การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ประจำวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2555 คู่แรก
"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้าน "เอติฮัด สเตเดี้ยม" ปูพรหมต้อนรับการมาเยือนของ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
มาริโอ บาโลเตลลี่ กลายเป็นฮีโร่ ให้ทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ หลังซัดจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นประตูชัยให้ทีม เชือดหวิว "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส แบบสุดช้ำ 3-2 เก็บสามคะแนนล้ำค่า ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันอาทิตย์ เปิดเกมมาเป็นฝ่ายของ "ไก่กระต๊าก" สเปอร์ส ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน บุกจากขวาไปซ้าย เกมผ่านมา 10 นาที ทั้งสองทีมเล่นกันแบบระวังตัว เกมส่วนมากจะสู้กันในแดนกลาง จนมาถึงในนาทีที่ 12 "ดาบิด ซิลบา" ได้มีโอกาสยิงบริเวณหน้าเขตโทษบอลแฉลบผู้เล่นของ "สเปอร์ส" ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่18 "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้จังหวะเสียวอีกครั้งเมื่อ "ดาบิด ซิลบา" หลุดเข้าไปในเขตโทษทางฝั่งซ้ายถึงสุดเส้นหลังก่อนเปิดบอลเรียดมาหน้าประตูให้ "เซร์คิโอ อเกวโร่" ได้ยิงด้วยซ้ายเเต่ดันไปโดนขาของ "เอดิน เชโก้" ที่ยืนขวางอยู่เลยทำให้บอลกระดอนออกหลังไป
นาทีที่ 26 ทาง "เรือใบสีฟ้า" เป็นโอกาสที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เนื่องจากจังหวะที่ "เซร์คิโอ อเกวโร่" พาบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษเเต่ไม่มีช่องยิง เลยไหลกลับมาให้ "ดาบิด ซิลบา" ที่เติมขึ้นมาได้ยิงด้วยซ้ายบอลผ่านหน้าปากประตูเฉียดเสา 2 ออกหลังไปนิดเดียว ถัดมาอีกนาทีเดียวเท่านั้น "เซร์คิโอ อเกวโร่" ก็ได้โอกาสยิงในเขตโทษอีก เเต่ก็โด่งข้ามคานออกไปอีกเช่นเคย
นาทีที่ 30 ก็ยังคงเป็นทางเจ้าบ้านที่ทำเกมบุกได้อย่างต่อเนื่องและก็มาได้โอกาสลุ้นอีกจากจังหวะที่ "ไมกาห์ ริชาร์ดส์" แย่งบอลมาได้จากผู้เล่น "สเปอร์ส" ทางฝั่งขวาก่อนจ่ายเรียดเข้าไปในเขตโทษให้ "เซร์คิโอ อเกวโร่" ได้ล็อกหลบ "เล็ดลี่ย์ คิง" ก่อนซัดด้วยแข้งขวา "แบรด ฟรีเดล" ก็ยังเหนียว พุ่งออกมาเร็วเซฟช่วยทีมไว้ได้ อย่างน่าใจหาย
นาทีที่ 35 "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส นั้นก็มาได้โอกาสลุ้นบ้างจากจังหวะที่ "ยูเนส กาบุล" ได้เตะฟรีคิกจากบริเวณหน้าเส้นเขตโทษเเต่บอลกลับลอยข้ามคานไปแบบไม้ได้ลุ้น
หลังจากนั้น ทั้งสองทีมก็ยังไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้ "แมนฯ ซิตี้" ยังเสมอกับ "สเปอร์ส" 0-0 ในครึ่งแรก
เริ่มเกมในครึ่งหลังมาได้ 2 นาที ก็เป็นทางเจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนทันทีที่ "ดาบิด ซิลบา" ตะลุยเข้าเขตโทษจังหวะสุดท้าย "เล็ดลี่ย์ คิง" นั้นสกัดออกข้างไปแต่ทาง "เอดิน เชโก้" ยังตามมาเก็บบอลก่อนจะเปิดงัดเข้ากลาง "แบรด ฟรีเดล" ยังไวปัดไว้ได้ อีก 2 นาทีต่อมา "สเปอร์ส" สวนกลับเร็ว "ไคล์ วอล์คเกอร์" จ่ายบอลจากขวาเข้ากลางให้ "ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท" ได้ส่องไกลนอกกรอบบอลข้ามคานออกหลังอย่างสลด
นาทีที่ 56 " แมนฯ ซิตี้" มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อจังหวะที่ "ดาบิด ซิลบา" แทงบอลทะลุช่องให้ "ซามีร์ นาสรี่" ได้ซัดตามน้ำบริเวณหัวกะโหลกหน้าเขตโทษด้วยขวาบอลพุ่งไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม
และอีกแค่เพียง 2 นาทีต่อมา "เรือใบสีฟ้า" มาได้ประตูหนีห่างไปเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายโยนยาวเข้าเขตโทษ "เอดิน เชโก้" โหม่งเช็ดจากเสาแรกบอลตกมาปากประตู "โจลีออน เลสค็อตต์" วิ่งเข้าชาร์จตัดหน้า "สกอตต์ พาร์เกอร์" บอลค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไป
นาทีที่ 60 ทีมเยือนอย่าง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทเสปอร์ส มาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 จากจังหวะที่ "ยูเนส กาบุล" วางบอลยาวจากฝั่งสเปอร์ส "สเตฟาน ซาวิช" กระโดดโหม่งสกัดบอลผิดเหลี่ยมบอลตกมาเข้าทางของ "เจอร์เมน เดโฟ" ได้พักอกดึงบอลลง ก่อนล็อกหลบ "โจ ฮาร์ท" แล้วแปเน้นๆเข้าไปเต็มตาข่าย
นาทีที่ 65 "ไก่เดือยทอง" นั้นก็มาได้ประตูไล่ตีเสมอเป็น 2-2 จนได้เมื่อ "อารอน เลนน่อน" พาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนจ่ายบอลเข้ากลางให้ "แกเร็ธ เบล" ได้เหนี่ยวด้วยแข้งซ้ายบริเวณหน้าเขตโทษบอลติดไซด์หนีมือ "โจ ฮาร์ท" เสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดสวย
รูปเกมในช่วงนี้เป็นทาง "ไก่กระต๊าก" สเปอร์ส ที่มาได้ใจเริ่มเปิดเกมรุกเข้าใส่เจ้าบ้านมากขึ้น และมาได้ลุ้นใน นาทีที่ 74 จาก "อารอน เลนน่อน" พาบอลลุยเข้าเขตโทษทางขวาก่อน ก่อนซัดด้วยซ้ายไปที่เสาแรก "โจ ฮาร์ท" ล้มตัวรับบอลเข้าซอง
ทดเจ็บนาทีแรก ทางฝ่ายของสเปอร์สนั้น มาได้โอกาสทองเมื่อ "แกเร็ธ เบล" หลุดเข้าไปในเขตโทษทางซ้ายก่อนตบเข้ากลางให้ "เจอร์เมน เดโฟ" ได้เข้าชาร์จจ่อๆทางเสาสองบอลไหลเฉียดเสาออกหลังไปแบบน่าเสียดาย
เกมเหมือนจะจบด้วยผลเสมอแต่ในช่วงทดเจ็บนาที 4 "เล็ดลี่ย์ คิง" ไปเสียบรวบ "บาโลเตลลี่" ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าหวีดเป็นลูกที่จุดโทษทันที และเป็น "มาริโอ บาโลเตลลี่" ลุกขึ้นมาสังหารไม่พลาดซัดเสียบตาข่าย
จบเกม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านชนะ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ไปแบบฉิวเฉียดด้วยสกอร์ 3-2