ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากจริงๆครับ สำหรับการจับไม้จับมือแสดงมิตรไมตรีต่อกันในวงการฟุตบอล เพราะที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นประเด็นร้อนกันเรื่อยๆทั้งจากนักเตะ และกุนซือเกี่ยวกับกรณีการออกวิจารณ์การกระทำในเชิงปฏิเสธที่จะจับมือกับคู่แข่ง หรือฝ่ายตรงข้าม แล้วสิ่งเหล่านี้ก็มักจะกลายเป็นเรื่องของการจับตาดูของแฟนบอลจำนวนมากไปโดยปริยายด้วย ว่ากันง่ายๆคือหากนักเตะ หรือกุนซือคนใดมีเรื่องราวขุ่นข้องหมองใจกัน แฟนบอลก็จะจับตามองแล้วล่ะว่าในการพบกันทั้งคู่จะจับไม้จับมือกันหรือเปล่า หรือไม่หากมีคู่ใดปฏิเสธที่จะจับไม้จับมือกัน ก็จะมีการออกแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันตามทัศนะแบบข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่น กรณีของ
หลุยส์ ซัวเรซ อดีตหัวหอกลิเวอร์พูล กับ
ปาทริช เอวร่า อดีตกองหลังของแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งซัวเรซเคยได้ปฏิเสธการจับมือกับเอวร่าก่อนที่จะลงสู่สนาม เนื่องจากทั้งคู่เคยมีการปะทะคารมกันรุนแรงในสนาม จนกระทั่งฝ่ายแรกโดนแบนยาวถึงแปดเกมในข้อหาเหยียดผิวฝ่ายหลัง โดยหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตกอยู่ในกระแสวิจารณ์จากแฟนบอลทั้งในด้านลบ ด้านบวกอยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามล่าสุดนี่เป็นทางด้านของ
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อล แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ
เลโอนาโด ยาร์ดิม กุนซือของอาแอส โมนาโก คู่แข่งในรายการ
แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทั้งนี้ในการพบกันเกมแรกที่เอมิเรตสเตเดี้ยม เวนเกอร์ปฏิเสธที่จะจับมือกับทางด้านของยาร์คิมด้วยการเดินกลับออกจากสนามอย่างรวดเร็วไม่รอที่จะจับมือด้วย ซึ่งหลังจากจบเกมนัดสองที่บ้านของโมนาโก ทางด้านของยาร์คิมได้ออกมากล่าววิจารณ์การกระทำครั้งนี้ของเวนเกอร์ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท ไม่ให้ความเคารพต่อคู่แข่งอย่างที่ควรจะเป็นเลย ตัวเขาเองก็เลยเลือกที่จะไม่แสดงการขอบคุณต่อเวนเกอร์ในเกมนัดที่สองบ้าง