กลายเป็นงูเหลือมเชือกกล้วยไปเสียแล้วเมื่อ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ต้อนตือเอาชนะ "เซบีญ่า" ไปตามฟอร์มเดิม 4-1 "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" เหมาสามตุงจนสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชันแฮตทริคลาลีกาในรอบ 10 ซีซั่นหลังสุดด้วยจำนวน 17 ครั้งในเกมที่ร้อนฉ่ามีถึง 11 ใบเหลืองซึ่งรวมถึงผู้เล่นโดนไล่ออกสองคน
ฟุตบอลลาลีกา
วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556
เรอัล มาดริด 4 - 1 เซบีญ่า
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เปิดฉากช่วงครึงแรก "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริดที่ชนะเพียงเกมเดียวใน 4 นัดหลังสุดของทุกรายการออกสตาร์ทแมทช์นี้ด้วยการส่งกาก้าลงตัวจริงโดยมีอิกวาอินกับเบนเซม่าประสานงานแดนหน้าในภารกิจลดช่องว่างจากบาร์เซโลน่าให้เหลือต่ำกว่า 16 คะแนน
ขณะที่เซบีญ่ามีสถิติเลวร้ายเมื่อต้องเจอกับยอดทีมเมืองหลวงเพราะ 8 เกมหลังสุดแพ้ถึง 7 นัดเลยทีเดียว
เกมนี้เล่นมาถึงนาที 18 ก็มีประตูแรกเมื่อนาบาร์โร่สกัดลูกเปิดของโรนัลโด้ไม่ดีกลายเป็นตั้งให้เบนเซม่ายิงโคตรแม่จ่อแค่หลาเดียวเข้าไปอย่างง่ายดายให้"ราชันชุดขาว"ออกนำ 1-0 และเป็นประตูที่ 50 ในลาลีกาสำหรับกองหน้าเลือดเฟร้นช์
นาที 26 กาก้าไหลบอลมาให้โรนัลโด้โชว์สเต็ปหนีมาดูโร่ก่อนหวดด้วยอีซ้ายผ่านเบโต้เข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านทิ้งห่าง 2-0 นับเป็นลูกที่ 180 จาก 179 เกมของปีกโปรตุกีสในการมาเล่นกับ"โลส บลังโกส" ขณะที่มูรินโญ่ก็มีรอยยิ้มกับประตูที่ทีมได้ลูกนี้
แต่เซบีญ่าก็มีโอกาสทวงสกอร์คืนบ้างเช่นกันเมื่อนาบาสใช้ความเร็วกระชากผ่านโคเอนเตราก่อนเปิดเลียดมาให้เรเยสจับบอลหนึ่งจังหวะแล้วตะบันไปที่โคนเสาใกล้แต่โลเปซล้มตัวป้องกันเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่นาทีเบโต้ต้องมาแรงเซฟลูกยิงฟรีคิกของโรนัลโด้จนเสียเป็นลูกเตะมุมซึ่งพอโมดริชเปิดเข้ามาก็เป็นรามอสที่เทคตัวขึ้นโหม่งไปที่โคนเสาขวาแต่นายด่านทีมเยือนยังไวว่องพุ่งปัดออกหลังไปได้อีก ทำให้สกอร์ถูกหยุดเอาไว้ที่เรอัล มาดริดนำเซบีญ่า 2-0
เริ่มเกมช่วงหลังมาได้นาทีเดียวโรนัลโด้มากดลูกที่ 181 ให้เจ้าบ้านเมื่อรับบอลจากอาร์เบลัวก่อนหนีฟาซิโอเข้าไปกดเลียดสวนเบโต้เข้าไปเสียบโคนเสาขวาให้ทีมนำ 3-0 โดยที่"ราชันชุดขาว"มีสถิติไร้พ่ายในซานติอาโก้ เบร์นาเบวมา 22 เกมแล้ว
นาที 59 เมื่อลูกฟรีคิกของเรเยสถูกเคลียร์ทิ้งออกมา "ราชันชุดขาว"ก็มาได้ประตู 4-0 ในอีก 10 วินาทีให้หลังจากการโต้กลับเร็วที่โรนัลโด้ประสานงานกับอิกวาอินแล้วลงเอยด้วยการที่ปีกโปรตุกีสแปเข้าไปจากระยะเพียง 2 หลาเป็นแฮตทริคของเขาในเกมนี้
ที่น่าสนใจคือโรนัลโด้เป็นผู้เล่นที่ทำแฮตทริคมากกว่าใครเพื่อนในระยะ 10 ฤดูกาลหลังสุดด้วยจำนวน 17 หนมากกว่าลิโอเนล เมสซี่โคตรฟุตบอลของบาร์เซโลน่าที่ทำได้ 16 ครั้ง
อย่างไรก็ตามนาที 66 เรอัล มาดริดก็ต้องเหลือผู้เล่นเพียงสิบคนเมื่อิกวาอินไปรับใบเหลืองที่สองจากจังหวะตัดฟาวล์ใส่นาบาร์โร่ ซึ่งมูรินโญ่ก็ปรับทัพด้วยการส่งกาเญฆ่อนกับเปเป้ลงมาแทนเบนเซม่ากับกาก้าทันทีเช่นกัน
นาที 73 มานูลองยิงไกลไปติดเซฟของโลเปซซึ่งนายด่านเรอัล มาดริดตามตะปบลูกทันในจังหวะสองก่อนที่เนเกรโด้จะตามซ้ำ ขณะที่อีกไม่กี่นาทีถัดมามานูไหลบอลทะลุช่องให้เนเกรโด้ในเขตโทษแต่เพราะถูกอัลบิโอลเข้ามากดดันเลยซัดหลุดกรอบ
แต่แล้วนาที 80 เซบีญ่าก็มาเหลือนักเตะเพียงสิบคนเท่ากันเมื่อมาดูโร่ไปเข้าช้าใส่เอสเซียงจนผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่สองออกมาชูแล้วตามด้วยใบแดงไล่ออกจากสนามไปอีกคน
ทว่าก่อนหมดเวลาสามนาทีเดล โมรัลรับบอลจากนาบาร์โร่ก่อนลากผ่านอัลบิโอลเข้าไปในเขตโทษแล้วกดผ่านโลเปซเข้าไปกลายเป็นประตตีไข่แตกให้เซบีญ่าไล่ตาม 4-1 ก่อนลงเอยไปด้วยสกอร์ดังกล่าวทำให้เรอัล มาดริดไล่หลังบาร์เซโลน่าเหลือ 13 แต้มแต่เตะมากกว่า 1 นัด