แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - Soccer

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 114
121
คริส แซมบ้า กองหลังทีม “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตัดสินใจขอขึ้นบัญชีย้ายทีมหนีต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว

แซมบ้า ตกเป็นข่าวการย้ายทีมมาโดยตลอด เนื่องจากไม่ต้องการตกอับไปกับทีมที่ไม่มีอนาคต แต่ทางด้าน สตีฟ คีน ผู้จัดการทีมยืนยันว่าจะไม่ขายไม่ว่าได้ข้อเสนอเท่าไหร่ ทำให้ แซมบ้า ไม่พอใจและตอบโต้ด้วยการขอขึ้นบัญชีย้ายทีมทันที  >:(

“วันนี้ผมได้ยื่นขอขึ้นบัญชีย้ายทีมอย่างเป็นทางการต่อ แบล็คเบิร์น และได้แจ้งประธานสโมสรและผู้บริหารเป็นการส่วนตัว ว่าผมต้องการจะย้ายทีมในช่วงตลาดเปิดรอบนี้” [onion067]

“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาผมทุ่มเทเต็มร้อยทุกนัด ผมมีโอกาสจะย้ายหลายครั้งแต่ผมก็อยู่ต่อ แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องหาความท้าทายใหม่ และผมก็ขอให้สโมสรเคารพการตัดสินใจนี้และปล่อยให้ผมไป” [onion085]

122
เอริค อบิดัล กองหลังตัวเก๋าทีมชาติฝรั่งเศสของ บาร์เซโลน่า ตกลงใจต่อสัญญาในถิ่นกัมป์นูไปจนถึงปี 2013 พร้อมมีออปชั่นขยายเพิ่มอีก 2 ปีด้วย

หลังจากที่เจรจายืดเยื้อกันมา 4 เดือน ในที่สุด กองหลังเฟร้นช์แมนก็ตกลงต่อสัญญาใหม่กับ บาร์ซ่า โดยเซ็นถึงปี 2013 และมีออปชั่นต่อเพิ่มไปจนถึงปี 2015 ด้วย

ทั้งนี้ กองหลังวัย 32 ปี เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อที่ตับเมื่อปีก่อน และหายขาดกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป ในช่วงที่ยังไม่อาจตกลงต่อสัญญากับต้นสังกัดได้

123
อังเดร วิลลาส-โบอาส ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี กล่าวด้วยความตื่นเต้นหลังใกล้จะได้เปิดตัว แกรี่ เคฮิลล์ ว่าที่ปราการหลังตัวใหม่ของทีม  [onion120]

เคฮิลล์ ตกเป็นข่าวว่าเตรียมจะย้ายมาอยู่กับ เชลซี โดยเวลานี้สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้แล้ว รอแค่เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งนักเตะก็ได้เข้ามาชมเกมที่ เชลซี เฉือนเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ได้ด้วย 

“เขาจะเข้ามาช่วยเติมความแข็งแกร่งในแนวรับแบ็กโฟร์ของเราที่มีอยู่ในเวลานี้” :D

“แกรี่ เป็นนักเตะที่มีเทคนิคสูงมากสำหรับกองหลังตัวกลาง ซึ่งเป็นจุดที่เราชอบเพราะการครองบอลของเรามันเริ่มตั้งแต่แดนหลัง” [onion056]

124
เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เกิดอาการผิดหวังอย่างยิ่ง กับผลงานของทีมที่ทำได้เพียงแค่เสมอกับ “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้ ในแอนฟิลด์ เนื่องจากทีมขาดความเฉียบขาดในแนวรุก :'(

ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงแค่เสมอกับ สโต๊ค ในเกมพรีเมียร์ลีกแต่กลับทำได้เพียงแค่เสมอ 0-0 เป็นการเสมอนัดที่ 8 ในบ้านในฤดูกาลนี้ซึ่งถือเป็นผลงานที่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ ดัลกลิช ต้องออกมาตำหนิลูกทีมเป็นการใหญ่  >:(

“พวกเขามาเพื่อขอแบ่งแต้มและก็ได้กลับไป ซึ่งมันเป็นความผิดของเราเองที่ไร้จินตนาการที่จะเจาะพวกเขาได้”  :'(

“เราพอมีโอกาส 2-3 ครั้งแต่ทำไม่ได้ ซึ่งในเกมแบบนี้เราต้องพยายามคว้าโอกาสของเราให้ได้” :P

125
เซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชม พอล สโคลส์ กองกลางตัวเก๋าที่กลับมาทำประตูแรกให้ทีมได้อย่างรวดเร็ว :)

สโคลส์ ที่เพิ่งจะกลับมาสวมสตั๊ดลงสนาม ให้ทีมอีกครั้งแบบสุดเซอร์ไพรซ์ หลังการประกาศอำลาสนามช่วงปิดฤดูกาลที่แล้ว เป็นผู้ทำประตูเบิกร่องให้ทีมในเกมที่เอาชนะ โบลตัน 3-0 ทำให้ได้รับคำชมชุดใหญ่จาก เฟอร์กี้ [onion085]

“เราอยากให้เขามาช่วยคุมเกมแดนกลางอย่างที่เขาเคยทำได้”

“แต่เขายังมีสัญชาติญาณอยู่ เขายังมีสัญชาติญาณล่าประตูเสมอ” C:-)

126
อันโตนิโอ คาสซาโน่ ศูนย์หน้ามิลาน กลับมาลงซ้อมได้เป็นครั้งแรกวานนี้ หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดหัวใจเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว

หัวหอกทีมชาติอิตาลี กลับมาซ้อมที่ ซาน ซิโร่ ได้อีกครั้งแม้ว่าจะเป็นการแยกซ้อมเดี่ยว ก่อนเกมที่ "ปีศาจแดงดำ" จะพบกับ อินเตอร์ ในเกมดาร์บี้แมตช์คืนนี้  [onion120]

คาสซาโน่ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากที่รู้สึกไม่สบาย ระหว่างที่โดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับ มิลาน หลังจากเกมที่บุกไปชนะ โรม่า 3-2 เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากจะเป็นข่าวดีสำหรับ มิลาน แล้ว การกลับมาซ้อมได้ของดาวเตะวัย 29 ปี ยังเป็นข่าวดีของ เซซาเร่ บรันเดลลี่ โค้ชทีมชาติอิตาลีด้วย เนื่องจากเขาหวังว่า คาสซาโน่ จะฟิตทันลงเตะในศึกยูโร 2012 ในเดือน มิ.ย. นี้  :D

127
เรอัล มาดริด โดน เรอัล มายอร์ก้า ออกนำก่อน แต่สุดท้าย กอนซาโล่ อิกวาอิน และโฆเซ่ มาเรีย กาเยฆอน ช่วยกันยิงให้ชุดขาวพลิกแซงชนะ 2-1 นำโด่งจ่าฝูงต่อ โดยทำแต้มขยับหนี บาร์เซโลน่า ออกไปเป็น 8 คะแนนแล้ว

เรอัล มายอร์ก้า เปิดรังอิเบโรสตาร์ เอสตาดี้ รับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด จ่าฝูง นัดนี้ ชุดขาว สั่งพัก กอนซาโล่ อิกัวอิน เป็นสำรองแล้วส่ง โฆเซ่ มาเรีย กาเยฆอน และคาริม เบนเซม่า ลงมาล่าตาข่ายเอง

เริ่มเกมมาเจ้าถิ่นคุมเกมได้ดีกว่า นาทีที่ 28 กอนซาโล่ กาสโตร กระชากบอลมาจากครึ่งสนามก่อนไหลให้ โทเมอร์ เฮเหม็ด หลุดเข้าไปยิง แต่ไม่เข้ากรอบ

กระทั่งนาทีที่ 39 มายอร์ก้า ขึ้นนำ1-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา กาสโตร เล่นสั้นมาให้เพื่อนก่อนรับบอลคืนมาเปิดไปที่เสาแรกให้ เฮเหม็ด พุ่งโหม่งเข้าไป

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อ ชาบี อลอนโซ่ เปิดลูกฟรีคิกมาให้ เซร์คิโอ รามอส วิ่งมาโขกชนเสาอย่างจัง ทำให้จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ตามหลัง มายอร์ก้า 0-1

ครึ่งหลัง เรอัล เน้นรุกเต็มที่ กุนซือโชเซ่ มูรินโย่ ต้องส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมาแทน ดิยาร์ร่า ทว่านาทีที่ 54 ชาวเกาะ เกือบได้ประตูเพิ่ม จากลูกเตะมุมที่ กาสโตร เปิดให้ โทเมอร์ เฮเหม็ด โหม่งหลุดกรอบไปอีก
 
เกมเปิดแลกกันอย่างสูสี แต่ในนาทีที่ 74 กลายเป็น เรอัล ที่ตีเสมอ 1-1 เมื่อ โอซิล พาบอลลุยขึ้นไปก่อนแทงให้ อิกวาอิน วิ่งมาซัดตุงตาข่าย

นาทีถัดมา ฟาบิโอ โคเอนเทรา ตัวสำรองเปิดบอลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่องไกลไปชนคานเต็มใบอีก

นาที 76 เรอัล มาดริด น่าได้ประตูแซงขึ้นนำ เมื่อ อลอนโซ่ เปิดฟรีคิกไปให้ รามอส พุ่งขวิดตุงตาข่ายแล้ว แต่กรรมการยกให้เป็นลูกล้ำหน้าก่อน

อย่างไรก็ตามนาทีที่ 84 เรอัล มาได้ประตูแซงนำ 2-1 เมื่อ อิกวาอิน ยิงไปติดเซฟของ ดูดู อาอัวเต้ นายทวารชาวเกาะ เบนเซม่า ซ้ำดาบสอง โดนปัดออกมาอีก แต่ลูกไปเข้าทาง โฆเซ่ กาเยฆอน วิ่งมาซ้ำอีกคนเข้าไปในที่สุด

จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม เรอัล มาดริด พลิกกลับมาเอาชนะ เรอัล มายอร์ก้า 2-1 หนีห่าง บาร์เซโลน่า ออกไปเป็น 8 แต้ม

128
พอล สโคลส์ คัมแบ็กเหมือนฝันเมื่อลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกนัดแรก ยิงเบิกร่องให้ทีมได้ทันทีก่อนเอาชนะ โบลตัน ขาดลอย 3-0 ขยับทำแต้มเท่าจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ แล้ว

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยมีความหวังจะไล่บี้ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังนำอยู่ 3 คะแนนและมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าต่อไป โดยเกมนี้มี พอล สโคลส์ ลงตัวจริงนัดแรกด้วยหลังเซอร์ไพรซ์ในเกมเอฟเอ คัพ สัปดาห์ก่อน โดยรับมือ โบลตัน ซึ่งไม่มี แกรี่ เคฮิลล์ ที่เตรียมย้ายไป เชลซี แล้ว

นัดนี้เปิดฉากมา ไมเคิล คาร์ริค ก็จ่ายให้กับ แดนนี่ เวลเบ็ค ได้โอกาสยิงทักทายตั้งแต่ต้นเกมทันทีแต่ว่าโดน อดัม บ็ฮกดาน เซฟได้อย่างสุดยอด

จากนั้นเกมดำเนินมาเรื่อยถึงในนาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้จุดโทษในจังหวะที่ แซท ไนท์ ทำฟาวล์ เวลเบ็ค ในเขตโทษ แต่ว่า บ็อกดาน ก็ยังช่วยทีมด้วยการเซฟลูกยิงจุดโทษของ รูนี่ย์ ได้อย่างยอดเยี่ยม

บ็อกดาน ยังคงเป็นมารผจญสำหรับเจ้าบ้าน เมื่อยังเซฟอุตลุดหยุดไม่ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำไปก่อนไม่ว่าจะเป็นโอกาสของ เวลเบ็ค หรือลูกฟรีคิกมันๆของ รูนี่ย์ ที่โดนเซฟได้อย่างสุดยอดเหมือนเดิม

แต่มาถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนราวกับมีการเขียนบท เมื่อคนทำประตูคือ พอล สโคลส์ ที่เพิ่งจะกลับมาช่วยทีม โดยเป็นจังหวะที่ นานี่ พยายามเปิดแต่ไปติด เดวิด วีเธอร์ บอลมาถึง รูนี่ย์ ยิงสวนไปเข้าทาง เวลเบ็ค ที่ต่อบอลให้ สโคลส์ จบสกอร์เข้าไป เป็นประตูแรกของ สโคลส์ ในการกลับมาด้วย

ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ชักไม่ได้เหนือกว่าแล้วและเสียวจะโดนตีเสมอเหมือนกัน จากโอกาสของ เกรตาร์ สไตน์สัน โขกไปแต่โดน ราฟาเอล สกัดทิ้งได้บนเส้น ก่อนที่ สโคลส์ จะโดนเปลี่ยนตัวออกให้อีกหนึ่งเก๋า ไรอัน กิ๊กส์ ลงสนามมา

แต่มาถึงนาทีที่ 74 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูหนีเป็น 2-0 โดยเป็น รูนี่ย์ ที่จ่ายต่อให้ เวลเบ็ค ตรงมุมกรอบเขตโทษก่อนจะซัดผ่าน บ็อกดาน เข้าไปอย่างเฉียบขาด โดยทั้งคนเปิดและคนยิงได้รับบาดเจ็บ จากจังหวะนี้ด้วยแต่เป็น เวลเบ็ค คนเดียวที่เล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนออกให้ ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นานเดซ ลงสนามแทน

อีก 9 นาทีถัดมา สกอร์ก็ขาดเป็น 3-0 โดยเป็นการยิงไกล 20 หลาของ คาร์ริค ที่ได้บอลจ่ายจาก กิ๊กส์ ก่อนซัดเสียบมุมเข้าไปด้วยเท้าซ้ายอย่างสวยงาม เป็นประตูปิดท้ายในเกมนี้ด้วยให้ ยูไนเต็ด เก็บอีก 3 แต้มมีคะแนนเท่าจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ ที่มีคิวลงสนามวันจันทร์แต่ยังแซงไม่ได้เพราะผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง

129
แฟรงค์ แลมพาร์ด กลายเป็นผู้ทำประตูแบบไม่ตั้งใจแต่ช่วยให้ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เฉือนเอาชนะ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ลงได้อย่างหวุดหวิด 1-0 เก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ลงสนามในรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ จัดทัพชุดหลักรับมือทีมที่ดีวันดีคืนอย่าง “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งนำโดยกุนซือมือดี มาร์ติน โอนีล โดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส ยืนค้ำในแนวรุก และบนอัฒจันทน์มีว่าที่แข้งใหม่ แกรี่ เคฮิลล์ มาชมเกมด้วย

แต่เป็นทีมเยือนที่ได้โอกาสทักทายก่อน จากจังหวะการเปิดของ สเตฟาน เซสเซญอง แต่ว่าโดน โบซิงวา สกัดบอลได้ทันก่อนที่จะถึง เจมส์ แม็คคลีน ที่รอจะจบสกอร์ ก่อนที่เจ้าบ้านจะโต้ตอบด้วยจังหวะการโขกของ ตอร์เรส ที่หลุดกรอบออกไป

จากนั้นมาถึงนาทีที่ 13 เชลซี ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะที่ ฆวน มาตา เปิดมาให้ ตอร์เรส ได้ซัดเต็มๆแต่ว่าไปชนคานกระเด้งลงมาโดน แฟรงค์ แลมพาร์ด ผ่านเข้าเส้นประตูไปแบบสุดเฮง เจ้าบ้านออกนำ 1-0

เจ้าบ้านยังคงทำได้ดีกว่า และมีจังหวะได้ลุ้นอีกครั้งจากฟรีคิกระยะไกลของ มาตา ที่ซัดไปติดเซฟของ ซิมง มิโญเลต์ แต่ทางด้าน ซันเดอร์แลนด์ เองก็พอจะมีความน่ากลัวในเกมรุกโดยเฉพาะ นิคลาส เบนดท์เนอร์ ที่สร้างปัญหาได้ไม่น้อย โดยมีจังหวะได้บอลจาก เซสเซญอง ก่อนหลุดไปซัดถากเสาออกไปนิดเดียว

เกมนี้ ตอร์เรส เล่นได้อย่างมั่นใจโดยเฉพาะหลังมีส่วนกับประตูแรก และยังมาโชว์พลิ้วหมุนตัวหาช่องก่อนซัดบอลถากเสาออกไป ก่อนที่เกมจะจบลงในครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 กันอยู่

ครึ่งหลังเกมกลับมาตึงเครียดและสูสีกันมากกว่าครึ่งแรก โดยต่างฝ่ายก็ต่างเรียกเอาจุดโทษโดย เชลซี ร้องในจังหวะที่ ตอร์เรส โดนจอห์น โอเช ดึงในเขตโทษ ขณะที่ทีมเยือนก็มีจังหวะที่ แอชลี่ย์ โคล ไปดึงใส่ เบนทด์เนอร์ เหมือนกันแต่ผู้ตัดสินมองข้ามทั้งสองจังหวะ

ซันเดอร์แลนด์ ก็มีจังหวะเกือบตีเสมอได้เหมือนกัน โดยเริ่มจาก เซสเซญอง จ่ายให้ เซ็บ ลาร์สสัน ก่อนจะเปิดต่อให้ แม็คคลีน ได้โอกาสโล่งๆที่เสาไกลแต่ว่ากลับยิงออกไปอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ควรจะเป็นประตูตีเสมอไปแล้ว

จากนั้นทีมเยือนยังเป็นฝ่ายเล่นอย่างมีความหวังที่จะตีเสมอได้เพราะ เชลซี ก็ปิดเกมไม่ลงเหมือนกัน และน่าจะตีเสมอได้สุดๆอีกครั้งจากการปั้นเกมของ เซสเซญอง คนเดิมที่พาบอลไปทางขวาก่อนเปิดเข้ามากลางประตู เคร็ก การ์ดเนอร์ ได้ยิงที่เสาแรกแบบต้องเป็นประตูแล้วแต่ก็ซัดพลาดอย่างเหลือเชื่อ

ช่วงท้ายเกมยังได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เบนทด์เนอร์ ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษไปดวลกับ ปีเตอร์ เช็ก แต่ว่าโดนออกมาบีบกดดันจนยิงหลุดกรอบออกไปอีก ซึีงสุดท้ายเกมจบลงด้วยชัยชนะหวุดหวิดสุดๆของเจ้าบ้าน 1-0 ยึดอันดับ 4 เหนียวแน่นในเวลานี้

130
ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไม่มีน้ำยาตามเคยกับการเล่นในแอนฟิลด์ เมื่อโดน “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้ บุกมายันเสมอได้อย่างไม่ยากเย็น 0-0 เก็บแต้มกลับบ้านสบายใจ

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงสนามในแอนฟิลด์หลังจากที่เพิ่งทำผลงานเยี่ยมบุกไปชนะ แมนฯ ซิตี้ ในคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศนัดแรก โดยเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นใช้ระบบ 4-5-1 ทิ้ง เดิร์ค เคาท์ ไว้แค่คนเดียวในเกมรุก ขณะที่เกมรับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงสนามแทน ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บ

เกมนี้ ลิเวอร์พูล ดูมีปัญหาไม่น้อยในการจะหาทางเจาะแนวรับของ สโต๊ค ที่ตั้งโซนกันได้อย่างเหนียวแน่น โดยโอกาสใกล้เคียงพอจะได้ลุ้นมีจังหวะลูกเตะมุมที่ชุลมุนชุลเกอยู่ในกรอบเขตโทษก่อนไปถึง ชาร์ลี อดัม ที่เสาไกลโดนต้นขาแต่โดนสกัดทิ้งได้ทัน โดยนอกจากนั้นต้องบอกว่าหาจังหวะลุ้นทำประตูกันได้ยากและน้อยมาก ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังนิ่งที่ 0-0

ครึ่งหลังกลับมาสู้กันใหม่ทรงบอลก็เหมือนเดิม คือเจ้าบ้านเป็นฝ่ายครองเกมมากกว่า แต่หาจังหวะลุ้นจะแจ้งแทบไม่ได้จริงๆ แม้จะมีการเปลี่ยนเอา แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงสนามมาเสริมแนวรุกก็ตาม

โอกาสที่น่าจะได้มากที่สุดมาในนาทีที่ 77 จากจังหวะที่ อดัม แทงทะลุช่องให้ เอ็นริเก้ หลุดไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางมา บอลแฉลบ โจนาธาน วู้ดเกตก่อนที่จะถึง เคาท์ ได้ขึ้นโขกบอลจากระยะ 8 หลาแต่กดไม่ลงบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ

เคาท์ ยังมีโอกาสอีกครั้งในอีก 5 นาทีต่อมาจากจังหวะที่ เบลลามี่ เปิดมาให้ที่เสาไกลก่อนจะขึ้นโขกแต่ว่าไปเข้าหน้าต่างแทนเข้าประตู ต่อด้วยจังหวะที่ แคร์โรลล์ หลุดไปเปิดด้วยขวามาให้ เบลลามี่ โขกที่เสาไกลแต่โดนสกัดได้ก่อน

จังหวะต่อเนื่องกัน เบลลามี่ เปิดลูกเตะมุมมาให้ สเคอร์เทล โขกลงพื้นแต่บอลกระเด้งข้ามคานออกไปอีก ก่อนที่เจ้าบ้านจะพยายามบุกหนักแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือทำอะไรไม่ได้ จบเกมด้วยการเสมอ 0-0 และเป็นการเสมอในแอนฟิลด์เป็นเกมที่ 8 ของฤดูกาลแล้ว

131
เจอร์เมน เดโฟ กองหน้าทีม “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส เกิดอาการเซ็งอย่างหนัก เมื่อต้องการจะย้ายออกจากสโมสร แต่ทางด้านต้นสังกัดไม่ยอมเปิดทางให้  >:(

เดโฟ กลายเป็นตัวสำรองอดทนในฤดุกาลนี้สำหรับ สเปอร์ส หลังจากที่โดน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ชิงตำแหน่งตัวจริงไปครอง ซึ่งทางด้านเอเยนต์กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ได้พยายามติดต่อมาเพื่อขอย้ายทีม แต่ทางด้าน แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ กุนซือเปิดเผยเองว่าไม่ยอมเปิดทางให้

“ประธานสโมสรได้คุยกับเอเยนต์ของเขาแล้ว และได้รับแจ้งว่าเขาไม่มีความสุขเพราะเขาอยากจะลงเล่น และมีหลายสโมสรที่ติดต่อมา”

“ผมมั่นใจว่าเขามีทีมที่สนใจแน่ แต่เราจะไม่ขายเขา เขาบอกว่ามีทีมนั้นทีมนี้สนใจเขา แต่นั่นเป็นวิธีการโก่งค่าตัว เขาจะไม่ย้ายทีมแน่ เขามีสัญญาที่นี่และเขายังเป็นนักเตะคนสำคัญของเรา”  :))

132
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มองการณ์ไกลพร้อมจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปอีก ทั้งที่เพิ่งจะขยายสัญญาสดๆร้อนๆ

เจอร์ราร์ด ในวัย 31 ปีเพิ่งจะตกลงต่อสัญญาที่จะทำให้เขาอยู่กับทีมไปจนจเลิกเล่น แต่ทางด้านกัปตันลิเวอร์พูล มองการณ์ไกลยิ่งกว่าโดยหวังว่าจะอยู่ได้ยาวกว่าระยะเวลาที่สัญญาระบุไว้ และอยากจะต่อสัญญาเพิ่มด้วยในอนาคต

“ผมหวังว่าผมจะเล่นได้เกินกว่าสัญญาที่ทำไว้”

“ผมยังรู้สึกฟิตและแข็งแรงดีมาก ผมอยากจะเล่นให้ได้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

“ผมไม่อยากกำหนดกรอบเวลาไว้ ตราบที่ผมยังรู้สึกไหวและยังเล่นได้ดีอยู่ ผมก็จะเล่นต่อไป หวังว่าในอีกหลายปีข้างหน้าผมจะได้รับสัญญาใหม่อีกจากผลงานของผมเอง”

133
เจนนาโร่ กัตตูโซ่ และ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ สองกองกลางมิลาน ได้รับบาดเจ็บและคาดว่าจะต้องพักจนถึงเดือนหน้า ส่งผลให้พลาดโอกาสลงเตะดาร์บี้แมตช์กับ อินเตอร์ ในวันอาทิตย์นี้  :'(

ข่าวอิตาเลียรายงานว่า กัตตูโซ่ มิดฟิลด์จอมเก๋า ซึ่งพักไปนานหลายเดือนเนื่องจากมีปัญหาที่ประสาทตา และคาดว่าใกล้จะกลับมาลงสนามอีกครั้งนั้น กลับโชคร้ายติดเชื้อที่ตาอีกครั้งระหว่างเข้าแคมป์เก็บตัวที่ ดูไบ  >:D

ขณะที่ อาควิลานี่ จะต้องพักราว 1 เดือน หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่สโมสรยืนยันว่าไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดแต่อย่างใด   [onion022]

134
"งูใหญ่" อินเตอร์ เตรียมที่จะเปิดการเจรจาเพื่อขอซื้อตัว คาร์ลอส เตเวซ อีกครั้ง หลังจากที่ มิลาน เลิกล้มความตั้งใจที่จะเซ็นสัญญากับหัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้  :P

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มัสซิโม่ โมรัตติ ประธานสโมสรอินเตอร์ เคยออกมายอมรับความพ่ายแพ้ในการลุ้นคว้าตัว เตเวซ เนื่องจากนักเตะยืนยันว่าต้องการย้ายไปเล่นให้ "ปีศาจแดง-ดำ"  ???

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ รองประธานมิลาน ซึ่งเดินทางไปอังกฤษเพื่อเจรจาหาข้อตกลงกับตัวแทนของ "เรือใบสีฟ้า" ได้เผยว่าพวกเขาเลิกสนใจในตัวของดาวยิงวัย 27 ปีแล้ว เนื่องจาก อเล็กซานเดอร์ ปาโต้ จะไม่ย้ายไปเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมจึงไม่จำเป็นต้องหาศูนย์หน้าคนใหม่  [onion022]

"เราและ ซิตี้ ต่างก็รู้ดีถึงสถานการณ์เกี่ยวกับ เตเวซ แต่เราตัดสินใจที่จะเลื่อนการคุยกันไปเป็นสัปดาห์หน้า เนื่องจากตอนนี้ผมสนใจที่เรื่องเกมในวันอาทิตย์ (กับมิลาน)" โมรัตติ กล่าว  C:-)

135
สโมสร "ปีศาจแดง" เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมปล่อย ดาร์รอน กิ๊บสัน มิดฟิลด์ดาวรุ่งย้ายเข้าทีม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน เเล้วในวันนี้ คาดค่าตัว 2 ล้านปอนด์ (ราว 100 ล้านบาท) :D

"ทอฟฟี่บลูส์" เอฟเวอร์ตัน ทีมชื่อดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ประสบความสำเร็จในการคว้าตัว ดาร์รอน กิ๊บสัน มิดฟิลด์ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมลีก เรียบร้อยแล้ว แบบไม่เปิดเผยค่าตัว แต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 2 ล้านปอนด์ (100 ล้านบาท) พร้อมเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่นกูดิสัน พาร์ค เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง โดยเขาเลือกสวมเสื้อหมายเลข 4  :)

ทั้งนี้ กิ๊บสัน วัย 24 ปี เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีม "ปีศาจแดง" ก่อนถูกดันขึ้นมาเล่นบนทีมชุดใหญ่ในปี 2008 ทำสถิติลงเล่น 60 นัด ยิง 10 ประตู ทว่าในภาพรวมนั้นเขาไม่โอกาสลงเล่นมากนัก จึงต้องย้ายสโมสรในที่สุด 8)

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 114