เป็นการพลิกเกมชั่วพริบตาจริงๆ เมื่ออาร์เซนอลทำท่าว่าจะกลับมาได้ยากหลังโดนนอริชยิงขึ้นนำไปก่อน แต่พวกเขาก็มาได้จุดโทษในนาทีที่ 85 ก่อนกลายเป็นการจุดประกายไล่ยิงแซงในช่วงท้ายเพิ่มจบเกมชนะไป 3-1 ทะยานขึ้นที่ 3 สมใจเวนเกอร์ไปก่อนเลย
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 13 เมษายน 2556
อาร์เซนอล 3 - 1 นอริช ซิตี้
สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม ออกสตาร์ทเกมแรกมา "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลพยายามใช้ความต่อเนื่องที่พวกเขามีหลังจากเก็บชัยมาได้หลายนัดบุกเข้าใส่นอริช แต่ก็ยังไม่ได้มีจังหวะอะไรมากมายนัก แต่เดี๋ยวไว้เครื่องร้อนค่อยว่ากันอีกที
นาทีที่ 17 เรียกว่าขาดไปนิดเดียวเท่านั้นสำหรับจังหวะนี้ของแรมซี่ย์ที่นักเตะอาร์เซนอลชิ่งบอลกันมาอย่างสวย ก่อนที่จะจ่ายทะลุไปให้แรมซี่ยืที่หวังจะชาร์จให้ถึง แต่ดันโดนบล็อกเอาไว้ได้ก่อนซะนี่
นาทีที่ 23 เป็นจังหวะที่น่าจะได้ประตูของอาร์เซนอลจริงๆ กับการที่ซานญ่าได้บอลทางริมเส้น ก่อนเขาจะบรรจงตักเข้าไปที่เสาแรกให้กับชิรูด์ได้โหม่งสะบัด บอลผ่านมือผู้รักษาประตูไปแล้ว แต่ดันไปเช็ดคานออกหลังซะนี่
อีก 6 นาทีต่อมา ถ้าน้ำหนักดีกว่านี้หน่อยล่ะใส่สกอร์ได้เลยเหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ของแชร์วินโญ่ที่ควบไปเอาบอลที่เพื่อนจ่ายทะลุช่องมาให้ ก่อนจะแตะหลบผู้รักษาประตูไปได้แล้ว แต่แรงไปหน่อยจังหวะยิงเลยต้องซัดมุมโคตรแคบ บอลพุ่งผ่านหน้าประตูหลุดออกหลังไปเลย
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้ว ใครเป็นแฟนของสองทีมนี้โดยเฉพาะอาร์เซนอลแล้วคงจะอึดอัดน่าดู เพราะนอกจากโอกาสยิงจะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว เกมบุกของพวกเขาก็ดูจะทอนลงไปกว่าตอนแรหๆที่เห็นกันด้วย คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรให้ลุ้นมากนัก ทำให้จบ 45 นาทีแรก ทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ 0-0 ต้องดูว่าเกครึ่งหลังนี่อาร์เซนอลจะฮึดกันขึ้นไหมหลังจากบุกแล้วเจาะเอาไม่ได้
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 56 "เดอะ กันเนอร์ส" ถึงคราวอึ้งไปเลย เมื่อพวกเขาพยายามจะทำประตูให้ได้ แต่กลับมาโดนลูกฟรีคิกของนอริชเล่นงาน จากการเปิดของสน็อดกราสส์ที่โยนเข้าไปกลางเขตโทษ เป็นเทิร์นเนอร์ที่ขึ้นโขกแบบไม่เกรงใจใครได้เต็มหัวส่งบอลกระแทกตาข่าย นอริชขึ้นนำไปก่อนเลย 1-0
เป็นงานที่ไม่ง่ายเลยสำหรับอาร์เซนอล เพราะโอกาสของพวกเขาไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็มของเกมแล้วแต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะทำประตูได้ ต้องเร่งกันหน่อยแล้ว
นาทีที่ 72 อาร์เซนอลพอบุกไม่ขึ้นก็เกือบจะมาโดนหนุงอีกดอกแล้ว จากจังหวะที่นอริชทำกันได้สวย ก่อนไหลบอลทะลุช่องไปให้กับโฮลท์ที่พยายามยิงจังหวะแรกแม้จะเสียหลักแต่บอลพุ่งตรงกรอบ ถึงอย่างนั้นก็ไม่พ้นมือฟาเบียงสกี้ที่รับเข้าซองไม่มีหลุด
ต้องบอกว่าไม่เครียดสิแปลกสำหรับเวนเกอร์เมื่อนับกันในเวลาที่เป็นอยู่ ตอนนี้เหลทอไม่ถึง 15 นาทีให้ลุ้น แต่อาร์เซนอลยังทะลวงแนวรับของนอริชเข้าไปลุ้นประตูจังๆไม่ได้เลย หนักเอาการอยู่เหมือนกัน
นาทีที่ 78 ไอ้เราก็นึกว่าเข้าไปเสียบใต้คานแล้วสำหรับจังหวะนี้ของโพโดลสกี้ที่ชิรูด์พักอกต่อมาให้เขาได้ตวัดยิงเต็มตีนในเขตโทษ บอลพุ่งไปโดนปลายมือของบันน์ ก่อนที่จะเด้งชนคานดังสนั่น ไม่งั้นล่ะเสมอแน่ๆ
นาทีที่ 85 หวิดไปแล้วสำหรับอาร์เซนอล เพราะในที่สุดพวกเขาก็มาได้ประตูตีเสมอในช่วง 5 นาทีสุดท้าย จากจังหวะที่ไลน์แมนส่งสัญญาณบอกว่าชิรูด์โดนเหนี่ยวล้มลงในเขตโทษ ซึ่งเมื่อดูจากภาพช้าก็มีการเหนี่ยวจริงๆ แต่หนักเบาอันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ก่อนที่อาร์เตต้าจะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่มีเหลือ อาร์เซนอลเกือบตายตีเสมอได้สำเร็จ ซึ่งจังหวะนี้บันน์ผู้รักษาประตูของนอริชโดนใบเหลืองเพราะไปโวยไลน์แมนด้วย
อีก 3 นาทีต่อมา เกมเปลี่ยนไปทันทีทันใดเลยเพราะนอริชที่สมาธิยังกลับมาไม่ได้ก็มาพลาดท่าโดนการทำชิ่งของแชมเบอร์เลนกับโพโดลสกี้เล่นงาน ก่อนที่จะจ่ายยัดเข้าไปตรงกลางให้กับชิรูด์เข้าฮอสไม่มีเหลือ อาร์เซนอลพลิกเหลือเชื่อขึ้นมานำ 2-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเป็นการกลับมาอย่างหมดจดจริงๆสำหรับอาร์เซนอล เพราะพวกเขามาได้ประตูปิดกล่อง 3-1 จากจังหวะที่วัลค็อตต์ลากตัดบอลเข้ากลางก่อนที่จะไหลต่อให้โพโดลสกี้เกี่ยวบอลพลิกแล้วตวัดยิงจังหวะเดียวเสียบเสาโคตรสวยเข้าไป จบเกมอาร์เซนอลชนะ 3-1 ทำให้ตอนนี้พวกเขามีคะแนนเพิ่มเป็น 59 คะแนนและทะยานขึ้นไปสู่อันดับที่ 3 บนตารางพรีเมียร์ ลีกได้แล้วเลย
ส่วนนอริชนั้นพอแพ้เกมนี้ก็ต้องลุ้นกันต่อไปอีกเฮือกกับการหนีตกชั้น เพราะพวกเขามีคะแนนเหนือโซนอันตรายอยู่เพียงแค่ 4 แต้ม ขณะที่เหลือเกมอีก 5 เกมให้เล่น ยังไม่ปลอดภัยๆ