ผู้เขียน หัวข้อ: มึนไม่หาย~!! "ทัพผี" นำก่อนโดน "ชัคห์ตาร์" ไล่ตีเจ๊าจืด 1-1  (อ่าน 803 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

เรียกว่านัดนี้ "ปีศาจแดง" ก็ยังเล่นกันแบบมึนๆอีกเกมเพราะถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นได้สวยจากประตูส้มหล่นของ "เวลเบ็ค" ตั้งแต่ไก่โห่ในนาทีที่ 18 แต่กลับเล่นกันไม่เป็นเกมเหมือนรอโดนตีเสมอ "ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ท" เลยไล่ทุบจัดให้สมใจอยาก จบเกมเสมอกันด้วยสกอร์ 1-1 มีเพิ่มเป็น 4 คะแนนยังรั้งอันดับหนึ่งของกลุ่มไว้ได้อยู่ในฐานะผู้นำร่วม



แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ
วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2556
 ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ท 1 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม ดอนบาส อารีน่า

              เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรกผ่าน 10 นาที แม้จะมีจังหวะขยับก้นจากเก้าอี้เล็กน้อยตอนฟาน เพอร์ซี่ยิงไกล แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับเกมรุกที่ชัคห์ตาร์ระดมบุกเข้าใส่ กองหลังของแมนฯยูไนเต็ดยังคงมีอาการเป๋ซ้ายสลับขวาให้เห็นอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีเฟอร์ดินานด์ที่โดนวิจารณ์หนักในช่วงหลังอยู่ในทีมก็ตาม

อีก 3 นาทีต่อมา หัวใจตกเป็นอยู่ตาตุ่มกันหมดสำหรับแฟนแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเคลฟเวอร์ลี่ย์พยายามล้มตัวเสียบสกัดบอลที่ชัคห์ตาร์เล่นเตะมุมเข้ามาแล้วเข้าทางไทสันที่พยายามจะง้างยิง แต่โดนสกิดเอาไว้ เจ้าตัวเลยทิ้งตัวลงทันที แต่ผู้ตัดสินมองว่าจังหวะนี้ง่ายไปเลยผายมือบอกให้รีบลุกขึ้นมาเล่นต่อ

นาทีที่ 18 นอกจากหวิดตกรถมาแล้วก็ยังมาทำประตูได้จากลูกส้มหล่นอีกสำหรับเวลเบ็ค จากจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดเล่นบอลทางด้านขวา ก่อนที่เฟลไลนี่จะตวัดเปิดเลียดเข้ากลาง จริงๆกองหลังชัคห์ตาร์ยืนดักได้แล้ว แต่เหมือนจะเสียหลัก จากสกัดเลยกลายเป็นตั้งบอลให้เวลเบ็ควิ่งเข้ามาล้มตัวยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป แมนฯยูไนเต็ดแม้โอกาสจะๆไม่มีแต่ก็นำไวเหลือหลาย

นับตั้งแต่ได้ประตูขึ้นนำจนผ่านครึ่งชั่วโมง เกมของยูไนเต็ดปักหลักกันอยู่ในแดนตัวเองแทบจะตลอดและโดนทางเจ้าบ้านลุยใส่ไม่หยุด แต่ก็ยังช่วยกันปิดสกัดเอาไว้ได้ ขาดแต่จังหวะสวนกลับที่ยังไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะเสียเองซะหมด

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายถ้าจะให้บรรยายเกมนี้ก็คือแมนฯยูไนเต็ดตั้งรับรองเกมบุกของชัคห์ตาร์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นและดูเหมือนว่ายิ่งนานไปเจ้าบ้านก็จะยิ่งขยับขึ้นได้สูงมากขึ้น มีโอกาสยิงไกลนอกกรอบเห็นช่องไปเหมือนกัน

ช่วงท้ายมีจังหวะตื่นเต้นกันสักนิดกับการที่สมอลลิ่งส่งคืนกลับหลังให้กับเด เกอาแล้วมันเกือบจะถูกทางแข้งเจ้าบ้านโฉบได้ แต่ก็ยังดีที่นายด่านสแปนิชเข้าถึงบอลได้ก่อน

จบ 45 นาทีแมนฯยูไนเต็ดเฮงๆนำก่อน 1-0 ชนิดที่เกมเป็นรองเกือบทั้งครึ่ง การบ้านของมอยส์มีเพียบแน่ไม่ต้องห่วง เพราะจังหวะบี้เข้าทำเกมรุกไม่ได้ครึ่งของที่เจ้าบ้านบีบกดดันพวกเขาเลย

           กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 52 ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม แต่ก็เสี่ยงเหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ที่แบ็คขวาแมนฯยูไนเต็ดเข้าบอลพรวด ก่อนโดนเจ้าบ้านครอสบอลต่ำแต่จุดหมายปลายทางน่ากลัว เด เกอาตัดสินใจพุ่งล้มตัวรับบอลก่อนจะโดนทั้งเอฟร่าและนักเตะเจ้าบ้านเข้าประทะเต็มๆ แต่หลังจากมึนอยู่พักก็ลุกขึ้นมาเล่นต่อได้

เกมผ่านชั่วโมงเต็มมา แมนฯยูไนเต็ดยังคงโดนทางชัคห์ตาร์กดดันเหมือนอย่างที่โดนมาในครึ่งแรก จนตอนนี้ทั้งวีดิชและเฟลไลนี่ต้องยอมตัดฟาวล์แล้วรับใบเหลืองกันไปคนละใบแล้ว อาจจะเล่นยากขึ้นหน่อย แต่จากจังหวะก็บอกได้เลยว่าไม่มีทางเลือก

นาทีที่ 66 กลายเป็นเจ้าของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในเกมยุโรปแล้วสำหรับกิ๊กส์ เมื่อเขาถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนที่ของเฟลไลนี่ พร้อมกับสถิติการลงสนาม 145 เกม แซงหน้าราอูลที่ก่อนหน้านี้เทียบเท่ากันมาที่ 144 เกม

นาทีที่ 71 กว่าจะได้ลุ้นประตูอีกทีก็ต้องรอกันนานขนาดนี้เลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด จากจังหวะที่พวกเขาไปปั้มเยอะบอลมาจากผู้เล่นของเจ้าบ้านได้ ก่อนราฟาเอลจะจ่ายกลับให้ฟาน เพอร์ซี่ที่ฉีกรอหน้าประตู แม้ว่าบอลจะย้อนหลังแต่หอกเลือดดัตช์ก็พลิกไปตวัดกลับตัวยิงได้ แม้วิถีจะมีลุ้นเสียบเสาไกล แต่ดันติดขากองหลังซะก่อน

นาทีที่ 76 ก็เล่นแบบนี้มันรอโดนยิงโดนอัดอยู่แล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ด หลังจากโดนนวดมานานก็เจอเจ้าบ้านบุกขึ้นทางซ้ายเหมือนอย่างเคย ก่อนที่จะเปิดยัดเลียดเข้าไป วีดิชพยายามจะสกัดแต่เหมือนบอลจะห่างตัวเลยกลายเป็นการตั้งให้ไทสันวิ่งเข้ามายิงอัดเต็มตีนแสกหน้าเด เกอาเข้าประตูไป เกมเสมอกันแล้ว 1-1

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แมนฯยูไนเต็ดดูเหมือนจะพอใจกับผลเสมอ เลยไม่ได้มีการเปลี่ยนเกม แถมมอยส์ยังเรียกใหห้ผู้เล่นที่วอร์มอยู่ข้างสนามอย่างเอร์นานเดซและยังกลับไปนั่งที่ม้านั่งด้วย ขณะที่เจ้าบ้านเตรียมส่งสำรองลงอีกเพื่อหวังพลิกปิดบัญชี

นาทีที่ 85 เกือบโดนพลิกแบบเต็มๆแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อกองหลังดันไปยืนขาตายไม่ยอมสลับตามผู้เล่น เอเดรียโน่เลยจ่ายให้เพื่อนวิ่งมากึ่งยิงกึ่งผ่านทางขวา บอลแฉลบหน้าแข้งของสมอลลิ่ง ปั่นโค้งเหมือนจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่เด เกอาโคตรไว ดีดตัวปัดทิ้งออกไปได้

จบ 90 นาทีลงด้วยผลเสมอของทั้งสองฝ่ายด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีเพิ่มเป็น 4 คะแนนเช่นเดียวกับทางชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ทเป็นจ่าฝูงร่วมกันไปก่อน หลังผ่านไปแล้ว 2 เกม
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา