ปิดฉากรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้า ลีกสุดสวยเลยทีเดียวสำหรับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ด้วยตำแหน่งที่หนึ่งหลังบุกเอาชนะ "อูดิเนเซ่" ที่เหลือกันแค่ 10 ตัวท้ายเกมจากประตูชัยชัยของ "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" ก่อนกอดคอกับ "อันจิ" เข้ารอบน็อกเอาท์
ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555
อูดิเนเซ่ 0-1 ลิเวอร์พูล เปิดฉากเริ่มเกมขึ้นมาในช่วงแรกเล่นกันมาถึง 10 นาทีแรกทั้ง 2 ทีมยังครองบอลบุกใส่กันแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่สามารถหาช่องเจาะตาข่ายกันได้มากนักแต่เมื่อมาถึงนาทีที่ 12 "หงส์แดง"ต้องเปลี่ยนตัวเร็วเพราะซาฮินมีอาการเจ็บเหมือนจมูกแตกจากจังหวะปะทะในช่วงต้นเกมจนต้องส่งเชลวี่ย์ลงสนามมาแทน
มาถึงนาทีที่ 15 ซูโซ่ลากบอลตัดเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนง้างยิงด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลไปติดเซฟของปาเดลลี่
นาทีถัดมาเป็นเจ้าถิ่นได้โต้กลับเร็วมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนได้เปิดบอลเข้ามาให้ราเนกี้ได้โขกตรงกลางประตูแต่โดนบางไปทำให้บอลเลยออกเสาสอง
มาถึงนาทีที่ 23 ลิเวอร์พูลได้ประตูที่ต้องการจนได้ในจังหวะที่ดาวนิ่งเปิดลูกเตะมุมมาให้ซัวเรซได้โหม่งต่อไปให้ซูโซ่ตรงเสาสองก่อนส่งคืนกลับมาให้เฮนเดอร์สันวิ่งเข้ามายิงนิ่มๆในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลพุ่งเข้าไปทางเสาแรกเป็นประตูนำให้ทีมและประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้ด้วย
เกมล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 34 แฟบบรินี่มีจังหวะลากเบียกกับอัลเลนตั้งแต่กลางสนามเข้าไปล็อคหลอกคาร์ราเกอร์หนึ่งจังหวะก่อนสับไกด้วยขวาระยะกว่า 25 หลาแต่ยังไม่ผ่านเรน่าที่้ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
"หงส์แดง"มีลุ้นอีกครั้งในจังหวะที่เอ็นริเก้ได้ลากบอลไถจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ามากลางหมายจะให้ซัวเรซเข้าชาร์จแต่ปาเดลลี่ยังออกมาตัดเอาไว้ได้หวุดหวิด
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีซัวเรซได้โอกาสยิงเต็มข้อในจังหวะที่ซูโซ่แทงบอลทะลุช่องมาให้เขาในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่คุมบอลไม่ดีทำให้บอลไม่เข้ากรอบ
ในช่วงนาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมก่นที่จะเปิดเข้ามากลางสนามให้ซัวเรซเบียดกับกองหลังเจ้าถิ่นกระเด็นไปก่อนมีโอกาสจักรยานอากาศซัดบอลเต็มๆแต่ไปตรงตัวของปาเดลลี่ที่ปัดออกหลังไปได้นิดเดียวไม่งั้นเสียบคานไปแล้ว
ออกสตาร์ทช่วงครึ่งหลังของเกมมาได้ 2 นาทีหอกฟันเหยิน "ซัวเรซ" พยายามลากบอลมาตรงกลางประตูก่อนถวายพานไปให้ซูโซ่หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่กลับยิงไม่ดีบอลปลิ้นหลังเท้าขวาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ถัดมาอีกนิดเดียวดาวนิ่งได้เติมขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางกองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ออกมาไม่ขาดซัวเรซวิ่งเข้ามาสับตูมเดียวนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงแต่หลุดคานไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 65 เฮนเดอร์สันเกือบบวกประตูที่ 2 ของตัวเองได้เมื่อวิ่งสอดเข้ามาตรงกลางประตูก่อนได้ยิงเต็มๆแต่กลับไปตรงตัวของปาเดลลี่ที่ปัดทิ้งไปได้อีกครั้ง
อะไรกันงานนี้....ซัวเรซได้บอลล็อคหนีกองหลังเจ้าถิ่นไปหมดแล้วได้ล่อเป้าปาเดลลี่โล่งๆหน้าปากประตูแต่ดาวยิงอุรุกวัยดันยิงไปติดเซฟเสียอย่างนั้นได้เพียงแค่ลูกเตะมุม
นาทีที่ 79 อูดิเนเซ่มาเหลือเพียง 10 คนจนได้เมื่อปาสกวาเล่มาได้ใบเหลืองที่ 2 จากจังหวะเข้าบอลทะเล่อทะล่าใส่สเตอร์ลิ่งที่พลิกบอลไปได้แล้วจนทำให้โดนตะเพิดออกจากสนามไปก่อนเพื่อน
แผงหลัง"หงส์แดง"ต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกโขเมื่อฟรานเชสโก้ กุยโดลินส่งไม้เด็ดอย่างอันโตนิโอ ดิ นาตาเลลงสนามมาหวังทวงประตูตีเสมอในช่วง 5 นาทีสุดท้าย
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายอูดิเนเซ่เกือบทำฝันของทีมเยือนล่มสลายเมื่อดิ นาตาเล่ที่เพิ่งได้ลงสนามมาเกือบโชว์ทีเด็ดกระหน่ำยิงเต็มๆตีนบอลผ่านเรน่าไปแล้วแต่กลับเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น
แต่จนแล้วจนรอด"หงส์แดง"ก็สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้พร้อมกับกอดคออันจิผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 32 ทีมสุดท้ายแม้ทีมจากรัสเซียจะโดนยัง บอยส์ถล่ม 3-1 ในเกมสั่งลาก็ตาม