"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ประตูนำตั้งแต่ไก่โห่เลยในนาทีที่ 3 จากการโขกลูกโทนของ "ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์" ก่อนจะตั้งรับปล่อยให้อริตลอดกาลอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โหมบุกใส่ตลอดแต่สุดท้ายก็สามารถประคองตัวส่งคู่ปรับลงหลุม 1-0 คว้า 3 คะแนนสำคัญพร้อมถีบตัวเองขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556
ลิเวอร์พูล 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม แอนฟิลด์ ออกสตาร์ทเกมในช่วงครึ่งแรกมาเพียงแค่นาทีที่ 2 "ปีศาจแดง" ทำพลาดปล่อยบอลให้ไปเข้าเท้าของสเตอร์ริดจ์ก่อนลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงโดนบล็อคเอาไว้ได้นิดเดียว
จากจังหวะเตะมุมนี่เองเจอร์ราร์ดเปิดบอลเข้ามาตรงกลางเป็นแอกเกอร์ที่โขกสะบัดได้เหนือกว่าริโอแล้วบอลไปถึงหัวของสเตอร์ริดจ์กลับหลังโขกเช็ดเข้าประตูไปเลยนับเป็นการฉลองวันเกิดครบ 24 ปีของเจ้าตัวด้วย
แต่ยูไนเต็ดก็มีโอกาสยิงเหมือนกันจากจังหวะฟรีคิกริมเส้นด้านขวาที่เปิดไปทางเสาไกลและเป็นเอฟร่าโขกตั้งเข้ามาให้ฟาน เพอร์ซี่ตีลังกายิงบอลหลุดคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น
ทั้งสองทีมโต้กันสนุกเหลือเกินคราวนี้เป็นคูตินโญ่ที่ตัดบอลได้ตรงกลางสนามแล้วลากเข้าไปตรงกลางก่อนยิงด้วยขวาทันทีบอลถากเสาไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 10 มิโญเล่ต์ได้ออกแรงบ้างแล้วโดยเอฟร่าทำชิ่งอยู่กับเวลเบ็คก่อนที่หัวหอกทีมชาติอังกฤษจะพยายามลองส่องไกลระยะ 20 หลาแต่บอลไปเข้าซองของนายทวารเบลเยี่ยม
หลังผ่านไป 10 นาทีดูเหมือนว่าจะเป็นยูไนเต็ดที่ครองเกมได้อย่างหมดจดเลยโดยคราวนี้เป็นเวลเบ็คที่ลากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จังหวะยิงสุดท้ายจะเป็นจอห์นสันที่ลงมาบล็อคเอาไว้
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 26 "หงส์แดง"เริ่มตั้งเกมได้แล้วและมีโอกาสทองจากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลากลางประตูเลยเป็นเจอร์ราร์ดที่ปั่นเองบอลโค้งข้ามกำแพงไปแล้วแต่เด เคอาดักทางถูกพุ่งไปเซฟเอาไว้ได้
ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์โดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกมในจังหวะที่ระงับอารมณ์ไม่อยู่เพราะลิเวอร์พูลไม่เตะบอลทิ้งในจังหวะที่โจนส์บาดเจ็บกลางสนามก่อนไปหวดคูตินโญ่แบบน่าเกลียดแต่อาสปาสก็มาโดนจนชื่อไปด้วยอีกคนเพราะดันไปโวยมาร์ริเนอร์
จากฟรีคิกนี่เองเจอร์ราร์ดเอาบอลไปตั้งหน้าปากเขตโทษเยื้องมาด้านซ้ายนิดหน่อยระยะ 22 หลาและเป็นคูตินโญ่ที่รับหน้าที่ยิงบ้างแต่บอลเลยข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้นเลย
ในที่สุดโจนส์ก็เล่นต่อไปไม่ไหวทำให้มอยส์ต้องส่งวาเลนเซียลงสนามมาเป็นแบ็คขวาแทนตลอดเกมที่เหลือ
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายแล้วฟาน เพอร์ซี่มาได้ใบเหลืองไปอีกคนจากจังหวะที่ตนเองโดนลูคัสสกัดล้มลงแต่ไม่ได้ฟาวล์แถมยังโดนด่าเลยไปเอาคืนแอกเกอร์ในจังหวะเตะทิ้งมาร์ริเนอร์วิ่งมาจดชื่อทันที
อีกไม่กี่นาทีถัดมาคาร์ริคก็มาสังเวยใบเหลืองอีกคนในจังหวะที่ลิเวอร์พูลกำลังจะได้สวนกลับทำให้เขาต้องเหนี่ยวอาสปาสล้มกลิ้งไปก่อน
ลงสนามมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 48 กองเชียร์ "ทัพผี" ใจหายวาบเมื่อคาร์ริคไปเสียบอาสปาสล้มคว่ำมาร์ริเนอร์เรียกมาเหมือนจะให้ใบเหลืองที่สองแต่เป็นเพียงการตักเตือนเท่านั้น
จากจังหวะฟรีคิกนี่เองเจอร์ราร์ดเปิดมาตรงกลางบอลมาเข้าหัวไหล่ของแอกเกอร์ที่โขกข้ามคานออกไป
เอ็นริเก้ทำเปิ่มตัดบอลได้ไม่ยอมเคลียร์ทิ้งทำให้บอลทะลักมาเข้าเท้าของฟาน เพอร์ซี่ได้สับด้วยซ้ายแต่บอลไปโดนบล็อคของสเคอร์เทลออกหลังไปและจากจังหวะนี้พวกเขาได้เตะมุมกดดันอยู่อีกสองครั้งซึ่งจังหวะหลังเกือบได้ประตูเลยเมื่อยังยิงยัดเข้าไปแต่บอลไปติดบล็อคจอห์นสันอีกชนิดที่มิโญเล่ต์พุ่งผวาไปแล้ว
ยูไนเต็ดบุกหนักต่อเนื่องจริงๆโดยครั้งนี้ยังตั้งป้อมเปิดจากริมเส้นด้านซ้ายมากลางประตูมิโญเล่ต์พุ่งมาชกชนกันสเตอร์เทลก่อนที่บอลไปตกใส่เอฟร่าวิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายแต่ก็โดนบล็อคอีกครั้ง
แดนนี่ เวลเบ็คพยายามเลี้ยงบอลผ่าเข้าไป 3 คนในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนโดนอาสปาสเบียดล้มลงไปทว่ามาร์ริเนอร์มองว่า"โก๋แดน"ล้มง่ายเกินไปท่ามกลางความไม่พอใจของเจ้าตัว
นาทีที่ 68 "ปีศาจแดง"ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมด้านซ้ายเป็นหลุยส์ นานี่เปิดมาตรงจุดนัดพบที่เสาใกล้ให้กิ๊กก์สโฉบมาโหม่งแต่มิโญเล่ต์ยืนดักอยู่ตรงนั้นรับเอาไว้ได้ไม่มีปัญหา
วิดิชเกือบทำเสียวอีกแล้วเมื่อตัดบอลได้จากจอห์นสันก่อนส่งกลับหลังเบาไปทำให้จีเจวิ่งตามเข้าไปบีบเด เคอาต้องเตะทิ้งออกไปแบบสุดหวาดเสียว
จังหวะนี้มอยส์ส่งไพ่ใบสุดท้ายลงมาแล้วโดยเอาชิชาริโต้ลงมาแทนกิ๊กก์สนับเป็นการเปิดหน้าบุกเต็มตัวแล้ว
นาทีที่ 75 เอฟร่าต้องลงไปกองกับพื้นเมื่อตัดบอลได้จากจังหวะที่เฮนโด้พลาดแต่บอลมันยาวไปหน่อยทำให้ต้องควบเข้ามาก่อนจะเข้าปะทะกับจอห์นสันและลูคัสแบบเต็มๆทำให้แบ็คฝรั่งเศสต้องออกไปปฐมพยาบาลเลย
หลังจากนั้นไม่นานเป็นนานี่ที่ลากบอลยึกๆยักๆอยู่ตรงหน้าปากเขตโทษก่อนพยายามยิงไกลทันทีบอลพุ่งแรงเข้ากรอบแล้วแต่เป็นมิโญเล่ต์ที่พุ่งไปปัดเอาไว้ได้อย่างสวยงาม
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายรูปเกมยังเป็น"หงส์แดง"ที่ตั้งรับอยู่เหมือนเดิมโดยร็อดเจอร์สส่งอัลเบร์โต้ลงสนามมาเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายแทนคูตินโญ่ที่ดูจะสร้างเกมไม่ได้เท่าไหร่ในวันนี้
ยูไนเต็ดเกือบได้อีกแล้วเมื่อชิชาริโต้เปิดบอลทะลุช่องไปให้ฟาน เพอร์ซี่เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วล้มตัวยิงทันทีทว่ามิโญเล่ต์ปิดมุมไว้หมดแล้วและบอลก็ออกหลังไปไม่ตรงกรอบ
ทดเวลานาทีสุดท้ายสเตอร์ลิ่งลากบอลโต้กลับมาถึงระยะ 25 หลาแล้วยิงทันทีแต่เด เคอายังเซฟออกหลังไปได้
สุดท้าย"หงส์แดง"สามารถรักษาสกอร์ 1-0 เอาไว้ได้และชนะด้วยสกอร์นี้ 3 เกมรวดในซีซั่นนี้แถมยังเป็นสเตอร์ริดจ์คนเดียวที่ยิงทุกประตูอีกต่างหากพร้อมชนะ 3 เกมแรกในลีกนับตั้งแต่ปี 1994 ด้วย