"เรอัล โซเซียดัด" โอกาสยิงเยอะแต่ไม่ได้ช่วยให้เก็บ 3 คะแนนได้ หลังจากโดน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ที่ได้ส่องตรงกรอบแค่ 4 ครั้งยิงนำอีกรอบเป็น 3-2 ช่วงท้ายเกมก่อนจะมาได้ประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ "ปรีเอโต้" ที่เหมาสองประตูในเกมนี้ช่วยให้จบเกมที่สกอร์ 3-3 มีเพิ่มเป็น 63 คะแนน หล่นมาอยู่ที่ 5 ลุ้นระทึกโหดกับตั๋วแชมป์เปี้ยนส์ ลีกในเกมสุดท้าย
ลา ลีกา สเปน
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2556
เรอัล โซเซียดัด 3 - 3 เรอัล มาดริด
สนาม อโนเอต้า ลงสนามมาเจอกันในช่วงแรกได้ 6 นาทีชนิดที่บางคนเหงื่อยังไม่ออก แ่ต่เรอัล มาดริดก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเลย จากจังหวะที่พวกเขาเซ็ตบอลกันไปได้ถึงในกรอบเขตโทษแล้วอิกวาอินเป็นคนซัดด้วยขวาจากระยะไม่กี่หลาหน้าประตูบอลพุ่งเสียบเสา ส่งให้ทีมเยือนนำเร็ว 1-0
แต่ไปๆมาๆ เกมของมาดริดชักจะยังไง เพราะขึ้นนำปุ้บก็โดนพายุการบุกเอาคืนของโซเซียดัดเล่นงานอย่างต่อเนื่องทันทีเลย อกีเรตเช่ได้โอกาสซัดสองกน ครั้งแรกติดบล็อก อีกครั้งพลาดเป้าไป ก่อนที่กอนซาเลซจะขอลุ้นอีกรอบ ก็ได้เสียวอยู่ แต่ยังไม่ได้ประตู
นาทีที่ 19 เป็นอีกครั้งที่โซเซียดัดได้ลุ้นประตูตีเสมอ จากลูกโยนของอิยาราเมนดี้ที่ครอสไปให้กับเกรียซมันน์ได้เทคขึ้นโหม่งบอลกำลังจะพุ่งเสียบเสา แต่โลเปซก็บินไปปัดทิ้งเอาไว้ได้ทันเวลาซะก่อน
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม ถ้าตัดประตูที่อิกวาอินทำไปได้นี่เรอัล มาดริดไม่มีโอกาสบุกไปซัดเจ้าบ้านเลยสักครั้ง แต่เป็นทางโซเซียดัดที่ลุยเอาๆ ขาดก็แต่การส่งบอลให้เข้าไปกระทบตาข่ายเท่านั้น
หลังจากได้ยิงอีก 2 ครั้งแล้วหลุดไปสำหรับเรอัล โซเซียดัด พวกเขาก็มาลุ้นเฉียดอีกจากอกีเรตเช่ที่ได้โขกในเขตโทษแต่ก็ถูกโลเปซเซฟเอาไว้ได้
เท่านั้นยังไม่พออีกหนึ่งนาทีต่อมา พวกเขาก็ได้โอกาสอีกครั้ง คราวนี้จากคาสโตรที่ขอลองส่องนอกกรอบดูบ้าง แต่แน่นอนว่าก็ยังกินโลเปซไม่ลงอยู่ดี
จบ 45 นาทีแรกลงไปชนิดที่ต้องบอกเลยว่าเรอัล มาดริดนำอยู่ได้ยังไงก็ไม่รู้เพราะโซเซียดัดมีโอกาสยิงเยอะเหลือเกิน ยังไงถ้าครึ่งหลังคมมากขึ้นกว่านี้ก็อาจจะทำให้มีโอกาสเก็บแต้มในเกมนี้ด้วย
กลับมาเล่นกันต่อในนาทีที่ 56 "โซเซียดัด" ถึงกับเงิบเลยเจอแบบนี้ เพราะครึ่งหลังพวกเขาก็ลงมาบุกหนักใส่ตามเดิม แ่ต่นอกจากยิงไม่ได้ ก็มาโดนเรอัล มาดริดทิ้งห่างไปเป็น 2-0 อีก จากจังหวะที่กัลเยฆ่อนได้แปเผาขนใกล้กว่าอิกวาอินลูกแรกเสียอีก ทำให้ทีมเยือนขยับนำห่าง เจ้าบ้านต้องทำอะไรบ้างแล้ว
และแล้วในนาทีที่ 64 โซเซียดัดก็มาทำประตูได้สักที แม้ว่ามันจะมาจากจุดโทษที่เคห์ดิร่าทำเสียให้ก็ตามและปรีเอโต้ก็รับหน้าที่สังหารส่งบอลหวดพุ่งไปคนละทางกับที่โลเปซเดา โซเซียดัดตามมาแล้วเป็น 2-1 ได้ลุ้นขึ้นมาหน่อย
อีก 5 นาทีต่อมา เพิ่งลงสนามก็มีลุ้นยิงประตูทันทีเลยสำหรับดิ มาเรียที่ถูกส่งลงไปแทนกาก้าแล้วรับบอลมาจากเคห์ดิร่าในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะได้ตะบันหมายประตู แต่ติดเซฟซะก่อน
เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้าย สถานการณ์ยังเป็นโซเซียดัดที่บุกได้มากกว่าอยู่ เพียงแต่ลูกฮึดที่พวกเขามีมาตลอดทั้งเกมนี้มันยังไม่พอ เพราะเมื่อเทียบกับโอกาสที่มีลุ้นนี่ประตูเดียวถือว่าน้อยไปจริงๆ
นาทีที่ 78 ในที่สุดความพยายามของโซเซียดัดก็สัมฤทธิ์ผลสักที เมื่อมาร์ติเนซเปิดบอลจากด้านข้างเข้าไปกลางเขตโทษและเป็นเกรียซมันน์ที่ซัดด้วยซ้ายส่งบอลกระแทกตาข่ายเข้าประตูไป เกมเสมอกัน 2-2
แต่แล้วดีใจได้แค่ 2 นาที โซเซียดัดก็มาเสียประตูไวจนใจหาย จากน้ำมือของเคห์ดิร่าที่มาแก้ตัวได้สำเร็จ เมื่อโอซีลจ่ายบอลทะลุำไปให้กับเขาได้ซัดในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากที่อิกวาอินยิงนัก ทำให้เรอัล มาดริดนำอีกรอบ 3-2
แต่แล้วความดราม่าที่เจ้าบ้านต้องการก็มาบังเกิดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 หลังจากพยายามลุยอยู่นาน โซเซียดัดก็ได้ประตูตีเสมออีกคำรบจากการยิงของปรีเอโต้ทีเหมา 2 ประตูในเกมนี้จากการโขกในระยะเผาขน
จบ 90 นาีทีเรอัล โซเซียดัดตามตีเสมอเรอัล มาดริดได้สำเร็จเป็น 3-3 อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขามีหนึ่งคะแนนเพิ่มมาในเกมนี้ ก่อนที่จะไปลุ้นในนัดสุดท้ายที่จะได้เจอกับเดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในขณะที่บาเลนเซียซึ่งมี 65 คะแนนเหนือกว่าอยู่ 2 แต้มนั้นจะได้เจอกับเซบีญ่า