ทีม สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ฟอร์มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ถล่ม เบอร์มิงแฮม ไปแบบหมดสภาพ 3-1 ได้แซงหน้าอาร์เซนอล ขึ้นเป็นรองจ่าฝูงแล้ว
เชลซี ยังมีความหวังบางๆในการลุ้นแชมป์ หากเกมนี้เก็บ 3 แต้มได้เหนือ เบอร์มิงแฮม โดยทางด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ แทบไม่ปรับทัพจากเกมที่ถล่ม เวสต์บรอมฯในวันเสาร์ที่ผ่านมาเลย นั่นทำให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ต้องเป็นตัวสำรอง ดูดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ลงเป็นตัวจริงอีกนัด
และเชลซี ก็ไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง เมื่อออกสตาร์ทมาได้แค่ 3 นาทีก็ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว โดยเป็นจังหวะรุกทางขวา แฟร์เรยร่า เปิดมาให้กับ ดร็อกบา ได้โหม่งเช็ดต่อให้ มาลูด้า ยิงจากระยะ 6 หลาเข้าไป
ประตูนำเร็วของเจ้าบ้าน ทำให้ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย โดยทีมเยือนหาจังหวะลุ้นได้นิดหน่อยเท่านั้น ตรงข้ามกับเจ้าบ้านที่มาแบบอาวุธหนัก และมาถึงนาทีที่ 26 ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากความสุดยอดของ กาลู ที่ได้บอลมาจาก ดร็อกบา ก่อนกระชากจากระยะ 30 หลาผ่าน 2 กองหลังก่อนจะซัดเสียบตาข่ายแบบสุดสะใจ
สกอร์ของกองหน้าไอวอรี่โคสต์ เป็นประตูปิดท้ายของเชลซี ในครึ่งแรกที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังสถานการณ์ก็ยังเหมือนเดิม โดยเจ้าบ้านบงการทุกอย่างไว้ใต้ฝ่าเท้า
เชลซี เล่นอย่างใจเย็นและมาได้ประตูหนีห่างอีกเป็น 3-0 ในนาทีที่ 62 จากจังหวะแจ้งเกิดของเจ้าหนู ไรอัน แบร์ตรองด์ ที่ส่งบอลเข้ามาอย่างสุดเทพให้ มาลูด้า ได้โหม่งประตูที่สองของตัวเองเข้าไป
แต่เบอร์มิงแฮม ก็ยังมาตีไข่แตกเมื่อได้ลูกจุดโทษในนาทีที่ 70 ในจังหวะที่ แมตต์ ดาร์บี้เชียร์ โดนทำฟาวล์จาก ดาวิด หลุยซ์ โดยเป็น เซบาสเตียน ลาร์สสัน ที่รับหน้าที่สังหารผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้อีก โดยเจ้าบ้านเองก็พอใจกับสกอร์ดังกล่าวซึ่งทำให้ทีมเก็บ 3 แต้มไล่ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือ 6 คะแนน ขยับขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงแทน อาร์เซนอล โดยยังมีโอกาสจะปะทะกับจ่าฝูงอีกนัดด้วยก่อนสิ้นเดือนนี้