ปืนใหญ่ อาร์เซนอล โทษใครไม่ได้จริงๆเมื่อปล่อยโอกาสทองที่เก็บชัยชนะเหนือ ไก่เดือยทอง สเปอร์ส หลุดลอยไปทั้งที่นำห่าง 3-1 สุดท้ายมาโดนไล่ตามตีเสมอเป็น 3-3 ต้องร่วงลงมาอยู่ที่ 3
ศึกยิ่งใหญ่แห่ง “นอร์ธลอนดอน” ระหว่าง ไก่เดือยทอง สเปอร์ส พบกับคู่ปรับตลอดกาล ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ซึ่งเกมนี้มีโอกาสเป็นเกมชี้อนาคตของทีมกันเนอร์สอีกครั้งว่าจะยังได้ลุ้นแชมป์หรือไม่ เพราะเมื่อคืน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดเสมอไปแล้วทำให้มีโอกาสไล่ตามเหลือ 4 แต้มเท่านั้น
โดยเกมนี้ต่างฝ่ายก็ต่างขนทัพชุดใหญ่ลงสนามเต็มๆ เจ้าบ้านนำมาโดย แกเร็ธ เบล ปีกตัวเก่งที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอ ในขณะที่อาร์เซนอล ถึงไม่มีชื่อ แจ็ค วิลเชียร์ ดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่รับรางวัลพร้อมกัน แต่ก็ขนดาราดังลงสนามครบทุกราย
เกมนี้เริ่มต้นมาอย่างดุเดือดจริงๆโดยแค่ 11 นาที ก็มีประตูเกิดขึ้นแล้วถึง 3 ลูกด้วยกัน โดยเริ่มจากประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมเยือนในนาทีที่ 5 จากฝีเท้าของ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ได้บอลจ่ายทะลุช่องจาก เซสก์ ฟาเบรกาส ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงผ่าน โกเมส อย่างเลือดเย็น
ถัดมา 2 นาที สเปอร์ส ก็ไล่ตีเสมอได้อย่างรวดเร็วจาก ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้ลูกจ่ายจาก เวดราน ชอร์ลูก้า ก่อนจะซัดจากแถวมุมกรอบเขตโทษเข้าไปอย่างสวยามเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ทันควัน
แต่ถึงนาทีที่ 12 อาร์เซนอล ก็หนีเป็น 2-1 อีกครั้งคราวนี้มาจากการยิงไกล 25 หลาของ ซาเมียร์ นาสรี่ ที่มีเฮงไปแฉลบ ไมเคิล ดอว์สัน เข้าประตูไป เรียกว่าเดือดกันตั้งแต่เปิดม่านเลยทีเดียวสำหรับศึกคู่นี้
หลังจากนั้นเกมเป็นไปอย่างตื่นเต้นเร้าใจ ต่างฝ่ายก็พยายามที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่กัน เพื่อเอาประตูให้ได้ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีโอกาสทั้งคู่ แต่สุดท้ายนาทีที่ 40 ทีมเยือนสปีดหนีไปเป็น 3-1 ในจังหวะพลาดของ วิลเลี่ยม กัลลาส ที่พยายามพักอกรับลูกเปิดของ ซาญ่า แต่ดันเสียหลัก วัลค็อตต์ ไวทายาด วิ่งมาเปิดบอลกลับไปให้ ฟาน เพอร์ซี่ โหม่งไปโดน โกเมส เซฟได้อย่างสุดยอดในจังหวะแรก แต่ก็ยังซ้ำเข้าไปได้สำเร็จ
แต่สเปอร์ส ก็ไม่ยอมให้เข้าทาง ปืนใหญ่ ง่ายๆไล่ตามมาเป็น 3-2 ก่อนจบครึ่งแรก จากการฮาล์ฟวอลเล่ย์สุดงามตามตำราของ ทอม ฮัดเดิลสตัน ก่อนที่เกมจะจบลงในครึ่งแรกแบบสุดมัน
เข้าสู่ครึ่งหลังเกมยิ่งตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อ สเปอร์ส เร่งเกมขึ้นจากครึ่งแรกอีก ทำให้เปิดฉากไล่บดอย่างสนุก โดยเริ่มมาไม่นาน โมดริช ก็เรียกฟาวล์ให้ทีมได้ก่อนที่ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จะปั่นบอลข้ามคานออกไปแบบหวุดหวิด
จากนั้นยังมีโอกาสยิงของ โมดริช และพาฟลิวเชนโก้ ที่โดน เชสนี่ เซฟเอาไว้ได้ แต่แล้วถึงนาทีที่ 70 สเปอร์ส ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จในจังหวะที่แนวรับทีมเยือนพลาดปล่อยให้ตัวสำรอง อารอน เลนน่อน ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนโดน เชสนี่ รวบล้มลงไป ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษ และเป็น ฟาน เดอร์ ฟาร์ท รับหน้าที่สังหารเข้าไป
หลังจากนั้น สเปอร์ส กับอาร์เซนอล ก็แลกหมัดกันเต็มๆ โดยเจ้าบ้านเกือบแซงนำทันทีถ้า เชสนี่ ไม่เซฟลูกยิงของ โมดริช เอาไว้แบบหวุดหวิดแต่ทีมเยือนก็โต้ตอบกลับด้วยจังหวะยิงหน้าเขตโทษของ เซสก์ ที่โกเมส ต้องบินปัดบอลออกไปเหมือนกัน
เจ้าบ้านยิ่งเล่นยิ่งมันค่อยๆนวดจน อาร์เซนอล ออกอาการป้อแป้ขึ้นเรื่อยๆ และได้เสียวอีกจากทั้งลูกขึ้นโหม่งเหน่งๆของ เคราช์ และลูกยิงในเขตโทษของ ซานโดร แต่เชสนี่ ก็เซฟไว้ได้หมด
แต่ในช่วงก่อนหมดเวลา อาร์เซนอล เป็นฝ่ายคุมเกมไว้ได้หมด เพียงแต่จังหวะสุดท้ายขาดๆเกินๆ ซึ่งที่สุดแล้วเกมก็จบลงด้วยการเสมอกันไปอย่างสุดดุเดือด 3-3 ส่งผลให้ อาร์เซนอล ยังตาม แมนฯ ยูไนเต็ด 6 แต้มเท่าเดิม และร่วงมาอยู่อันดับ 3 แล้ว