ผู้เขียน หัวข้อ: "มิโญเลต์" เซฟโทษ~!! "พี่ริดจ์" ซัดโทน "หงส์ซิ่ง" เปิดสนามตี "หม้อ" กระจุย 1-0  (อ่าน 949 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

ยอดทีมแห่งเมอร์ซีไซด์ทำให้เหล่าบรรดา "เดอะ ค็อป" ทีนั่งดูกันตาแฉะต้องหัวใจวายตั้งแต่นัดเปิดสนามเลยทีเดียวหลังจากที่พับสนามโหมบุกแทบตายแต่ได้แค่ลูกเดียวจาก "ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์" แถมยังมาเสียจุดโทษท้ายเกม แต่ยังดีที่ "ซิมง มิโญเลต์" นั้นเซฟช่วยชีวิตเอาไว้ สุดท้ายชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 นำจ่าฝูงเสียววาบแถมยังนับเป็นการชนะนัดเปิดซีซั่นครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกด้วย



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556
 ลิเวอร์พูล 1-0 สโต๊ค ซิตี้ 
สนาม แอนฟิลด์

                 ออกสตาร์ทเกมในช่วงแรก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมเจ้าบ้านครองเกมบุกพับสนามใส่หวังที่จะเอาประตูขึ้นนำให้ได้ก่อนเลยแต่ทว่า "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ก็ยังตั้งรับเหนียวแน่นโดยเฉพาะจังหวะเคลียร์ลูกกลางอาการที่แม่นยำเหลือเกิน

นาทีที่ 8 "ช่างปั้นหม้อ"เกือบได้ประตูเลยเมื่อจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมด้านขวาคาเมร่อนตั้งป้อมเปิดจากริมเส้นขวาเข้าไปตรงเสาไกลมิโญเล่ต์กระโดดชกออกมาไม่ดีบอลไปเข้าเท้าของฮูธกระหน่ำเต็มข้อบริเวณจุดโทษทว่าบอลไปชนคานดังสนั่นเจ้าบ้านรอดตัวได้อย่างหวุดหวิดเหลือเกิน

แฟนบอลในแอนฟิลด์เฮเก้อกันไปเลยเมื่อเจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกตรงริมเส้นด้านขวามาหน้าปากประตูเข้าหัวของสเตอร์ริดจ์โขกเข้าไปตุงตาข่ายแต่ดาวยิงทีมชาติอังกฤษล้ำหน้าไปครึ่งตัวแล้ว

"หงส์แดง"อดได้ประตูอีกแล้วในจังหวะเตะมุมด้านขวาเจอร์ราร์ดโยนมาตรงกลางให้ตูเร่โถมขึ้นโขกเหนือชอว์ครอสส์เต็มหัวแต่บอลเจ้ากรรมดันไปชนคานอีกครั้งและสเตอร์ริดจ์จะซ้ำก็หายไปไหนไม่รู้

หลังจากนั้นเจ้าบ้านได้เสียวอีกแล้วเมื่อคูตินโญ่แทงบอลให้สเตอร์ริดจ์หลุดเข้าไปลากหลบเบโกวิชในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่ไม่มีมุมยิงแล้วเลยพยายามดีดไซร้ก้อยไปหน้าปากประตูแต่ก็โดนสกัดออกมาได้เสียก่อน

นาทีที่ 20 เจ้าบ้านมาได้ลุ้นอีกรอบจากจังหวะเลื้อยของคูตินโญ่จากริมเส้นด้านซ้ายไปหน้าปากประตูก่อนไหลไปให้อาสปาสที่ยืนรออยู่แล้วทำได้เพียงแหย่ขายิงให้บอลเข้ากรอบทำให้เบโกวิชรับสบายเลย

ลิเวอร์พูลเดินเกมได้สวยอีกครั้งเมื่อทำชิ่งกันริมเส้นด้านขวาบอลมาถึงลูคัสแทงเข้ากลางให้คูตินโญ่วิ่งเข้ามาใส่ด้วยขวาทันทีแต่กดไม่ลงทำให้บอลเหินข้ามคานออกไป
 
"หงส์แดง"ทำเกมกันสวยเหลือเกินโดยคูตินโญ่ได้บอลริมเส้นด้านซ้ายก่อนจ่ายให้เอ็นริเก้ผ่านบอลไปให้เฮนเดอร์สันชิ่งกลับมาจังหวะเดียวให้เอ็นริเก้หลุดเข้าไปยิงโล่งๆแต่เบโกวิชยังโชว์ซูเปอร์เซฟบล็อคเอาไว้เจอร์ราร์ดวิ่งตามมายิงฮาล์ฟวอลเลย์ก็ยังโด่งข้ามคานออกไปอีก

คูตินโญ่โชว์พิษสงการจ่ายทะลุช่องอีกแล้วเมื่อแทงบอลทะลุช่องไปให้เฮนเดอร์สันเตะก่อนหนึ่งจังหวะแล้วอัดด้วยซ้ายข้างไม่ถนัดบอลจะบอลขาของเบโกวิชอยู่แล้วแต่ดันไปโดนบริเวณน่องทำให้"หงส์แดง"ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำเสียที

คราวนี้สเตอร์ริดจ์ไม่ชิ่งกับใครแล้วเมื่อพยายามลากเดี่ยวเข้าไปผ่านกองหลังของสโต๊คสองคนในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนยิงยัดมาที่เสาแรกเลยแต่เบโกวิชก็ปิดมุมไว้หมดแล้ว

อย่างไรก็ดีเบโกวิชที่เซฟยากๆมาตลอดกลับมาพลาดปล่อยให้ลูกยิงเร็วระยะ 20 หลาของสเตอร์ริดจ์เข้าไปซุกก้นตาข่ายโดยภาพช้าแสดงให้เห็นว่าบอลลอดขาของฮูธมาทำให้นายด่านบอสเนียล้มตัวไม่ทันพลาดท่าไปในนาทีที่ 37

แผงหลังของเจ้าบ้านเคลียร์กันไม่ดีลูคัสโหม่งตั้งไปให้วอลเตอร์สได้วิ่งเข้ามายิงด้วยขวาเต็มๆบอลจะพุ่งเข้าทางเสาขวามืออยู่แล้วแต่มิโญเล่ต์โชว์ซูเปอร์เซฟบินไปปัดไว้ได้สุดเหลือเชื่อ

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บลิเวอร์พูลเกือบเสียอีกแล้วเมื่อสโต๊คได้เตะมุมทางด้านซ้ายเปิดมาตรงเสาแรกให้คาเมร่อนได้โขกเข้าไปสวนตัวของมิโญเล่ต์ที่ออกมาวืดแล้วแต่ยังมีจอห์นสันที่ยืนคุมเส้นอยู่เคลียร์ทิ้งออกมาได้แบบหวุดหวิดจริงๆ

                เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังเล่นกันมาไม่กี่นาที "หงส์แดง" ตัดเกมได้ในเขตของ "สโต๊ค" ก่อนที่คูตินโญ่จะลากเดี่ยวไปเลยจนถึงในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วเอี้ยวตัวยิงด้วยเท้าหวาหวังให้ไซร้โป้งเข้าไปตรงเสาสองบอลผ่านมือของเบโกวิชแล้วแต่เลี้ยวไม่พอทำให้ออกหลังไปนิดเดียว

"หงส์แดง"อดได้ประตูอีกแล้วในจังหวะที่คูตินโญ่ลากบอลไปถึงเส้นหลังด้านซ้ายก่อนตบเข้ากลางบอลเลยอาสปาสมาถึงเฮนเดอร์สันวิ่งมายิงตรงหัวกะโหลกเต็มๆบอลพุ่งแรงแต่ยังเป็นเบโกวิชที่พุ่งเซฟไปได้สุดเหลือเชื่ออีกรอบ

เกมผ่านมาครบชั่วโมงพอดีคูตินโญ่แทงบอลทะลุช่องไปให้สเตอร์ริดจ์หลุดไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายอีกแล้วก่อนที่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษจะกดด้วยซ้ายทว่าเบโกวิชก็ยังปัดป้องเอาไว้ได้

จากลลุกเตะมุมเจอร์ราร์ดเปิดเข้ามาตรงกลางให้อาสปาสชิงขึ้นโขกก่อนวิลสันแต่บอลเลยออกเสาไกลไป

"หงส์แดง"ไม่ได้ลูกที่สองเสียทีโดยอาสปาสลากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วจ่ายไขว้หลังมาให้เฮนเดอร์สันวิ่งมายิงทันทีบอลพุ่งแรงไปโดนเสาไกลดังโครมกระเด้งออกมาชนิดที่ร็อดเจอร์สต้องเอามือกุมหัวเลย

นาทีที่ 74 สเตอร์ริดจ์มาได้ลุ้นอีกแล้วเมื่อลากบอลมาจากเกือบกลางสนามก่อนเจอช่องเลยลองส่องด้วยซ้ายเต็มดอกบอลพุ่งแรงแต่ไม่ตรงกรอบในคราวนี้

สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดได้ยิงฟรีคิกระยะไกลกว่า 35 หลาโดยเขาวิ่งมาอัดด้วยขวาบอลไซร้เกือบไปตรงสามเหลี่ยมเสาขวามืออยู่แล้วทว่าก็ยังไม่ผ่านปลายนิ้วของเบโกวิชอีก

จากลูกเตะมุมบอลขลุกขลิกมาเข้าทางของตูเร่พักบอลก่อนจะยิงยัดไปตรงเสาแรกก็ยิงไปติดมือกาวบอสเนียอยู่ดี

ชาร์ลี อดัมที่เพิ่งลงมาลองของยิงไกลด้วยซ้ายจากแดนของตัวเองบอลเกือบจะมุดเข้าเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่มิโญเล่ต์ยังไม่ยอมให้เสียท่ากลับมากระโดดปัดบอลออกหลังไปแบบเสียวไส้

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายกลายเป็น"หงส์แดง"ที่ลงไปตั้งรับอย่างเดียวและปล่อยให้สโต๊คโยนแหลกเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษแต่เจ้าบ้านก็ยังไม่ยอมเสียที

ก่อนหมดเวลา 3 นาทีสโต๊คมาได้ฟรีคิกระยะอันตรายให้ได้เปิดเข้ากลางอดัมรับหน้าที่โยนเองโดยเปิดไปตรงกลางและแอกเกอร์พลาดท่าทำแฮนด์บอลในจังหวะขึ้นโขกและกรรมการก็เป่าเป็นลูกโทษทันที

วอลเตอร์สรับหน้าที่สังหารเองแต่ดันยิงไปโดนมิโญเล่ต์เซฟเอาไว้ได้ด้านซ้ายก่อนที่โจนส์จะตามซ้ำก็ยังโดนเคลียร์ออกไปได้อีกครั้ง

ก่อนหมดเวลาเจ้าบ้านได้สวนและเป็นคูตินโญ่ที่ได้ยิงแต่ดันไปแฉลบกองหลังออกไปอย่างน่าเสียดายซึ่งท้ายที่สุดแล้ว"หงส์แดง"ก็คว้า 3 แต้มไปได้แบบทุลักทุเลซึ่งเป็นการชนะครั้งแรกในรอบ 5 ปีของเกมเปิดหัวซีซั่นใหม่ด้วย
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา