ผู้เขียน หัวข้อ: "แฟทแมน" ซัดเบิ้ล~!! "ทัพผี" ยกพลบุกกระซวก "เรดดิ้ง" มันส์หยด 4-3  (อ่าน 880 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

ในเกมนี้นับได้ได้ว่าเป็นการแข่งขันที่บ้าระห่ำกันจริงๆเลยเมื่อ "ปีศาจแดง" ผลัดกันรับฟลัดกันรุกกับ "เรดดิ้"ง ยิงกันสนั่นหวั่นไหวถึง 7 ลูกใน 35 นาทีแรกแล้วปิดกล่อง ก่อนที่ "ปีศาจแดง" จะเฉือนชนะไปแบบเขียวช้ำ 4-3 ถือว่า 3 แต้มครองจ่าฝูง



พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2555
เรดดิ้ง 3 - 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม มาเดจสกี้ สเตเดี๊ยม

               "เร้ดดิ้ง" เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมครึ่งเวลาเเรกได้แค่ 8 นาที ก็มีการมอบโชคกันเกิดขึ้น เมื่อเรดดิ้งทำเกมขึ้นทางริมเส้น โยนเข้าไปตามสูตรหน้าประตู แต่อีแวนส์ดันสกัดไม่ดี บอลไม่หนีไปไหน เลยเข้าทางคานูที่เอี้ยวตัวรอวอลเล่ย์ซัดตูมเดียวส่งบอลพุ่งแทบจะทะลุตาข่าย เจ้าบ้านเฮฮาขึ้นนำเร็วมว๊าก 1-0

นาทีที่ 13 ไม่ต้องรอนามอินโทรโดนนำสไตล์ก็โผล่มาให้เห็นเลย เมื่อยังโชว์ความดีให้แฟนผีได้เห็นด้วยการไล่บอลทะลุช่องไปให้กับอันแดร์สันวิ่งสอดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะหวดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไป เฟเดนิชี่ปัดเอาไม่อยู่ แมนฯยูไนเต็ดตีเสมอเป็น 1-1 สวยน่าดูเลยสำหรับลูกนี้

อีกเพียงแค่ 3 นาทีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ประตูแซงนำอย่างรวดเร็วซะยิ่งกว่าการเสียประตู เมื่อพวกเขาได้จุดโทษจากการที่แท็ปป์ไม่ระวังดันไปทะเล่อทะล่าเข้าชนอีแวนส์ ทั้งที่ไอ้จ้อนทำแมวน้ำอะไรไม่ได้อยู่แล้วจนล้มคะมำ ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ ก่อนที่รูนี่ย์จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปชัดเจน ทีมเยือนพลิกนำเร็วมาก 2-1

นาทีที่ 19 อะไรจะเกมเปิดรวดเร็วอย่างกับฟุตซอลขนาดนี้ เมื่อมีประตูที่ 4 เกิดขึ้นทั้งที่เกมยังไม่ถึง 20 นาที จากความผิดพลาดในแนวรับของแมนฯยูไนเต็ดที่ตั้งรับกันไม่ดีในจังหวะเตะมุม เล ฟอนเดรได้วิ่งมาโขกคนเดียวโล่งๆเข้าประตูไป ไม่มีใครประกบสักนิด เสมอกันอีกครั้ง 2-2

นาทีที่ 24 อะไรจะเป็นการตั้งเกมรับที่ย่ำแย่ขนาดนี้ สำหรับแนวรับของแมนฯยูไนเต็ดที่มาเสียประตูจากลูกตั้งเตะเน้นๆ เต็มๆอีกครั้ง จากลูกเตะมุมเหมือนเดิมที่โยนเข้าไปแต่เปลี่ยนคนโหม่งเป็นมอร์ริสันก็ได้อัดเต็มเหน่งเข้าประตูไปเลย

แนวรับของแมนฯยูไนเต็ดเข้าขั้นเลวร้ายเลยจริงๆ เพราะโดนบอมบ์ไม่ว่าจะมาจากทิศทางไหนก็ทำท่าว่าจะป่วนไปซะหมด รวมทั้งลูกที่โดนโยนข้ามกองหลังเข้าไปกดดันในเขตโทษ ลินเดการ์ดก็ดันไปยืนตัวแข็งไม่ยอมออกมาตัดบอล หวิดเสียประตูไปอีก
 
นาทีที่ 30 ทำท่าจะเป็นฟุตซอลของแท้จริงๆ เมื่อแมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูตีเสมอ 3-3 จากการเริ่มต้นของยังคนเดิมที่ทำได้เยี่ยมยอดไหลบอลทะลุให้กับเอฟร่าควบไปเปิดหักเข้ากลางให้รูนี่ย์ตั้งป้อมยิงเน้นๆ ตีเสมอเป็น 3-3 ดูแล้วน่าจะยาว น่าจะเยอะได้อีก

อีกหนึ่งนาทีต่อมา ทำแบบนี้อาจส่งผลระยะยาวได้เหมือนกันสำหรับราฟาเอลที่ไปออกลูกไม่พอใจใส่เซอร์ อเล็กซ์หลังจากถูกถอดออกเร็ว เพราะเขาโดนเผาเครื่องจนโดนใบเหลืองไปแล้ว เสี่ยงต่อการถูกไล่ออก ตอนเดินออกนอกสนามหลังถูกแทนด้วยสมอลลิ่งเจ้าตัวเลยเมินที่จะจับมือกับเฟอร์กี้ แถมไม่สนใจใครดิ่งไปที่ม้านั่งสำรองทำหน้างอลตุ้บป่องเลย

นาทีที่ 35 เป็นเกมที่กองหลังแข่งกันห่วยหรือยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเรดดิ้งเช็กล้ำหน้าพลาด เพราะชอรี่ย์ไปยืนห้อยต่ำสุดอยู่ ทำให้ฟาน เพอร์ซี่ได้หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวยิงผ่านผู้รักษาประตูเข้าไป เป็นสกอร์ขึ้นนำ 4-3 ให้แมนฯยูไนเต็ด อะไรจะยิงกันเยอะขนาดนี้

นาทีที่ 40 น่าจะเป็นประตูที่ 5 ของแมนฯยูไนเต็ดจริงๆ เมื่อยังที่วันนี้ไม่รู้ไปกินยาอะไรมาเล่นดีเป็นพิเศษโยกยึกยักหลอกกองหลังแล้วโยนบอลเข้าไปเสาสองให้สมอลลิ่งได้ขึ้นโหม่งเน้นๆติดเซฟ แต่ฟาน เพอร์ซี่ตามซ้ำดอกสองได้ ก็กลายเป็นติดบล็อกไม่ได้

แต่ประเด็นมันอยู่ที่เมื่อดูจากภาพช้าแล้วบอลมันข้ามเส้นเข้าไปเต็มๆแล้ว แต่ลูกนี้ก็น่าเห็นใจผู้ช่วยผู้ตัดสินอยู่ เพราะลูกยิงมันเร็วและแรงมาก โทษกันคงไม่ได้ซะทีเดียว

ก่อนจบครึ่งแรกแมนฯยูไนเต็ดต้องใช้โควต้าเปลี่ยนตัวคนที่สอง เมื่ออันแดร์สันที่กำลังเล่นได้ดีดันบาดเจ็บขึ้นมาจนต้องส่งโจนส์ลงไปเล่นแทน จบ 45 นาทีในเกมสุดประหลาด แมนฯยูฯนำอยู่ 4-3 แต่ก็เป็นเกมที่เสีย 3 ประตูเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสเลยด้วย

               ลงเล่นครึ่งหลัง "ปีศาจเเดง" เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเยือนเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกมในช่วงครึ่งหลังผ่านไป 10 กว่านาทียังไม่มีประตูให้ไหลให้เห็นเหมือนอย่างในครึ่งแรกสำหรับคู่นี้ เพราะดูท่าทางกุนซือของทั้งสองฝ่ายคงไปติวกันมาอย่างดีแล้วว่าอย่าเละเทะเหมือนเดิมอีก

เข้าสู่หนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม ดูเหมือนว่าเรดดิ้งจะขยับระดับเกมของพวกเขาขึ้นมาได้ ดูเล่นกันแน่นขึ้นและได้ครองเกมเพิ่มมากขึ้นกว่าการที่ใช้ปีกสองข้างโจมตีอย่างเดียวเหมือนอย่างในครึ่งแรก

นาทีที่ 63 จริงๆแล้วน่าจะได้จบดีกว่านี้สำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเอฟร่ากระชากพาบอลขึ้นไปจนสุดเส้นหลังได้ ก่อนที่จะโยนยาวไปเสาสองให้รูนี่ย์เอาบอลพักลงแต่ไม่มีมุมเลยตอกกลับเข้ากลางเฟล็ตเชอร์ไปเล่นยากไขว้หลัง ไปๆมาๆ โอกาสจบเลยไม่ดีไม่มีซะเลย

อีก 5 นาทีต่อมา นี่มันเกมอะไรกันนี่ เพราะแมนฯยูไนเต็ดนึกว่าจะได้ประตูนำห่างให้อุ่นใจ เมื่อเฟเดริชี่ไปโชว์ล็อกบอลหลบแล้วไม่ผ่านไปโดนฟาน เพอร์ซี่ฉกไปได้ แต่กลายเป็นว่าแข้งดัตช์ยิงหักข้อไม่ดีทั้งที่ประตูโล่ง บอลหลุดกรอบออกไปเฉยเลย

นาทีที่ 74 ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่ยิงพลาดไหม แต่ที่แน่ๆฟาน เพอร์ซี่ถูกถอดออกไป ก่อนที่แมนฯยูไนเต็ดจะส่งเวลเบ็คลงไปยืนหัวหอกแทน ก็้องดูว่าจะมีการปรับแผนยังไงสำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายเชื่อว่าตอนนี้แฟนบอลที่ชมเกมอยู่อาจจะหวังให้มีประตูเพิ่มกันต่อ เพราะว่าหลังจากยิงกันเป็นชุดก็ไม่มีอะไรให้ได้เพิ่มเติมกันอีกเลยสำหรับคู่นี้

แม้ว่าจะหายเจ็บกลับมาลงช่วยทีมได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าโจนส์ต้องปรับจังหวะการเล่นของเขาให้มากกว่านี้ เพราะดูจะช้าไปหนึ่งถึงสองจังหวะอยู่ตลอด แถมน้ำหนักบอลก็ไม่ดีจ่ายเสียค่อนข้างบ่อยด้วย

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เฟอร์กูสันออกอาการหงุดหงิดชัดเจนกับการเล่นของลูกทีมในวันนี้ที่มักจะเสียบอลง่ายอย่างแรง บุกขึ้นไปแปบๆก็เสียบอลจนต้องถอยกลับไปรับกันอีกเหมือนเดิม

ช่วงท้ายเกมก็มีจังหวะที่เรดดิ้งได้กดดันจากลูกตั้งเตะเหมือนเดิม แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังเอาตัวรอดไปได้ ก่อนจะซิวชัยเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-3 เก็บ 3 คะแนนขึ้นไปยึดจ่าฝูงได้เหมือนเดิม โดยทิ้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอันดับ 2 เป็น 3 แต้มด้วยกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 02, 2012, 02:32:48 PM โดย Armin »
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา