"ราชัน" ฝันสลาย~!! หลังพวกเขาเสมอกับ "เสือใต้ "บาเยิร์น มิวนิคใน 120 นาทีไป 3-3 ทำให้ต้องดวลจุดโทษ แต่สุดท้ายเป็นทีมดังจากเยอรมนีที่แม่นกว่าเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่สนามของพวกเขาเอง
ฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศนัดสอง
วันพุธที่ 25 เมษายน 2555
สนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว
เรอัล มาดริด 2 - 1 บาเยิร์น มิวนิค
(บาเยิร์นเอาชนะในการดวลจุดโทษ 3-1 หลังเสมอ 120 นาทีที่สกอร์ 3-3) เปิดฉากมาไม่นานนักเจ้าบ้านมาดริดก็บุกใส่อย่างหนักแล้วก็ได้ลุ้นกันไปก่อนจากดิ มาเรียที่ได้บอลทางขวาก่อนจะแหวกผ่านอลาบ้าเข้าไปในเขตโทษแล้วเปิดกลับมาตรงกลางให้เบนเซม่าวิ่งมายิงแต่นอยเออร์ก็ยังรับได้
แล้วเพียงนาทีที่ 5 งานก็เข้า"เสือใต้"ซะแล้วหลังต้องเสียจุดโทษไปก่อนจากจังหวะที่อลาบ้าล้มตัวสกัดลูกวอลเล่ย์ของดิ มาเรียแต่บอลดันโดนแขนก่อนผู้ตัดสินจะแจกจุดโทษให้ แล้วก็เป็นโรนัลโด้เป็นผู้สังหารจุดโทษไม่มีเหลือ มาดริดออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0
"ราชัน"เองก็เกือบงานเข้าเช่นเดียวกันหลังบาเยิร์นเกือบได้ประตูตีเสมอคืนด้วยความรวดเร็วเป็นอลาบ้าที่พาบอลขึ้นมาเองทางซ้ายก่อนจะเปิดกลับเข้าไปตรงกลาง บอลเลยมาจนถึงรอบเบนแต่แปโดนไม่ดีบอลมันเลยลอยโด่งหลุดกรอบไปแบบน่าเสียดาย
หลังบาเยิร์นพยายามบุกทวงประตูคืนแต่ก็กลายเป็นเจ้าบ้านที่บวกประตูเพิ่มได้ในนาที 14 เป็นจังหวะปั้มกันกลางสนามแต่ก็บอลก็ยังหลุดมาถึงโอซิลเลือกจ่ายให้กับโรนัลโด้ตรงกลางหน้าเขตโทษที่เรียกว่าไร้ตัวประกบก่อนจะยิงผ่านมือนอยเออร์เข้าไปอีกครั้ง มาดริดทิ้งห่างเป็น 2-0 แล้ว
ทั้งสองทีมยังแลกกันอย่างสนุกโดยทาง"เสือใต้"มีโอกาสได้ลุ้นอีกบ้างเป็นโกเมซที่ได้บอลก่อนจะพาขึ้นมาเองเห็นข้างหน้าไม่มีตัวขวางเลยจัดการซัดไกลแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปแบบไม่ค่อยได้ลุ้นมากเท่าไหร่
ช่วงนี้"เสือใต้"ได้เปิดเกมบุกเข้ามากกว่าจนในนาที 27 ก็มาได้ประตูไล่ตีตื่นขึ้นมาจนได้เป็นจังหวะที่โครสเปิดบอลจากริมเส้นเข้าในจะให้โกเมซแต่โดนเบียดล้มโดยเปเป้ทำให้กรรมการเป่าเป็นจุดโทษ ก่อนรอบเบนจะสังหารเอง กาซิญาสปัดได้แล้วแต่บอลยังแรงเข้าประตูไปได้ บาเยิร์นไล่มาเป็น 1-2
มาดริดเริ่มอยู่ไม่สุขแล้วเปิดเกมรุกจนเกือบได้ประตูเพิ่มอีกครั้งจากบอลมาทางซ้ายให้กับเบนเซม่าเลี้ยงรอจังหวะอยู่แต่สุดท้ายก็เลือกจะซัดเลย บอลเลี้ยวหลุดเสาออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
ทางฝั่งบาเยิร์นเองก็ได้ลุ้นเพิ่มอีกครั้งนึงเป็นบอลจ่ายทะลุช่องของโครสให้กับโกเมซที่หลุดกับดักล้ำหน้าออกไปรับบอลก่อนจะได้ซัดเลือกเล็งไปเสาไกลแต่ก็ยิงไม่ดีตรงตัวกาซิญาสไปติดเข่าแทน
ช่วงท้ายทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันแลกอย่างสนุกแต่โอกาสจบจังๆนั้นต้องรอจนถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกจากฟรีคิกชองรอบเบนที่ได้ยิงจากตรงบริเวณหัวกะโหลกจัดการส่งบอลผ่านกำแพงไปแล้วแต่กาซิญาสยืนดักรออยู่เลยยังปัดออกไปทัน ก่อนจะจบไปด้วยสกอร์มาดริดนำอยู่ 2-1
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังรูปเกมยังเป็นเหมือนเดิมผลัดกันเปิดเกมเข้าใส่อย่างสนุกและเป็นบาเยิร์นได้ลุ้นกันไปก่อนจากลูกโขกของโกเมซแต่บอลหลุดเสาไกลนิดเดียว
หลังจากนั้นดูจะเพลาเกมกันไปทั้งสองฝ่ายแต่ก็ยังได้ลุ้นกันอยู่เป็นคิวของมาดริดบ้างในนาที 57 จากโอซิลที่ออกบอลให้กับเบนเซม่ามาทางขวาก่อนจะได้โอกาสสับไกเลยแต่ยังเป็นนอยเออร์ที่พุ่งปัดออกไปได้ก่อน
จังหวะเปิดเกมเข้าใส่ของทั้งสองฝั่งลดลงไปเยอะเน้นครองบอลกันมากขึ้นและดักจังหวะทันกันตลอดโอกาสลุ้นเลยไม่ค่อยจะมีมากนักแต่บาเยิร์นก็ได้โอกาสจบจากลูกฟรีคิกทางซ้ายหยอดไปให้โกเมซโขกบางไปนิดบอลเลยยังหลุดเสา
โอกาสของมาดริดเองก็ยังมีมาอยู่เหมือนกันจากจังหวะฟรีคิกทางซ้ายระยะ 35 หลาของโรนัลโด้วิ่งเข้ามากดส่งบอลผ่านกำแพงไปแล้วแต่บอลไม่ยอมเลี้ยวออกซ้ายหรือขวาไปกลางประตูนอยเออร์เลยรับเข้าซองสบาย
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายยังไม่มีผลีผลามเน้นรัดกุมกันทั้งคู่โอกาสยิงเริ่มน้อยลงไปอีกและเป็นทางมาดริดที่แก้เกมก่อนส่งกาก้าลงมาแทนดิ มาเรียที่ครึ่งหลังแทบจะหายไปเลย
เกมดำเนินมาเรื่อยจนถึงช่วง 5 นาทีสุดท้ายแล้วเป็น"เสือใต้"ที่ได้ครองบอลเยอะกว่าค่อนข้างชัด กลายเป็นเจ้าบ้านที่ต้องลงไปเน้นรับมากขึ้นแต่โอกาสยิงยังแทบไม่มีโอกาสต่อเวลาสูง
แฟนบาเยิร์นถึงแกับเซ็งกันไปหลังมีโอกาสงามแล้วแต่ปิดกันไม่ลงเป็นรอบเบนที่ได้บอลจากริมเส้นหลุดเข้าเขตโทษก่อนจะเลือกจ่ายให้กับโกเมซที่อยู่ทางเสาสองเลือกจับบอลไม่ยิงจังหวะแรกก่อนจะไขว้มาเข้าซ้ายแต่ก็เสียจังหวะไปแล้วพอจะยิงก็เลยเจอตัวโผเข้ามาบล็อกเพียบ และสุดท้ายก็ทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ ทำให้จบ 90 นาทีประตูรวมเสมอกัน 3-3 ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบอเวย์โกล์ทำให้ต้องไปเล่นกันต่อในช่วงต่อเวลา
ต่อเวลาครึ่งแรก เข้าสู่ช่วงต่อเวลารูปเกมก็ยังไม่ได้ต่างจากในครึ่งหลังเท่าไหร่ ส่วน"ราชัน"ก็เกือบทำพลาดกันเองอยู่้เหมือนกันจากลูกเปิดเข้ากลางไปของบาเยิร์น กาซิญาสออกมาตัดบอลแต่ทางเปเป้กับรามอสเองก็จะมาเล่นเช่นกันสุดท้ายกั๊กกันเองปล่อยบอลหลุดกันไปหมดโชคดีไม่มีแข้ง"เสือใต้"มารอซ้ำ
ฝั่งบาเยิร์นได้ลุ้นใกล้เคียงที่สุดเป็นจังหวะที่ลาห์มได้เปิดจากด้านข้างเข้าไปและรามอสโหม่งเสยสกัดบอลหลุดกรอบไปไม่เท่าไหร่ สุดท้ายจังหวะก็ไม่มีอะกันมากกว่านี้เลยต้องยังลุ้นกันต่อ
ต่อเวลาครึ่งหลัง โอกาสจบแบบจะๆครั้งแรกในช่วงต่อเวลามาแล้วจากจังหวะที่"ราชัน"ได้ฟรีคิกเล่นสั้นให้กับโรนัลโด้ล็อกหลบตัวสไลด์ไปได้คนนึงก่อนจะแต่งให้เข้าขวาดีๆแล้วยิงไกลเลยแต่บอลยังปลิ้นหลุดไปเยอะ
ช่วงท้ายเจ้าบ้านมีได้ลุ้นจุดโทษด้วยเป็นจังหวะที่บอลเปิดมาแล้วกราเนโร่เอาบอลลงได้นอยเออร์ต้องออกมาปิดประกบติดมีดึงนิดผลัีกหน่อยก็กราเนโร่จะล้มลงแต่ผู้ตัดสินก็เลือกจะเป่าเป็นจังหวะล้มง่ายเกินของกราเนโร่
สุดท้ายก็ยังตัดสินกันไม่ได้ทำให้ต้องไปดวลกันในช่วงจุดโทษ
จุดโทษ ดาวิด อลาบ้า (บาเยิร์น มิวนิค) : เข้า
คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด) : ไม่เข้า
มาริโอ โกเมซ (บาเยิร์น มิวนิค) : เข้า
กาก้า(เรอัล มาดริด) : ไม่เข้า
โทนี่ โครส(บาเยิร์น มิวนิค) : ไม่เข้า
ชาบี้ อลอนโซ่ (เรอัล มาดริด) : เข้า
ฟิลิปป์ ลาห์ม (บาเยิร์น มิวนิค) : ไม่เข้า
เซร์คิโอ้ รามอส (เรอัล มาดริด) : ไม่เข้า
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (บาเยิร์น มิวนิค) : เข้า
(เรอัล มาดริด) : ไม่ต้องยิง
สุดท้ายหลังลุ้นกันมามากกว่า 120 นาทีเสมอกันมา 3-3 ก็เป็นบาเยิร์น มิวนิคที่แม่นจุดโทษกว่าเบียดเอาชนะเรอัล มาดริดไปได้ในการดวลจุดโทษ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศถ้วยบิ๊กเออร์กับเชลซีเรียบร้อยแล้ว โดยเกมนัดชิงจะมีขึ้นที่สนามอลิอันซ์ อารีน่าบ้านของ "เสือใต้" เองในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้