายกว่าทางอังกฤษเยอะ ส่วนใหญ่เกมจะใช้การต่อบอลเจาะตามช่องซึ่งดูแล้วถ้ามีเผลอเสร็จแน่นอนสำหรับชนชาวผู้ดี
หลุดได้ไง!มิลเนอร์หลุดแล้วยิงออกซะงั้น
นาทีที่ 15 ต้องทำได้ดีกว่านี้เห็นๆเลยสำหรับจังหวะของมิลเนอร์ ที่ทะลุหลุดเข้าไปอย่างสวยงาม จากการจ่ายทะลุช่องของยัง แตะหลบผ่านญอริสไปได้แล้ว แม้ว่ามุมจะแคบ ถึงอย่างนั้นก็น่าจะประคองให้บอลเลี้ยวมากกว่านี้ แต่มิลเนอร์ดันยิงด้วยซ้ายเข้าหน้าต่างไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย
อ๊อกเหล็กแอบโชว์สเต็ป
อีก 3 นาทีต่อมา ขอโชว์เพื่อให้รู้ว่าควรค่าแก่การลงเป็นตัวจริงหน่อยสำหรับแชมเบอร์เลน ในจังหวะที่โดนบีบจากผู้เล่นของฝรั่งเศสในแดนกลาง แต่เขาพลิกตัวแตะหลอกสองจังหวะกระชากผ่านผู้เล่นของทีม "ตราไก่" สองคนมาได้ แต่ติดนิดเดียวตรงจังหวะแทงบอลทะลุช่องยังไปยืนเหลื่อมอยู่หน่อย
เข้าหัว!เลสค็อตต์ขึ้นเทคเต็มตุงเลยจ้า
นาทีที่ 31 ถือว่าพลาดเต็มๆเลยสำหรับกองหลังของฝรั่งเศส ในจังหวะฟรีคิกที่เจอร์ราร์ดบรรจงโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ แม้ว่าเลสค็อตต์จะวิ่งตามหลังมาช้ากว่าดิยาร์ร่า แต่เขากลับสอดขึ้นไปเทคตัวโขกได้แบบเต็มเหน่งก่อน สุดปัญญาที่ญอริสจะต้านทันเอาไว้ได้ อังกฤษขึ้นนำไปเลย 1-0
รอดเฉย!ดิยาร์ร่าโหม่งสองทีแต่ไม่ได้
นาทีที่ 35 ไม่รู้ว่าห้อยพระอะไรสำหรับอังกฤษ แต่จังหวะนี้รอดจนโล่งเลย เมื่อนาสรี่ปั่นฟรีคิกส่งบอลครอสเข้าไปในกรอบเขตโทษ แม้ว่าอังกฤษจะอยู่กันเพียบ แต่ดิยาร์ร่าก็แทรกเข้าไปโหม่งเต็มเหน่งไม่แพ้เลสค็อตต์ แต่บอลมันตรงตัวของฮาร์ทที่ผวาปัดเอาไว้ได้ ก่อนที่ริเบรี่จะตามเข้าไปโหม่งตั้งกลับมาให้ดิยาร์ร่าได้ลองหัวอีกครั้ง แต่คราวนี้โดนบางเลย บอลเลยพุ่งหลุดเสาสองออกแบบเสียวมว๊าก
เฉียบขาด!นาสรี่ตะบันคมจนเลือดซิบ
อีก 4 นาทีต่อมา ลูกนี้ต้องปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของนาสรี่เลย จากจังหวะที่ฝรั่งเศสขึงเกมใส่อังกฤษ จนชิ่งบอลกันไปมา ก่อนที่นาสรี่จะได้บอลบริเวณสามเหลี่ยมกรอบเขตโทษ แล้วจัดการยิงแบบเฉือนนิดๆ บอลพุ่งผ่านบล็อกของกองหลัง เช่นเดียวกันกับที่ผ่านมือของฮาร์ทซึ่งพุ่งสุดๆแล้วแต่ก็ไม่ทัน เบียดเสาเข้าไปตุงตาข่าย เกมเสมอกัน 1-1
ช่วงเวลาที่เหลือเป็นฝรั่งเศสที่ตั้งหน้าตั้งตาบุกใส่อังกฤษแบบไม่ให้ได้หายใจ แต่แนวรับของทีม "สิงโตคำราม" ก็ยังไม่ก่อความผิดพลาด ยันเอาไว้ได้หมด ทำให้จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองฝ่ายยังเสมอกันอยู่ที่สกอร์ 1-1 แต่การบ้านของฮอดจ์สันเรียกว่ามีกองโตเลย เพราะถ้าครึ่งหลังยังเล่นแบบนี้ ส่อแววจะโดนส่องอีกแน่
ต่อมาในครึ่งหลัง ในนาทีที่ 49 เกือบจะพังและหลอนเหมือนอย่างเมื่อ 8 ปีก่อนที่เจอร์ราร์ดเคยพลาดมาแล้ว สำหรับมิลเนอร์ที่พยายามจะเลี้ยงหนีผู้เล่นของฝรั่งเศสที่เข้ามาบีบ เลยตัดสินใจจ่ายคืนหลังให้กับฮาร์ท แต่มันสั้นสุดๆ แถมไปเข้าทางของนาสรี่ ยังดีที่ฮาร์ทวิ่งออกมาไว สกัดบอลถึงก่อน เลยไม่พลาดท่าเสียที
ถ้าเทียบกันในครึ่งแรกนั้น เกมของอังกฤษดูจะดีขึ้นมาบ้าง มีจังหวะได้สวนได้เซ็ตเกมกันขึ้นไปให้เห็นพอสมควร แต่พื้นที่สุดท้ายยังน้อยไปหน่อย เพราะจังหวะที่เวลเบ็คจะเก็บบอลก็จะโดนกองหลังฝรั่งเศสเข้าปะทะทันที ทั้งเกมด้านข้างก็โดนปิดอยู่ด้วย
นาทีที่ 65 เป็นการต่อบอลทำเกมกันได้สวยเลยสำหรับฝรั่งเศส เริ่มจากเอฟร่าใช้สกิลที่คุ้นเคยลากบอลผ่านกองหลังอังกฤษ แล้วจ่ายต่อให้กับเบนเซม่าที่จิ้มไปให้นาสรี่แตะคืนมากับที่พี่เบนซ์ซึ่งไม่ต้องเล่นให้มากความแล้วจัดการตะบันไกลทันที บอลพุ่งคมน่าลุ้น แต่ไม่ห่างตัวของฮาร์ทที่ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ตอนนี้เกมกลับไปเหมือนช่วงท้ายของครึ่งแรกอีกแล้ว เมื่อบอลมักจะอยู่กับทางฝรั่งเศสซะส่วนมาก แล้วอังกฤษก็ต้องถอยลงไปรับกันลึก กองหน้าเองก็ได้บอลน้อยเสียเหลือเกินด้วย
เกมนี้ดูแล้วน่าจะเป็นเกมที่น่าหงุดหงิดของแฟนบอลอังกฤษน่าดู เพราะหลายๆครั้งพวกเขาไม่ค่อยจะได้รับการเป่าให้จากผู้ตัดสินสักเท่าไหร่ ทำให้ดูแล้วหงุดหงิดแทนเหมือนกัน
นาทีที่ 77 ทำเอาหลายคนแปลกใจเลย เพราะแม้ว่าเกมจะต้องการความแน่นอนและการสวนกลับที่เฉียบขาด แต่ฮอดจ์สันเลือกที่จะเปลี่ยนเอาปาร์คเกอร์ซึ่งช่วยในเกมรับวันนี้ได้เยอะออก แล้วเอาเฮนเดอร์สันลงไปแทน พร้อมกับเดโฟที่ลงเล่นแทนแชมเบอร์เลน
อีก 3 นาทีต่อมา เกือบจะโดนท้ายเกมแล้วไหมล่ะสำหรับอังกฤษ ในจังหวะเตะมุมที่บอลเคลียร์กันไม่ได้ บอลผ่านไปถึงกาบายที่ตั้งป้อมรอตรงเส้นกรอบเขตโทษ ยิงแบบเน้นๆ ส่งบอลพุ่งแหวกบล็อกมาได้หมดกำลังจะดูดเข้าเสียบเสาอยู่แล้ว แต่เป็นเวลเบ็คที่ยืนขวางวิถียกเท้าสกัดได้นิดเดียว ทำให้แฉลบออกหลังไป
ช่วงท้ายเกมก็เป็นฝรั่งเศสที่บุกแล้วบุกเล่าเฝ้าแต่บุกใส่อังกฤษแบบไม่หยุด แต่พวกเขาก็ยังหาช่องเจาะเข้าไปยิงประตูแบบจังๆไม่ได้ เพราะผลพรรค "สิงโตคำราม" ยืนกันแน่นเหลือเกิน ส่วนพวกเขาเองก็มามีลุ้นบุกขึ้นไปกดดันได้เช่นเดียวกัน ถึงอย่างนั้นสุดท้ายครบ 90 นาที ผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 แบ่งแต้มไปในนัดเปิดสนามของยูโร 2012 กลุ่ม ดี