เกมนี้เรียกว่าฉลองให้กับสัญญาใหม่เลยสำหรับ "หลุยส์ ซัวเรซ" ดาวยิงฟันล้ำหน้าที่ยังรักษาฟอร์มโหดยิงอีก 2 ประตูสร้างประวัติศาสตร์ตะบันถึง 10 ประตูในเดือนเดียวเป็นคนแรกพร้อมจ่ายให้ "ราฮีม สเตอร์ลิ่ง" กดอีกหนึ่งเม็ดพา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถล่ม "คาร์ดิฟฟ์" 3-1 แซงอาร์เซน่อลขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูง
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2556
ลิเวอร์พูล 3-1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
สนาม แอนฟิลด์ เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรกโอกาสเป็นของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลในจังหวะต่อเนื่องที่กองหลังของคาร์ดิฟฟ์เคลียร์ไม่ขาดบอลลอยโด่งตั้งให้ซัวเรซเอี้ยวตัวตวัดวอลเล่ย์เต็มๆบอลพุ่งกระดอนพื้นก่อนหลุดเสาไปเล็กน้อยเท่านั้น
"หงส์แดง"ยังบุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่าและมาได้ลุ้นอีกในจังหวะสวนกลับเร็วที่ราฮีมวิ่งหน้าตั้งแซงเทย์เลอร์ก่อนล็อคบอลรอแล้วจ่ายให้"หม่อมกัด"วิ่งมาแปเน้นๆแต่ไปติดบล็อคกองหลังแล้วบอลเลยมาถึงคูตินโญ่ยิงออกหลังไปเลย
คาร์ดิฟฟ์มีโต้มาสวยๆเหมือนกันโดยนูนได้บอลจากกลางสนามก่อนพยายามลากหนีซาโก้แล้วเข้าระยะ 20 หลาปั่นด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งไปทางสามเหลี่ยมเสาไกลแล้วแต่มิโญเล่ต์ยังไวปัดทิ้งออกหลังได้หวุดหวิดและในจังหวะเตะมุมนี่เองมัตช์โถมขึ้นโขกเต็มๆแต่สะบัดมากไปบอลเลยหลุดเสาไกล
นาทีที่ 18 "หงส์แดง"เกือบได้เลยเมื่อซัวเรซรับบอลแทงทะลุช่องตรงกลางสนามมาแล้วลากหาช่องส่องก่อนตะบันด้วยขวาบอลไปชนกองหลังเปลี่ยนทางย้อนศรก่อนออกหลังไปชนิดมีเสียวเหมือนกัน
แต่แล้วเจ้าถิ่นก็ขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 25 เมื่อซัวเรซเริ่มต้นเองเป็นคนจ่ายบอลไปให้อัลเลนทำชิ่งไปถึงเฮนเดอร์สันในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนชิ่งโด่งกลับมาให้"หม่อมกัด"ยิงจังหวะเดียวเลยมาร์แชลหลงทางไปแล้วหมดสิทธิ์ป้องกันนับเป็นประตูที่ 18 ของซัวเรซในพรีเมียร์ลีกด้วย
"หงส์แดง"พลาดได้ประตูแบบสุดๆในจังหวะเล่นเตะมุมสั้นซัวเรซจ่ายมาให้คูตินโญ่พลิกหายเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนหลอกจะเปิดแต่ยิงยัดไปที่เสาแรกทันทีทว่าบอลไปชนโคนเสาอย่างจัง
อีกไม่กี่นาทีถัดมาเจ้าบ้านเล่นฟรีคิกสั้นแล้วฟลานาแกนหยอดเข้าไปที่เสาไกลให้สเคอร์เทลที่เติมขึ้นมารอโขกกดไม่ลงข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 38 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูอีกแล้วโดยเป็นราฮีมที่ใช้ความเร็วกระชากหายไปทางกราบขวาก่อนเปิดเข้ามาตรงกลางซัวเรซจิ้่มไม่ถึงบอลเลยมาถึงฟลานาแกนล้มตัวยิงแทบไม่มีมุมแต่โดนมาร์แชลเตะเคลียร์ออกมาจากเส้นได้หวุดหวิด
"หงส์แดง"บุกหนักเหลือเกินและเป็นราฮีมที่พลิกอย่างสวยก่อนหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาเงยหน้ามามองไม่มีใครเติมมาช่วยเลยยิงแม่มเลยบอลไปโดนมาร์แชลปัดทิ้งนิดเดียวเท่านั้น
เดอะ ค็อปมาได้เฮอีกแล้วในนาทีที่ 42 เป็นจังหวะโต้กลับเหมือนเดิมที่วิญญาณของอิเนียสต้าเข้าสิงเฮนเดอร์สันจ่ายไซร้ก้อยมาจากแดนตัวเองให้ซัวเรซหลุดเดี่ยวแล้วจะยิงเองก็ได้แต่"หม่อมกัด"โชว์ความใจกว้างไหลต่อไปให้ราฮีมตั้งขารอแปเข้าประตูไปไม่มีพลาด
ไม่มีไว้หน้ากันเลยก่อนหมดเวลาไม่กี่วินาที"หม่อมกัด"มาซัดเพิ่มได้อีกประตูเมื่อฟลานาแกนหลุดไปทางซ้ายแล้วไหลคืนมาให้ซัวเรซทำชิ่งกับเฮนเดอร์สันก่อนที่ดาวยิงอุรุกวัยปั่นโป้งด้วยขวาบอลโค้งผ่านมือของมาร์แชลเข้าไปตุงตาข่ายชนิดสะใจกองเชียร์และเป็นประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีกนับเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงถึงตัวเลขสอง
กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังได้ไม่ทันไรแฟนเจ้าบ้านก็ได้เสียวกันอีกแล้วในจังหวะเตะมุมด้านซ้ายของลิเวอร์พูลที่เปิดมากลางโดนคาร์ดิฟฟ์เคลียร์ไม่ขาดราฮีมกดเปรี้ยงทีเดียวด้วยอีซ้ายแต่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แต่แล้วในนาทีที่ 58 คาร์ดิฟฟ์มาได้ประตูตีไข่แตกเริ่มจากฟรีคิกด้านขวาที่หยอดมาทางเสาไกลให้มัตช์ยืนคนเดียวโล่งๆตั้งหัวโขกเข้าไปง่ายๆมิโญเล่ต์หมดทางปัดทิ้งได้ทัน
คาร์ดิฟฟ์มาได้ลุ้นอีกแล้วในจังหวะฟรีคิกริมเส้นขวาเหมือนเดิมที่เปิดมาทางเสาไกลตามสูตรให้เทอร์เนอร์วิ่งอ้อมหนีตัวประกบมาโขกเหนือซาโก้บอลลอยจะเสียใต้คานแต่มิโญเล่ต์ยังยืดมือไปรับเอาไว้ได้ไม่พลาด
เกมผ่านมือถึงนาทีที่ 70 แล้วทีมเยือนดูเหนือกว่าอย่างชัดเจนโดยอาศัยลูกโยนจากริมเส้นเข้าไปหน้าปากเขตโทษทำให้กองหลังของ"หงส์แดง"ปั่นป่วนอย่างหนักในเวลานี้
นาทีที่ 76 "หงส์แดง"เกือบได้ประตูเลยเมื่อราฮีมได้บอลโยนยาวจากหลังให้หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลเดี่ยวแต่ยิงติดมาร์แซลก่อนที่จะล้มลงไปแล้วซัวเรซตามมาข้างหลังพยายามซัดยัดเสาแรกแต่ไปโดนเสาเข้าอย่างจัง
ลิเวอร์พูลมาได้ลุ้นอีกรอบในจังหวะเตะมุมด้านขวาที่คูตินโญ่เปิดมาตรงกลางให้อัลเลนที่ตัวเล็กที่สุดได้โขกทว่าบอลก็เหินข้ามคานออกไปไกลไม่ได้ลุ้นเลย
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นมีจังหวะโต้กลับอีกโดยเป็นเฮนเดอร์สันที่ผ่านบอลให้ซัวเรซหาช่องยิงก่อนจะซัดด้วยขวาทว่าบอลหลุดเสาไกลออกไป
ประตูที่ 3 ยังไม่มาทั้งที่น่าจะได้โดยเป็นราฮีมตัดบอลได้ในแดนกลางก่อนแทงทะลุช่องให้"หม่อมกัด"หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงไปติดมือของมาร์แชลที่ดักทางเอาไว้ถูก
สุดท้าย"หงส์แดง"เก็บชัยได้ตามความคาดหมายมี 36 คะแนนจาก 17 เกมแซงอาร์เซน่อลที่เตะกับเชลซีในวันจันทร์ไปร้องเพลงเล่นในตำแหน่งจ่าฝูงก่อนที่จะบุกเจองานหนักอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และเชลซีในสองเกมถัดไป
ผู้เขียน
หัวข้อ: "เหยิน" กดเบิ้ล~!! "หงส์" โชว์เหนือกระซวก "คาร์ดิฟฟ์" 3-1 ยึดจ่าฝูง (อ่าน 2782 ครั้ง)
