หลังไม่ค่อยได้ยิงในรายการนี้กันซักเท่าไหร่ "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" ระบายความอัดอั้นตันใจซัดสองประตูรวมถึง "อิกวาอิน-เบนเซม่า" ช่วยกันสังหารให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ไล่กระซวกไส้ "ซีเอสเคเอ มอสโก" 4-1 พร้อมทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดสอง
วันพุธที่ 14 มีนาคม 2555
เรอัล มาดริด 4-1 ซีเอสเคเอ มอสโก
(รวมผลสองนัด เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์ 5-2) เปิดฉากมาในครึ่งแรก "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด บุกเข้าใส่ก่อนแต่ทว่า "ซีเอสเค" ทักทายน่ากลัวนาที 7 มูซ่า กระชากมาริมเส้นฝั่งขวาผ่านให้ ซาโกเยฟ ไหลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ดุมเบีย สอดขึ้นมาพอดีซัดเหินข้ามคาน
อีกนาทีถัดมา "ราชันชุดขาว" ได้ส่องบ้างบอลมาถึงเท้า โรนัลโด้ ขึ้นเกมทางซ้ายลากจี้แผงหลังเข้าไปรุมสกัดแต่ยังหาช่องยิงแหวกแนวรับเข้าซองนายทวารซีเอสเคเอยืนปิดมุมตะครุบไว้ได้ทัน
จากนั้น มาดริด ค่อยๆลำเลียงเกมบุกเข้าใส่ตลอดจนนาที 17 กาก้า ประสานงาน โรนัลโด้ กระชากลากเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายล็อคหลอกกองหลังก่อนผ่านเข้ากลางบอลผ่านหน้าผู้รักษาประตูไปแล้วแต่ เชนนิคอฟ มาช่วยสกัดทิ้งไปเข้าทาง กาก้า ยิงสวนทันทีถากเสา
ซีเอสเคเอ ถอยลงไปตั้งรับหน้าปากประตูเต็มไปหมดแทบไม่เปิดโอกาสเลยแต่แข้งมาดริดเล่นด้วยความอดทนจนได้ขึ้นนำ 1-0 บอลเริ่มจาก โอซิล หยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา เคดิร่า เอาบอลลงได้สวยก่อนตักย้อนข้ามฝั่งไปทางซ้าย กาก้า สอดทะลุขึ้นมาไม่ล้ำหน้าก่อนใจกว้างเป็นแม่น้ำไหลเข้ากลางให้ อิกวาอิน ล้มตัวชาร์จเผาขนตุงตาข่าย
พอเสียประตูทีม ซีเอสเคเอ ต้องลุยแล้วกลายเป็นเข้าทาง มาดริด รอสวนกลับเกือบได้เรื่องในนาที 32 บอลวางยาวมาถึง โรนัลโด้ กำลังจะหลุดเดี่ยว เบเรซุตสกี้ ไม่มีทางเลือกต้องเสียบขวางเอาไว้วัดใจผู้ตัดสินคิดก่อนจะแจกใบอะไรดีสุดท้ายให้แค่ใบเหลือง เบเรซุตสกี้ ก่อนที่ อลอนโซ่ ปั่นฟรีคิกไม่ตรงกรอบ
หลังรอดพ้นวิกฤติไปได้อีกสองนาทีถัดมาทีมดังจากรัสเซียได้ลุ้นเหมือนกัน ดุมเบีย พยายามแหวกผ่านแนวรับมาดริดที่มาช่วยรุมสกัดบอลเข้าทาง มูซ่า สับไกเต็มข้อระยะ 20 หลาบอลพุ่งจะมุดใต้คาน คาซิญาส ยืนตำแหน่งดีต้องปัดทิ้ง
เวลาที่เหลือ มาดริด คุมสถานการณ์ไว้ได้บอลมาอยู่กับเท้านักเตะแล้วพยายามพาบอลไปป้วนเปี้ยนหน้าปากประตูซีเอสเคเอแต่ทำอะไรไม่ได้เพิ่มจบครึ่งแรกนำห่างเม็ดเดียว
กลับมาเริ่มกันต่อในช่วงขอครึ่งหลังเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น มาดริด พยายามฉวยโอกาสยิงเม็ดสอง กาก้า ไหลทะลุช่องให้ โรนัลโด้ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายเผชิญหน้ากับผู้รักษาประตูแล้วพยายามยิงไปติดขา เชปกูซอฟ บล็อคไว้ได้ทัน
แต่แล้วนาที 55 มาดริด ขึ้นนำ 2-0 อย่างไม่ทันคาดคิด จากจังหวะ รามอส แตะต่อให้ โรนัลโด้ ตัดสินใจสับไกยิงนอกกรอบระยะกว่า 30 หลาบอลตกลงพื้นกระดอน เชปชูกอฟ นายทวารกะจังหวะพลาดกะรับเข้าอกก่อนเป็นกระฉอกเข้าตุงตาข่าย
เกมของ "ราชันชุดขาว" ยังเล่นได้อย่างไหลลื่นอีก 3 นาทีถัดมา โรนัลโด้ ไหลทะลุช่องให้ อิกวาอิน จับก่อนปั่นไซด์หนีมือผู้รักษาประตูเสียบเสาสองตุงตาข่าย แต่ผู้กำกับเส้นยากธงล้ำหน้า
จากนั้น ซีเอสเคเอ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนาที 65 ส่งบอลสู่ก้นตาข่าย ซาโกเยฟ จ่ายขนานเส้นไปทางขวาทะลุมาถึง โอลิเซห์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนผ่านเข้ากลาง ดุมเบีย ยิงเข้าไปแล้ว แต่ผู้กำกับเส้นยกธง โอลิเซห์ ล้ำนห้าก่อน
อีกนาทีถัดมา มาดริด เกือบเสียประตูแบบไม่คาดฝันจากจ้งหวะบอลยาว คาซิญาส ออกมาเส้นประตูมารับบอลกระฉอกหลุดมาเข้าเท้า ดุมเบีย ไม่รู้ยิงหรือจ่ายบอลไม่ตรงกรอบทั้งๆที่หน้าปากประตูโล่งๆ
หลังรอดพ้นเสียประตูสองครั้งติดๆกันกลายเป็น มาดริด พังประตูทิ้งห่าง 3-0 โอซิล เปิดบอลจากริมเส้นทางขวา เบนเซม่า ตัวสำรองเพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาสอดทะลุไม่ล้ำหน้าจับด้วยซ้ายก่อนยิงด้วยขวาไปติดเซฟ เชฟชูกอฟ บอลยังเป็นใจให้ เบนเซม่า ซ้ำดาบสองไม่เหลือ
นำห่าง 3-0 ทำให้ มาดริด เล่นสบายผ่อนเกมลงไปเป็นโอกาส ซีเอสเคเอ ตีไข่แตกไล่มา 1-3 จากจังหวะสวนกลับ ซาโกเยฟ จ่ายไปทางซ้ายให้ โทซิช แตะหลอก เปเป้ เข้าบอลเหวอก่อนยิงด้วยอีซ้ายระยะ 20 หลาบอลเช็ดคานเข้าไปอย่างสวยงาม
เวลาที่เหลือ "ราชันชุดขาว" พยายามเล่นประคองเกมเพื่อรักษาสกอร์ขึ้นนำจนกระทั่งทดเจ็บมาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจากจังหวะสวนกลับ เปเป้ จ่ายทะลุให้ เบนเซม่า หลุดโล่งๆเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวาก่อนใจกว้างเป็นแม่น้ำไม่ยิงเองเลือกไหลให้ โรนัลโด้ แปจ่อๆไม่เหลือ จากนั้นกรรมการเป่าหมดเวลาทันทีเป็นอันว่า มาดริด ถล่ม 4-1