แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Newsman

หน้า: 1 ... 31 32 [33] 34 35 ... 37
481

       ไม่มีอะไรผิดคาดแต่อย่างใดครับ ในส่วนกรณีการเตรียมการย้ายทีมของ ริคกี้ แลมเบิร์ต หัวหอกของนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตันไปทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะล่าสุดนักเตะได้ออกมาเผยกับสื่อเองแล้วว่าการตรวจร่างกายของเขากับทีมหงส์แดงผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงขั้นตอนของการเซ็นต์สัญญา และเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาแลมเบิร์ตตกเป็นข่าวว่ากำลังจ่อย้ายซบลิเวอร์พูลดวยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ โดยที่หลายๆสื่อก็รายงานด้วยว่าตัวนักเตะได้เดินทางไปอยู่ที่ลิเวอร์พูลเพื่อเตรียมเข้ารับการตรวจร่างกาย พร้อมกับคุยรายละเอียดเงื่อนไขส่วนตัวในสัญญา

       และเมื่อนักเตะได้ออกมายืนยันดังข้างต้นก็แน่นอนว่าแทบจะคอนเฟิร์มได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่านักเตะจะดได้กลายเป็นหนึ่งในพลพรรคหงส์แดง อย่างไรก็ตามนอกจากการเปิดเผยเรื่องของการตรวจร่างกายที่ว่าผ่านไปด้วยดีแล้วนั้น นักเตะยังได้เผยถึงความรู้สึกในการตัดสินใจอนาคตครั้งนี้อีกด้วยว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากทีทีเดียว ด้วยว่าเจ้าตัวเคยมีช่วงเวลาที่ดีกับเซาธ์แฮมป์ตัน ฉะนั้นถ้ามีโอกาสเจ้าตัวก็อยากที่จะขอชี้แจงถึงเหตุผลในการตัดสินใจอนาคตครั้งนี้แบบละเอียดให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจ

       ส่วนนอกเหนือจากในดีลของแลมเบิร์ตแล้ว ดีลของลัลลาน่าล่าสุดก็มีรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมออกมาเหมือนกัน โดยสื่อหลายสำนักตีข่าวออกมคล้ายๆกันว่าหงส์แดงได้ตัดสินใจเพิ่มข้อเสนอค่าตัวของลัลลาน่าให้เซาธ์แฮมป์ตันพิจารณาใหม่อีกครั้ง จากเดิมทีที่ยื่นไป 20 ล้านปอนด์ เพิ่มเป็น 26 ล้านปอนด์ แต่ในส่วนของท่าทีจากเซาธ์แฮมป์ตันยังไม่ชัดเจนว่าพึงพอใจกับข้อเสนอใหม่จากลิเวอร์พูลหรือเปล่า และบ้างก็ว่าเซาธ์แฮมป์ตันต้องการรอให้จบทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลกที่บราซิลเสียก่อนค่อยพิจารณาเรื่องของอดัม ลัลลาน่าอีกครั้ง เหตุเพราะมองว่ามีโอกาสที่นักเตะจะมูลค่าสูงขึ้นจากฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเม้นท์นี้ ว่าง่ายๆคือเซาธ์แฮมป์ตันก็มั่นใจแหละครับว่านักเตะของพวกเขาจะทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลกหนนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบขายนักเตะออกไปในตอนนี้

482

       ทำเอาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษหันควับเลยทีเดียว สำหรับทางด้านของ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกทีมชาติโคลอมเบียของ อาแอส โมนาโก ทีมดังแห่ง ลีกเอิง ฝรั่งเศส เมื่อเจ้าตัวได้ออกมากล่าวแย้มๆว่าอยากที่จะหันเหอนาคตไปค้าแข้งในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะเดิมทีเจ้าตัวก็เป็นนักเตะเป้าหมายการเสริมทัพของหลายทีมใหญ่ในอังกฤษอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับทีมอย่างเชลซี และอาร์เซน่อล ที่กำลังมองหากองหน้าคุณภาพเยี่ยมแบบเจ้าตัว ทั้งนี้ฟัลเกากล่าวถึงพรีเมียร์ลีกว่าเป็นลีกฟุตบอลที่มีความมันส์มากจริงๆ

       ซึ่งตนเองก็ได้ติดตามดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาบ้างแล้ว จึงอยากที่จะย้ายไปเล่นที่นั่นเหมือนกัน ส่วนเรื่องของจุดเด่นที่ทำให้พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีเสน่ห์แตกต่างจากที่อื่น ฟัลเกาชี้ว่าเป็นเพราะการความมุ่งมั่นในการเล่นเกมรุกของแต่ละทีม กล่าวคือทุกทีมล้วนมีความตั้งใจที่จะยิงประตูคู่แข่งให้ได้มากๆ อีกทั้งยังต่อสู้กันด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งด้วย (เล่นกันหนัก และเร็ว) อย่างไรก็ตามเวลานี้ราดาเมล ฟัลเกากำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมาเพื่อเตียมความพร้อมในการช่วยทีมชาติโคมลอมเบียของเขาลุยฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิล ฉะนั้นแม้ว่าเจ้าตัวจะได้ออกมากล่าวเปรยๆเกี่ยวกับความต้องการในอนาคตการค้าแข้งดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าช่วงนี้ไปจนถึงฟุตบอลโลกจบน่าจะยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าตัวเพิ่มเติม

       แต่ส่วนเรื่องของความเป็นไปได้ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่ฟัลเกาจะได้ย้ายไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็แน่นอนเหลือเกินว่าเมื่อนักเตะกล่าวมาซะขนาดนี้แล้ว ประกอบกับช่วงระหว่างฤดูกาลที่ผ่านมานักเตะก็มีข่าวว่าจะย้ายทีมออกมาเรื่อยๆก็ย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่นักเตะจะได้ย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกจริงๆ อยู่ที่ว่าจะเป็นสโมสรใดที่สามารถเจรจาดึงนักเตะไปร่วมทีมได้ หรือมีข้อเสนอที่น่าพึงพอใจแก่นักเตะ และต้นสังกัดปัจจุบันเท่านั้นเอง

483

       อาจจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ข่าวเล่าเท่านั้นซะแล้วครับ ในส่วนของข่าวคราวที่ออกมาช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่าบาร์เซโลน่าเตรียมโละนักเตะอย่าง เชส ฟาเบรกาส ออกจากทีมภายในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ เพราะล่าสุดทางด้านประธานสโมสรบาร์เซโลน่า “โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว” ออกมายืนยันชนิดหัวชนฝาแล้วว่าตนไม่ได้มีแพลนที่จะขายเชส ฟาเบรกาสให้กับสโมสรไหนตามที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เลย ตรงกันข้ามกลับมีแพลนที่จะเก็บนักเตะอย่างเชส ฟาเบรกาสไว้กับทีมต่อไป

       เช่นเดียวกันกับในรายอื่นๆที่ตกเป็นข่าวโจเซป มาเรีย บาร์โตเมวก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะบาร์เซโลน่าไม่มีนโยบายโละผู้เล่นออกจากทีมในตลาดซัมเมอร์นี้ ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมา (สองถึงสามสัปดาห์หลัง) นักเตะของบาร์เซโลน่าตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับเป้าหมายการเสริมทัพของหลายทีมใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษ เชส ฟาเบรกาสดังที่กล่าวข้างต้นถูกเชื่อมโยงเข้ากับทีมแมนฯซิตี้ อาร์เซน่อล และแมนฯยูไนเต็ด สามทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ เปโดร โรดริเกซ อเล็กซิส ซานเซซถูกเชื่อมโยงเข้ากับทีมลิเวอร์พูล และอาร์เซน่อล นอกจากนี้ก็ยังมีในรายของแดนนี่ อัลเวสที่แว่วๆว่าอาจจะได้ย้ายไปร่วมทีมเปแอสเชอีก แต่ทั้งนั้นทั้งนี้แม้ว่าประธานบาร์เซโลน่าจะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวคราวที่ว่าทีมต่างๆดังที่กล่าวมาสนใจนักเตะของบาร์เซโลน่าไม่เป็นความจริง

       กล่าวคือทีมเหล่านั้นอาจจะสนใจนักเตะของบาร์เซโลน่าจริงๆ แต่บาร์เซโลน่าไม่ยินดีที่จะขายนั่นเองครับ ฉะนั้นหลังจากนี้หากจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอนาคตของนักเตะในทีมบาร์เซโลน่าตามรายที่ตกเป็นข่าวก็ต้องมาจากปัจจัยด้านความต้องการของตัวนักเตะเองแล้วล่ะ ว่าง่ายๆคือถ้านักเตะอยากย้ายทีมก็ยังพอมีโอกาสที่ดีลจะเกิดนขึ้นจริงๆ แต่ถ้าไม่ หรือนักเตะต้องการที่จะเล่นให้บาร์เซโลน่าต่อไปก็แทบจะปิดประตูย้ายทีมได้เลย

484
       ทำเอาตลาดซื้อขายนักเตะสั่นสะเทือนเหมือนกันครับ สำหรับแนวความคิดการเสริมทัพของ ดาบิด เดเกอา ที่ว่ากันว่าเจ้าตัวต้องการเห็นทีมปีศาจแดงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล นี้ ซื้อตัวทางด้านของ อันเดรส อิเนียสต้า เพื่อนร่วมทีมชาติรุ่นพี่มาร่วมทีม ทั้งนี้จากรายงานข่าวของสื่อได้อ้างอิงคำพูดของเดเกอาที่ว่าหากตนเองมีเงินเยอะๆ เพียงพอที่จะสามารถเลือกซื้อนักเตะรายใดเข้ามาเสริมทีมได้ตนจะเลือกซื้ออันเดรส อิเนียสต้าของบาร์เซโลน่า เพราะเป็นนักเตะที่มีคุณภาพครบถ้วนทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการสร้างเกม หรือการยิงประตู และจัดเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนนึงของโลก

       จากการที่เดเกอาออกมากล่าวดังข้างต้นนั้นนับเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่าเขาจงใจแนะให้หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทีมปีศาจแดงคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าน่าจะได้งบในการเสริมทีมจากแมนฯยูไนเต็ดไม่ต่ำกว่าหลักร้อยล้านซื้ออันเดรส อิเนียสต้าเข้ามาเสริมทัพ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากในรายของอิเนียสต้าแล้ว ก่อนหน้านี้เดเกอาก็ตกเป็นข่าวว่ากำลังชวนเพื่อนร่วมทีมชาติอย่างเชส ฟาเบรกาสให้ย้ายมาค้าแข้งกับทีมแมนฯยูไนเต็ดของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นในรายของฟาเบรกาส หรืออิเนียสต้าก็ตามก็ล้วนไม่ใช่งานง่ายของยูไนเต็ดเลยที่จะสามารถปิดดีลได้สำเร็จ เหตุเพราะทั้งเชสก์ และอิเนียสต้าต่างเป็นนักเตะคนสำคัญที่บาร์เซโลน่าไม่ต้องการขายออกจากทีม

       โดยเฉพาะในรายของอิเนียสต้าซึ่งอยู่ค้าแข้งกับบาร์เซโลน่ามานานหลายปีมากๆนอกจากเรื่องของการเป็นกำลังสำคัญของทีมแล้วก็ยังมีเรื่องของความผูกพันระหว่างนักเตะกับสโมสรเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ไหนจะยังมีเรื่องของสถานะทีมปีศาจแดงในปัจจุบัน (ไม่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก) ซึ่งไม่ค่อยจะดึงดูดนักเตะฝีเท้าดีให้อยากย้ายไปร่วมทีมอีกต่างหาก คือสรุปได้ว่านอกจากเรื่องเงินแล้วยูไนเต็ดก็แทบจะไม่มีปัจจัยอะไรมาสนับสนุนให้ดึงสองแข้งนี้ไปร่วมทีมได้เลย

485

       ใครมองว่าสิงโตคำราม “ทีมชาติอังกฤษ” ว่าเป็นทีมไม้ประดับ หรือเป็นทีมสร้างสีสันในทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลกอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้ว เพราะกองหน้าตัวเก่งของพวกเขาอย่าง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ออกมากล่าวยืนยันแล้วว่าทีมชาติอังกฤษชุดนี้จะเดินทางไปลุยบอลโลกแบบจริงจังที่สุด เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ใส่หมดแน่ๆ จะไม่ใช่การไปเล่นในลักษณะของทีมไม้ประดับอย่างที่หลายคนคิด นอกจากนี้เจ้าตัวก็ยังกล่าวถึงเกมถล่มเปรูด้วยว่าเป็นเกมที่แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมที่ยอดเยี่ยมของทัพสิงโตชุดนี้

       โดยสเตอร์ริดจ์กล่าวว่าการเล่นกับเปรูเป็นอะไรที่ยากลำบากไม่น้อย เพราะเปรูตั้งรับกับแน่นมาก แต่ทว่าด้วยความที่สิงโตคำรามเตรียมตัวมาดีมากๆจึงสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามที่ทุกคนได้เห็น ส่วนกับประตูของตนเองในแมทนั้น หัวหอกลิเวอร์พูลชี้ว่าเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ตนเองทำได้ในนามทีมชาติอังกฤษ แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันเป็นผลพวงมาจากผลงานที่ดีของทีมไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้น

       ทั้งนี้แดเนียล สเตอร์ริดจ์ซึ่งสามารถทำผลงานกับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลได้ดีสม่ำเสมอตลอดซีซั่นที่เพิ่งจบลงไปได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในตัวหลักในแผงเกมรุกของทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลกหนนี้ โดยน่าจะได้ทำงานร่วมกับเวย์น รูนี่ย์หอกจากแมนฯยูไนเต็ด และแดนนี่ เวลเบค หรือไม่ก็ทางด้านของราฮีม สเตอร์ลิง ปีกตัวจี๊ดเพื่อนร่วมทีมหงส์แดงในการขับเคลื่อนเกมรุกให้ทัพสิงโตคำราม และจากการจัดของรอย ฮ็อดจ์สันในเกมอุ่นเกือกถล่มเปรูก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเจ้าตัวจะได้เป็นตัวหลักในเกมรุกของทีมชาติอังกฤษชุดนี้จริงๆ ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกะทันหัน หรือาจเป็นตัวหลักในระยะยาวให้กับทีมชาติอังกฤษยุคนี้เลยก็ได้ เพราะนอกจากรูนี่ย์แล้วก็มีแค่สเตอร์ริดจ์นี่แหละที่ดูจะเป็นกองหน้าที่มีคุณภาพที่สุดแล้ว (สเตอร์ริดจ์ได้รับรางวัลแมทออฟเดอะแมทเกมถล่มเปรู 3-0)

486

       ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของแฟนบอล บาร์เซโลน่า ในช่วงนี้แน่นอนครับ ในส่วนของข่าวคราวการแต่งตั้ง คาร์เลส ปูโยล ยอดกองหลังระดับตำนานของพวกเข้าขึ้นรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของสโมสร หลังเจ้าตัวตัดสินใจอำลาสนามเนื่องจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ ทั้งนี้ปูโยลในวัย 35 ปีผ่านเส้นทางการค้าแข้งร่วมกับสโมสรบาร์เซโลน่ามาเนิ่นนาน โดยนับระยะเวลาได้ประมาณ 15 ปี เรียกได้ว่าอยู่นานจนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างนึงของทีมอาซูกราน่าไปแล้ว อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากระยะเวลาที่เนิ่นนานแล้ว ปูโยลก็ยังประสบความสำเร็จกับบาร์เซโลน่ามากมายด้วยเช่นกัน

       ในแง่ของการทำผลงานให้บาร์เซโลน่าก็จัดได้ว่าเป็นนักเตะที่ทำประโยชน์ให้บาร์เซโลน่าอย่างล้นเหลือ เพราะตลอดระยะเวลาร่วมๆ 15 ปีดังกล่าว เจ้าตัวเป็นกำลังสำคัญในแผงเกมรับให้กับทีมแห่งแคว้นกาตาลันมาโดยตลอด กล่าวได้ว่าถ้าให้นึกถึงชื่อของนักเตะกองหลังทีมบาร์เซโลน่าชื่อที่แฟนบอลจะนึกถึงเป็นชื่อแรกๆก็คือชื่อ “คาร์เลส ปูโยล” นี่แหละ การแต่งตั้งเจ้าตัวขึ้นรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างชัดเจนมากว่าบาร์เซโลน่าต้องการตอบแทนคามจงรักภักดี และสิ่งต่างๆที่นักเตะทำให้สโมสรตลอดอายุการค้าแข้งของเขา ส่วนสำหรับการออกมากล่าวจากทางปูโยลภายหลังการรับบทบาทใหม่ภายในสโมสรบาร์เซโลน่าก็เป็นการกล่าวทำนองขอบคุณสโมสรบาร์เซโลน่าสำหรับสิ่งที่ผ่านมาๆ และโอกาสครั้งใหม่นี้ด้วย

       พร้อมกับเผยความรู้สึกว่าเวลานี้รู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทใหม่มากๆที่ได้รับ ด้านของซุบิซาร์เรเต้า ผอ.กีฬาคนปัจจุบันของบาร์เซโลน่ากล่าวถึงปูโยลประมาณว่าปูโยลน่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์แก่การพัฒนาทีมบาร์เซโลน่าทั้งใน และนอกสนามได้ดีมาก ดังนั้นการที่ตน (ซูบิซาเรต้า) จะได้ร่วมงานกับเขาย่อมเป็นเรื่องที่ดี และตนก็จะพยายามเรียนรู้หลายสิ่งออย่างจากปูโยลเพื่อนำมาใช้พัฒนาสโมสรบาร์เซโลน่าให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก

487

       เงิบกันไปตามระเบียบครับ สำหรับแฟนบอลเร้ดอาร์มี่ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัย เพราะล่าสุดเป้าหมายการเสริมทัพลำดับต้นๆของพวกเขาในซัมเมอร์นี้ ซึ่งก็คือทางด้านของ เอดิสัน คาวานี่ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยของทีมแปแอสเชได้ออกมาปฏิเสธโอกาสที่จะย้ายไปร่วมงานกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้สื่อในประเทศฝรั่งเศสได้อ้างเหตุผลว่าเป็นเพราะทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ชวดเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้า จึงทำให้คาวานี่เมินที่จะหันเหอนาคตค้าแข้งไปอยู่กับพวกเขา

        และแม้ว่าที่ผ่านมาคาวานี่จะมีข่าวคราวในด้านลบเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเขาในถิ่นปาร์ก เดอ แพร็งค์ออกมาเรื่อยๆ แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางไปเก็บตัวก่อนลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติอุรุกวัยเจ้าตัวก็ตกปากรับคำเจ้าของสโมสรเปแอสเชแล้วว่าจะยังคงอยู่เล่นในถิ่นปาร์ก เดอ แพร็งค์ต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล ถึงตอนนี้จึงสรุปสถานการณ์ของคาวานี่ได้ว่านักเตะไม่น่าจะได้ย้ายไปร่วมทีมปีศาจแดงค่อนข้างแน่นอนแล้ว แต่ในส่วนของทีมอื่นๆก็คงจะต้องมาลุ้นกันอีกทีแหละครับ เพราะแม้ว่าตามรายงานข่าวของสื่อในฝรั่งเศสจะระบุว่านักเตะตกปากรับคำที่จะอยู่เล่นให้เปแอสเชต่อไปแล้ว ก็ยังน่าสนใจอยู่ดีว่าหากมีทีมยักษ์ใหญ่รายอื่นในยุโรปยื่นข้อเสนอเข้ามา และเป็นทีมที่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยนักเตะจะมีท่าทีอย่างไร?

       เพราะก็อย่างที่กล่าวช่วงที่ผ่านมาคาวานี่มีข่าวที่ต้องบอกว่าไม่ค่อยสู้ดีนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาในถิ่นปาร์ก เดอ แพร็งค์ หรือจะว่ากันตรงๆเลยก็คือเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจกับบทบาทของตัวเองในทีมเปแอสเชที่ต้องเป็นพระรองของซลาตัน อิบราฮิโมวิชนั่นแหละ ฉะนั้นถ้ามีข้อเสนอจากทีมที่น่าสนใจเข้ามา หรือเป็นทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับเปแอสเช อย่างน้อยนเจ้าตัวก็น่าจะต้องการทบทวนอนาคตของตนเองใหม่อีกครั้ง

488

       ดีลของลัลลาน่ายังไม่จบ ก็มีดีลของ แลมเบิร์ต มาแทรกให้แฟนบอลเดอะค็อปทั่วโลกได้สับสนกันใหญ่แล้วครับงานนี้ เมื่อล่าสุดสื่อดังในอังกฤษอย่างน้อยสองรายด้วยกันผุดข่าวออกมาว่า ริคกี้ แลมเบิร์ต หัวหอกร่างใหญ่ของทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน กำลังเตรียมตัวเข้ารับการตรวจร่างกายที่สนามแอนฟิลด์ในอีกวันสองวันนี้ และหากขั้นตอนการตรวจร่างกายดำเนินไปอย่างราบรื่นก็จะเกิดการเซ็นต์สัญญากันเกิดขึ้นทันทีก่อนที่ฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิลจะคิกออฟ

       ทั้งนี้จากรายงานของสื่อในอังกฤษรายนึงระบุว่าค่าตัวของริคกี้ แลมเบิร์ตที่ลิเวอร์พูลจะจ่ายให้กับทางเซาธ์แฮมป์ตันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่สำหรับในรายของซึ่งมีข่าวว่าจ่อเข้ารับการตรวจร่างกายออกมาก่อนริคกี้ แลมเบิร์ตด้วยซ้ำเวลานี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าในการย้ายไปร่วมทีมหงส์แดงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกับมีรายงานข่าวในทางสวนกันออกมาด้วย ซึ่งก็คือรายงานข่าวทำนองว่านักเตะอาจตัดสินใจย้ายซบทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮฮต สเปอร์แทน ด้วยว่ากุนซือโปเซ็ตติโน่ที่ย้ายจากเซาธ์แฮมป์ตันไปกุมบังเหียนไก่เดือยทองต้องการดึงเขาตามไปร่วมงานที่ไวท์ ฮาร์ท เลนด้วย อีกทั้งสโมสรสเปอร์ก็พร้อมทุ่มเงินค่าตัวอดัม ลัลลาน่าให้กับเซาธ์แฮมป์ตันมากกว่าที่ลิเวอร์พูลทุ่มให้ สรุปสถานการณ์อนาคตของนักเตเซาธ์แฮมป์ตันในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะลงเอยด้วยการที่แลมเบิร์ตได้ย้ายไปลิเวอร์พูล ส่วนอดัม ลัลลาน่าได้ย้ายไปสเปอร์

       ขณะที่ทางด้านของลุค ชอว์ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะได้ย้ายไปอยู่แมนฯยูไนเต็ด หรือไม่ก็เชลซี และถ้าจะกล่าวถึงภาพรวมของทีมเซาธ์แฮมป์ตันเลย ก็ต้องบอกว่าพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในตลาดซัมเมอร์นี้เลยทีเดียว เพราะว่าบรรดาแข้งดาวดังมีแนวโน้มพาเหรดกันก้าวเท้าออกจากทีมดังที่กล่าวไป ทั้งตัวกุนซือโปเซ็ตติโน่ก็ย้ายออกไปแล้วเช่นกัน ซึ่งเมื่อมองไปที่ฤดูกาลใหม่ก็นับเป็นอะไรที่น่าห่วงแทนแฟนบอลทีมนักบุญอย่างมาก


489

       แม้ว่าทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013—2014 มาครองได้สำเร็จ หลังพวกเขาเก็บแต้มได้เป็นรองทีมอย่างเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้อยู่ 2 แต้ม แต่ทว่าผลงานโดยรวมในฤดูกาลนี้ต้องยอมรับจริงๆว่าหงส์แดงเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดทีมนึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราหันไปดูที่สถิติหลายๆสถิติที่เกิดขึ้นกับทีมหงส์แดงในฤดูกาลนี้ อย่างล่าสุดถิติการเล่นแบบ แฟร์เพลย์ หรือ การเล่นแบบใสสะอาด ก็เปิดเผยออกมาเรียบร้อยว่าเป็นทีมหงส์แดงที่เล่นได้ใสสะอาดมากที่สุด

       หรือว่าง่ายๆก็คือเป็นทีมที่ทำฟาล์ว หรือเล่นนอกเกมน้อยที่สุดนั่นเอง ทั้งนี้ว่ากันว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ลิเวอร์พูลก้าวขึ้นมาเป็นทีมแฟร์เพลย์อันดับหนึ่งในซีซั่นนี้ได้เป็นเพราะว่านักเตะอย่างหลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยนั่นเองที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในสนามแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ โดยจากเดิมที่โดนใบเหลืองในซีซั่นก่อนมากถึง 10 ใบมาในซีซั่นนี้หลุยส์ ซัวเรซโดนใบเหลืองไปเพียงแค่ 6 ใบเท่านั้น (น้อยกว่าเดิมถึง 4 ใบ) ส่วนทีมที่เล่นได้ใสสะอาดมากที่สุดรองจากทีมหงส์แดงในซีซั่นนี้ก็เป็นทางด้านของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เจ้าของแชมป์แฟร์เพลย์ในซีซั่นก่อนนั่นเอง เรียกได้ว่ายังคงเป็นอีกทีมที่รักษามาตรฐานการเล่นแบบใสสะอาดได้คงเส้นคงวา (ถึงจะตกลงบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมาย) ถัดลงมาก็เป็นทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทีมคู่ปรับร่วมเมืองของหงส์แดงเอง

       สำหรับการออกมากล่าวของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมหงส์แดงหลังทราบการเปิดเผยสถิติว่าเป็นทีมหงส์แดงที่เล่นแฟร์เพลย์ที่สุดก็เป็นไปในทำนองว่าดีใจมากๆที่ผลงานออกมาเป็นอย่างนี้ พร้อมกับชี้ว่าสิ่งที่ปรากฎออกมานี้แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่มสง่างาม และความมุ่งมั่น ทุ่มเทของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ (การวัดสถิติแฟร์เพลย์วัดจากสถิติใบเฟลือง ใบแดง และลักษณะการเล่นที่ดี เช่น เน้นเกมรุก ไม่ถ่วงเวลา)

490

       งานนี้ใครเป็นแฟนบอลของ “ดีเอโก้ คอสต้า” หัวหอกจอมพลังของแอตฯมาดริดบอกได้เลยว่ามีเคืองครับ เพราะทางด้านของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือทีมชาติสเปนที่นักเตะเลือกเล่นให้ ออกมากล่าวแย้มๆแล้วว่าตัวเขาไม่อาจการันตีการเรียกคอสต้าติดธงไปลุยเวิลด์ที่บราซิลได้ แม้ว่าตัวนักเตะมีความหวังที่จะไปเล่นในรายการนี้ก็ตาม ทั้งนี้เดล บอสเก้กล่าวว่าตนไม่มั่นใจเลยว่าคอสต้าจะสามารถฟิตกลับมาทันไปบอลโลกด้วยหรือเปล่า แต่ก่อนที่จะมีการส่งรายชื่อให้กับทางฟีฟ่าก็ยังจะพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง เพื่อพิจารณาสภาพความฟิตของคอสต้าอีกครั้ง

       กระนั้นทุกสิ่ง ทุกอย่างเวลานี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมแพทย์ที่รักษาเขาแล้วล่ะ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตนเอง เพียงแต่ตน และทีมชาติสเปนก็ต้องระวังเรื่องนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน (การประเมินความฟิตของคอสต้า และตัดสินใจเรียกตัวติดธง หรือไม่เรียกตัว) กล่าวสรุปได้ว่าถึงตอนนี้บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็ค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องของคอสต้าอยู่พอสมควร เพราะถ้าหากว่าเรียกตัวคอสต้าติดธงไปทั้งๆที่ร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์จริงๆเหมือนนักเตะรายอื่นๆก็อาจจะส่งผลเสียต่อทีมชาติ ในแง่ที่ว่าเสียโอกาสที่จะเรียกเอานักเตะที่มีสภาพความฟิตสมบูรณ์ไปแทน ตรงกันข้ามหากว่าตัดสินใจไม่เรียกคอสต้าติดธงไปด้วยว่าไม่มั่นใจสภาพร่างกายของคอสต้าก็จะเสียประโยชน์ในแง่ของการพลาดโอกาสใช้ความสามารถของคอสต้าในทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลกหนนี้ ยิ่งด้วยซีซั่นนี้คอสต้ามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดแอตฯมาดริดด้วยแล้วยิ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายใหญ่เลย

       สำหรับเส้นตายการส่งรายชื่อ 23 แข้งสุดท้ายที่จะได้ไปลุยฟุตบอลโลกให้ฟีฟ่านั้นเป็นวันที่ 2 มิถุนายนนี้ หรืออีกเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น แน่นอนว่านั่นหมายถึงบิเซนเต้ เดล บอสเก้ นายใหญ่ทัพกระทิงดุมีเวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้ 3 วันดังกล่าว หลังจากนั้นก็จะต้องเป็นช่วงเวลาของการโฟกัสไปที่การเตรียมความพร้อมของ 23 แข้งสุดท้ายก่อนที่เวิลด์คัพจะคิกออฟในอีกประมาณ 10 วันถัดไป

491

       จากที่อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลเคยออกมายืนยันก่อนตลาดนักเตะเปิดว่าทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลของเขาจะไม่บ้าเลือดทุ่มเงินซื้อนักเตะมากมายในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่จะซื้อเท่าที่จำเป็น และคุ้มค่า คุ้มราคาเท่านั้น อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นซะแล้ว เพราะล่าสุดทางด้านของเดลี่ สตาร์ สื่อดังเมืองผู้ดีออกมาประโคมข่าวว่าเวลานี้ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนกำลังเตรียมที่จะควักเงินออกมาใช้จ่ายมากถึง 65 ล้านปอนด์ โดยใน 65 ล้านปอนด์นี้พวกเขามีแพลนที่จะใช้มันให้หมดไปกับนักเตะแนวรุกถึง 3 รายด้วยกัน

       ทั้งนี้รายหลักที่เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของพวกเขาก็คือ “อังเคล ดิ มาเรีย” ตัวรุกของทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ซึ่งตามข่าวระบุว่าอาร์เซน่อลจะใช้เงินราว 20 ล้านปอนด์จาก 65 ล้านปอนด์ดังกล่าวในการยื่นไปหาทางราชันชุดขาวเพื่อเป็นค่าตัวของนักเตะ ส่วนที่เหลืออาจจะใช้ไปกับในรายของ เปโดร โรดิเกซ ตัวรุกของทีมบาร์เซโลน่า และ กิลเยอร์โม กัวตราโด้ ของทีมฟิออเรนติน่า ทีมดังแห่งกัลโช่ เซเรียเอ อิตาลี อย่างไรก็ตามถ้าหากประเมินคุณภาพของนักเตะอย่างอังเคล ดิ มาเรียออกมาเป็นมูลค่าแล้วข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์ของอาร์เซน่อลอาจจะเป็นเรื่องยากสักหน่อยที่จะได้รับการตอบรับจากรีล มาดริด ว่ากันตรงๆคือ ถ้ารีล มาดริดจะตัดสินใจขายดิ มาเรียให้กับสโมสรใดรีล มาดริดก็น่าจะขายในราคาที่แพงกว่า 20 ล้านปอนด์อยู่แล้ว

       ส่วนในรายของเปโดร โรดิเกซก็ไม่ใช่งานง่ายของอาร์เซน่อลเช่นกันที่จะดึงตัวมาร่วมทีม เนื่องจากทีมอย่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล คู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษก็เล็งนักเตะไว้เช่นกัน อีกอย่างลิเวอร์พูลเวลานี้ก็เป็นสโมสรที่ดึงดูดนักเตะได้ดีเหมือนกัน เพราะซีซั่นที่แล้วพวกเขาประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก แม้จะไม่ได้คว้าแชมป์ก็ตาม โดยได้รองแชมป์ พร้อมกับซิวโควตาฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่แบบสามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้ทันที

492

       ใครเป็นแฟนบอลทีมสิงห์บลู เชลซีช่วงนี้ต้องบอกว่าพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกจริงๆ เมื่อล่าสุดมีสื่อปูดข่าวออกมาอีกแล้วว่าสโมสรกำลังเตรียมทีจะขายสตาร์ของทีมออกไปอีกหนึ่งรายซึ่งก็คือในรายของ “ออสการ์” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะเสียดาวิด ลุยส์ไปให้กับเปแอสเช “ปารีสแซงต์แชร์กแมง” สโมสรดังแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ทั้งนี้ตามข่าวที่เว็บไซต์ข่าวฟุตบอลชื่อดังอย่างโกลดอทคอมตีออกมานั้นระบุทำนองว่าเชลซีไม่ปลื้มกับฟอร์มการเล่นของนักเตะที่เป็นไปในลักษณะถดถอยลงเรื่อยๆในยุคของการคุมทีมโดยโจเซ่ มูริญโญ่

       หรือในซีซั่นที่เพิ่งจบลงไปนั่นเอง กล่าวคือช่วงต้นๆซีซั่นออสการ์สามารถทำผลงานได้ดียอดเยี่ยมกระทั่งโจเซ่ มูริญโญ่ยกให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดของทีมเชลซียุคนี้ แต่ทว่าหลังจากผ่านพ้นครึ่งฤดูกาลแรกไปฟอร์มการเล่นกับตกลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นทางด้านของเอแด็น อาซาร์ ตัวรุกทีมชาตเบลเยี่ยมที่ก้าวขึ้นมาโดดเด่นแทน พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะขายออสการ์ออกจากทีม หากว่ามีทีมไหนยื่นข้อเสนอข้อซื้อนักเตะเข้ามาในราคาที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสมกับมูลค่าจริงของนักเตะ อย่างไรก็ตามตัวเลขราคาที่เชลซีเห็นว่าเหมาะสม หรือเป็นตัวเลขที่พึงพอใจสำหรับพวกเขาในการตัดสินใจปล่อยนักเตะออกจากสโมสรเวลานี้ที่พูดๆกันว่ากันว่าสูงถึงประมาณ 40 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

       ส่วนสโมสรที่มีความเป็นไปได้ว่าจะซื้อตัวออสการ์ไปร่วมทีมหากว่าเป็นค่าตัวระดับที่กล่าวมาก็คงจะหนีไม่พ้นสโมสรอย่างเปแอสเชที่ซื้อตัวดาวิด ลุยส์ไปนั่นแหละ เพราะถ้าเป็นสโมสรอื่นก็ดูแล้วคงยากที่จะกล้าทุ่มเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อซื้ออสการ์ไปร่วมทีม อีกอย่างในช่วงก่อนตลาดเปิดก็เคยมีข่าวลือๆกันออกมาแล้วครั้งนึงว่าเปแอสเชเล็งที่จะซื้อออสการ์ และอาซาร์ของทีมเชลซีไปร่วมทีมภายในตลาดซัมเมอร์นี้

493

       ต้องบอกว่างานเข้าไปเต็มๆ สำหรับแท็บลอยด์จอมแฉของอังกฤษอย่าง “เดอะ ซัน” เมื่อทางด้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดแข้งซุปตาร์ราชันชุดขาว รีล มาดริด ออกโรงจวกผ่านทวิตเตอร์ว่าพวกเขาเขียนสกู๊ปข่าวเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเอง (โรนัลโด้) ได้มั่วนิ่มมากๆ เหตุเพราะตนไม่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องราวอะไรทำนองนั้นตามที่เดอะ ซันนำไปเขียนเลย ทั้งนี้เดอะ ซันได้เขียนสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องราวของคริสเตียโน่ โรนัลโด้เชิงเปรียบเทียบให้เห็นชีวิตที่แตกต่างกันราวฟ้า กับเหวของเจ้าตัวในวัยเด็ก กับปัจจุบัน (ตอนเด็กมีชีวิตที่ขาดแคลน แต่โตมาเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมาย)

       พร้อมกับมีคำพูดบางประโยคที่อ้างอิงว่าเป็นคำพูดที่สัมภาษณ์มาจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้โดยตรง เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ได้ทราบเรื่องจึงได้ออกมาจวกเดอะ ซัน และยืนยันว่าสิ่งที่เดอะ ซันนำไปลงไม่ใช่เรื่องจริงดังกล่าว อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากประเด็นร้อนนี้แล้ว เวลานี้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ก็ยังตกเป็นข่าวอีกหนึ่งประเด็น ซึ่งก็คือประเด็นการฉลองประตูที่เขายิงได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกที่เจ้าตัวฉลองด้วยการถอดเสื้อพร้อมแบ่งกล้ามโชว์แบบชนิดที่หลายคนมองว่าโอเว่อร์แอ็คติ้ง เนื่องจากประตูที่เขาทำได้นั้นมันแทบจะไม่มีผลอะไรต่อผลการแข่งขันแล้ว (สกอร์ขาดไปแล้ว)

       โดยล่าสุดเดลี่ เมล สื่อดังในอังกฤษออกมาตีข่าวแฉว่าการแสดงท่าดีใจดังกล่าวที่คริสเตียโน่ทำนั้น เป็นการทำเพื่อหวังนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าตัว หรือในหนังที่เจ้าตัวมีแพลนจะทำนั่นเอง กล่าวคริสเตียโน่ โรนัลโด้มีแพลนทำหนังที่จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตของตนเองในชือหนัง “โรนัลโด้ เดอะมูฟวี่” และฉากหนึ่งในหนังที่เจ้าตัวอยากจะให้มีก็คือท่าดีใจในแบบที่ทำหลังยิงประตูในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ (ก็เลยแสดงความดีใจด้วยท่าแบบนั้นออกมา เพื่อที่จะสามารถนำภาพนิ่ง หรือวีดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปใช้ในหนังได้ทันที)

494

      หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หรือพลิกโผ อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แฟนบอลหงส์แดงก็น่าจะได้เฮกับดีลของ อดัม ลัลลาน่า แน่นอน เพราะเวลานี้สื่อชื่อดังอย่างฟุตบอล ไดเร็ก นิวส์ได้ออกมาเผยข่าวแล้วว่าลัลลาน่ากำลังจะเข้ารับการตรวจร่างกายในแคมป์เก็บตัวนักเตะทีมชาติอังกฤษ ซึ่งค่อนข้างมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นการเข้ารับการตรวจร่างกายตามขั้นตอนการย้ายทีม ก่อนที่จะทำการเซ็นต์สัญญาย้ายไปร่วมทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

       หลังก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูล กับเซาธ์แฮมป์ตันได้เปิดการเจรจากันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของการตกลงค่าตัว ซึ่งว่ากันว่าเป็นปัญหาในการเจรจาระหว่างสองสโมสรสรยังไม่มีรายงานข่าวออกมาว่าบทสรุปไปลงเอยที่ตรงไหน หรือทั้งสองโสมสรตกลงค่าตัวนักเตะกันได้ที่จำนวนเท่าไหร่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่าน่าจะอยู่ที่ตัวเลขประมาณยี่สิบกว่าล้าน (ปอนด์) เนื่องจากทางลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอเข้าไปหาเซาธ์แฮมป์ตันด้วยตัวเลข 20 ล้านปอนด์ แต่ถูกทางเซาธ์แฮมป์ตันร้องขอมาเพิ่มเป็น 27 ล้านปอนด์ ทว่าลิเวอร์พูลไม่ยินดีจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว โดยพวกเขามองว่าเป็นจำนวนที่สูงเกินกว่ามูลค่าจริงของนักเตะ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าตัวเลขสุดท้ายที่ตกลงกันได้จะอยู่ระหว่าง 20-27 ล้านปอนด์ กล่าวคืออาจจะมากกว่า 20 แต่ไม่เกิน 27 ล้านปอนด์

       ส่วนนักเตะเซาธ์แฮมป์ตันรายอื่นๆ อย่างในรายของลุค ชอว์ แม้ว่าล่าสุดจะยังไม่มีรายงานข่าวออกมาว่านักเตะจะได้เข้ารับการตรวจร่างกาย หรือตกลงค่าตัวกับสโมสรไหนได้แล้ว แต่ก็ถือว่ามีโอกาสที่จะได้ย้ายทีมในเร็วๆนี้เช่นเดียวกับทางลัลลาน่า ด้วยว่ามีถึงสองสโมสรใหญ่ในอังกฤษที่พร้อมเซ็นต์สัญญากับนักเตะ ซึ่งก็คือปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด และสิงห์บลู เชลซี โดยเฉพาะรายหลังนี้ว่ากันว่าพร้อมที่จะปาดหน้ารายแรกได้ทุกเมื่อ อีกอย่างระดับค่าตัวนักเตะก็เป็นระดับค่าตัวที่ทีมใหญ่ๆอย่างสองทีมดังกล่าวมีกำลังจ่ายสบายๆอยู่แล้ว

495

       มีเรื่องให้แฟนบอลหงส์แดง หรือบรรดาเดอะค็อปทั้งหลายต้องลุ้นหนักอีกแล้ว ในส่วนของตลาดช้อปปิ้งนักเตะซัมเมอร์นี้ เมื่อทางด้านของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรราชันชุดขาว รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่เงินถังแห่งลาลีกา สเปนออกมาแย้มๆเองแล้วว่าอาจจะตัดสินใจเดินหน้าซื้อตัว หลุยส์ ซัวเรซ จากลิเวอร์พูลมาเสริมทีม ทั้งนี้เปเรซกล่าวว่าตนเองชื่นชอบนักเตะฝีเท้าดีทุกคน และก็มีแพลนที่จะพัฒนาทีมด้วยการซื้อผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทีมต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าเวลานี้จะมีนักเตะฝีเท้าดีอยู่ในทีมมากมายแล้วก็ตาม (เปเรซกล่าวหลังโดนนักข่าวยิงคำถามถึงประมาณว่าหลุยส์ ซัวเรซคือเป้าหมายการเสริมทัพหรือไม่?)

       อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เปเรซกล่าวออกมานั้นหากเราตีความหมายกันแบบตรงไป ตรงมาก็ต้องบอกว่าเปเรซเองก็มไม่ได้ยืนยันชัดเจนซะทีเดียวว่าจะซื้อซัวเรซเข้ามาเสริมทีมแน่ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่เดินหน้าซื้อซัวเรซ ฉะนั้นเราจึงพอจะสรุปสถานการณ์ของซัวเรซกับรีล มาดริดได้ว่าอะไรๆก็ล้วนเกิดขึ้นได้  กล่าวคือรีล มาดริดอาจจะยื่นซื้อซัวเรซจริงๆ หรือไม่ยื่นซื้อก็ได้ และบางทีก็อาจขึ้นอยู่กับว่ากุนซืออันเชล็อตติมีแพลนในการปรับปรุงทีมอย่างไรด้วย เป็นต้นว่าจะมีการขายนักเตะกองหน้า หรือในเกมรุกรายใดออกไปหรือเปล่า หากมีการขายออกไป โดยเฉพาะตัวหลักๆก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเดินหน้าล่าตัวซัวเรซ เพราะมันค่อนข้างจำเป็นในด้านของการหาตัวทดแทนขุมกำลังเดิมที่ขาดหายไป

       แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ประกอบกับมีปัจจัยอื่นๆสนับสนุนให้การซื้อหลุยส์ ซัวเรซเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เป็นต้นว่าลิเวอร์พูลมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการขายนักเตะแน่ๆ ขณะที่ซัวเรซก็แฮปปี้ดีที่จะเล่นให้ลิเวอร์พูลต่อไป รีล มาดริดก็อาจจะไม่พยายามทำให้ดีลเกิดขึ้น ส่วนนักเตะของรีล มาดริดที่ตกเป็นข่าวว่าอาจะได้ย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ก็มีในรายของเบนเซม่า อิสโก้ และโมราต้า

หน้า: 1 ... 31 32 [33] 34 35 ... 37