"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เกือบทำเหล่า "เดอะ ค็อป" ทั้งหลายที่นั่งมองกันตาแป๋วเซ็งคาบ้านแอนฟิลด์อีกรอบหลังจากที่ฟอร์มในครึ่งแรกนั้นดูไม่จืดเลย แต่ยังดีที่มาได้ได้ทีเด็ด "หลุยส์ ซัวเรซ" ที่รับบทเหมาคนเดียวสองประตูก่อนที่ "โฆเซ่ เอ็นริเก้" มาปิดท้ายถล่ม "หมาป่า" วีแกน ไปแบบเละเทะ 3-0 ขยับจาก 13 ขึ้นมาอยู่ที่ 11 และประตูได้เสียเป็น "บวก" ครั้งแรกในฤดูกาลนี้อีกด้วย
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555
ลิเวอร์พูล 3-0 วีแกน แอธเลติก
สนาม แอนฟิลด์
ทีมอันดับ 13 อย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในลีกมา 6 นัดแล้วแต่ก็เก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 2 เกม และแถมยังไม่ชนะมา 5 นัดรวดรวมทุกรายการ ส่วนในเกมนี้ต้องเปิดบ้านรับมือกับ "หมาป่า" วีแกน แอธเลติก ที่ดูเหมือนจะแพ้ทางกันไม่ชนะมา 5 นัดตั้งแต่ปี 2009 โดยแบ่งเก็บการเสมอ 2 นัด และแพ้ถึง 3 นัดยามเจอกับลูกทีมของ "โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ"
ออกสตาร์ทเกมแรกมาได้ 5 นาที "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองเกมบุกใส่ตามความคาดหมายและได้ลุ้นยิงประตูในจังหวะแรกเมื่อโฆเซ่ เอ็นริเก้ตัดบอลได้กลางสนามก่อนลากขึ้นมาถึงระยะประมาณ 25 หลาพร้อมสับด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลพุ่งเลียดหลุดเสาขวามือออกไป
ถัดมาอีก 1 นาทีเป็นคราวของเจ้าหนูซูโซ่ได้โชว์บ้างเมื่อเกี่ยวพลิกบอลอย่างสวยกลางสนามก่อนลากหาแผงหลังของวีแกนจนถึงหน้ากรอบเขตโทษแต่ไม่มีตัวส่งทำให้เขาตัดสินใจยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังไปติดบล็อคของกองหลังทีมเยือนกระเด้งออกมา
นาทีที่ 9 "หงส์แดง"เกือบได้ประตูขึ้นนำสุดๆเมื่อหลุยส์ ซัวเรซได้บอลลากเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายโล่งๆก่อนเปิดเข้ากลางแต่โดนเบน วัตสันพุ่งเข้ามาสกัดออกหลังแบบหวุดหวิดจะเข้าประตูตัวเองเหลือเกิน
จากจังหวะเตะมุมสตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดลึกมาถึงเสาสองให้ดาเนี่ยล แอกเกอร์ที่ขึ้นมารอโขกได้โหม่งบอลแต่ยังไปติดอัล ฮับซี่ที่ปิดมุมเสาแรกเอาไว้
วีแกนมาได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 14 เมื่อพวกเขาพยายามต่อบอลขึ้นมาในแดนของเจ้าถิ่นก่อนที่โกเน่จะป้ายบอลกลับไปให้เบอเซชูร์ได้ตะบันด้วยขวาระยะไกลกว่า 30 หลาบอลพุ่งเข้าตรงกลางประตูแต่สูงไปนิดเดียว
สาวกเดอะ ค็อปในสนามเฮกันเก้อไปเลยในจังหวะสวนกลับที่ซัวเรซลากขึ้นมาจากกลางสนามก่อนปาดไปให้เอ็นริเก้ที่เติมขึ้นมาเบียดกับฟิเกรัวก่อนทิ้งตัวล้มลงไปในกรอบเขตโทษแต่เควิน เฟรนด์กรรมการทำเฉยไม่เป่าในจังหวะนี้
นาทีที่ 19 เปเป้ เรน่าได้ออกแรงเซฟครั้งแรกในจังหวะที่โกเน่ได้บอลเลี้ยงอยู่ระยะไกลกว่า 35 หลาซึ่งเจ้าตัวตัดสินใจลักไก่ยิงทันทีแต่มือกาวหัวใสยังไม่หลับขยับไปรับเอาไว้ได้ที่เสาขวามือ
นาทีที่ 21 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมด้านฝั่งขวาแต่โดนวีแกนสกัดออกมาได้บอลยังไม่พ้นอันตรายจอห์นสันรอเก็บตกอยู่บริเวณหัวกะโหลกก่อนตัดสินใจยิงเต็มข้อด้วยขวาทันทีแต่ยังโดนบล็อคออกไป
มาถึงตอนนี้"หงส์แดง"ได้บอลอย่างต่อเนื่องโดยในครั้งนี้เป็นซูโซ่ที่รับบอลมาจาก"หม่อมเหยิน"ก่อนยิงด้วยซ้ายข้างถนัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้ากลางประตูทำให้อัล ฮับซี่กระโดดปัดพ้นอันตราย
นาทีที่ 32 เกล็น จอห์นสันโชว์ลากบอลริมเส้นด้านซ้ายไปจนสุดเส้นหลังก่อนได้เปิดมากลางประตูบอลเลยซัวเรซที่อยู่เสาแรกมาถึงซูโซ่ที่ได้โหม่งคนเดียวแต่บังคับบอลไม่ดีลอยออกไปไม่ได้ลุ้น
และในจังหวะนี้เบน วัตสันมีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้มาร์ติเนซต้องเปลี่ยนเดวิด โจนส์ลงมาทำเกมแดนกลางแทน
เบรนแดน รอดเจอร์สตัดสินใจเปลี่ยนแท็กติกอย่างรวดเร็วโดยถอดซูโซ่ที่มีโอกาสเยอะในเกมนี้ออกหน้าตาเฉยแล้วส่งจอร์แดน เฮนเดอร์สันลงมาขันเกมกลางสนามให้แน่นขึ้นไปอีกในนาทีที่ 35
หลังจากนั้นไม่นานสตีเว่น เจอร์ราร์ดมีโอกาสได้ลองสับไกทำประตูครั้งแรกจากระยะประมาณ 25 หลาแต่บอลยังเหินข้ามคานออกไป
ก่อนหมดครึ่งแรก 3 นาที"เดอะ ค็อป"ใจหายใจคว่ำกันหมดในจังหวะส่งบอลคืนหลังไปให้เรน่าจับบอลหนึ่งจังหวะก่อนโชว์เบสิกล็อคหลบดิ ซานโต้ที่พยายามวิ่งเข้ามาแย่งได้อย่างหวุดหวิด
ถัดจากนั้นนาทีเดียวเจอร์ราร์ดแทงทะลุช่องไปให้ซัวเรซหลุดไปถึงเส้นหลังในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ดาวยิงอุรุกวัยจะตวัดจังหวะเดียวเข้ามาหน้าปากประตูให้เอ็นริเก้ที่สอดขึ้นมาได้จิ้มบอลระยะไม่กี่หลาตรงเสาแรกแต่ยังไปตรงตัวของอัล ฮับซี่
ช่วงทดเวลาบากเจ็บโจ อัลเลนดวงแตกสุดขีดกำลังแย่งบอลอยู่กับมาโลนี่ย์จนล้มลงไปทั้งคู่แต่ก่อนลงพื้นไปโดนส้นสตั๊ตของดาวเตะวีแกนเข้าเต็มหน้าผากถึงกับเลือดอาบกันเลยทีเดียวก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังนั้นความผิดพลาดของวีแกนทำให้ลิเวอร์พูลออกนำจนได้เมื่อสเตอร์ลิ่งฉกบอลส่งคืนหลังสั้นของเบอเซซูร์ได้ตรงริมเส้นด้านขวาก่อนเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโทษพร้อมตบกลัวมาให้ซัวเรซที่รออยู่กลางประตูซัดด้วยขวาบอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปเป็นประตูออกนำของเจ้าถิ่นในนาทีที่ 47 และเป็นประตูที่ 9 ของ"หม่อมเหยิน"ในพรีเมียร์ลีกขึ้นำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวอีกด้วย
ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ได้โอกาสลองส่องเป็นครั้งแรกของเกมจากระยะประมาณ 22 หลาบอลไปแฉลบสเคอร์เทลก่อนกระเด้งไปเข้าซองของเรน่าที่ปักหลักรับสบายในนาทีที่ 54
หลังจากนั้นนาทีเดียวสเตอร์ลิ่งได้เลี้ยงทะลุขึ้นไปริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางกองหลังวีแกนสกัดออกไปได้บอลมาถึงเฮนเดอร์สันวิ่งเข้ามายิงไม่จับในระยะ 25 หลาบอลพุ่งเลียดเฉี่ยวเสาซ้ายมือไปไม่กี่หลา
นาทีที่ 58 "หงส์แดง"ทะยานนำ 2-0 จนได้ในจังหวะที่เอ็นริเก้ลากบอลจากริมเส้นด้านซ้ายตัดเข้ามากลางสนามก่อนทิ่มจังหวะเดียว"หม่อมเหยิน"หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับอัล ฮับซี่โดยเขาจิ้มด้วยหัวเกือกขวาบอลลอยเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงามเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัว
ซัวเรซกำลังคึกจัดทำชิ่งกับสเตอร์ลิ่งหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะจิ้่มบอลไปตรงกรอบแต่ยังติดบล็อคออกหลังไปอีกครั้งในนาทีที่ 62 จากลูกเตะมุมเจอร์ราร์ดเปิดเข้ามาแต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ริมเส้นฝั่งขวาของ"หงส์แดง"วันนี้อันตรายจริงๆซึ่งทำให้พวกเขาได้ประตูทิ้งห่างเป็น 3-0 ในจังหวะที่สเตอร์ลิ่งทำชิ่งกับซัวเรซเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนปีกอพอลโล่ยิงไปติดมือของอัล ฮับซี่แต่เอ็นริเก้ยังเร็ววิ่งเข้ามาตามซ้ำระยะ 2 หลาไม่เหลือในนาทีที่ 65
หลังจากได้ประตูทิ้งห่าง 3-0 "หงส์แดง" ยังดาหน้าทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องแต่จังหวะจบยังไม่เด็ดขาดทำให้สกอร์ที่ 4 ของพวกเขายังไม่ตามมาขณะที่วีแกนเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสสวนกลับมาเท่าไรนักเหมือนกัน
นาทีที่ 77 จอห์นสันเลี้ยงเดี่ยวขึ้นมาจากริมเส้นด้านซ้ายของแดนตัวเองก่อนมาถึงระยะทำการ 20 หลาซึ่งเขาบรรจงยิงด้วยซ้ายบอลบดไปหน่อยแถมหลุดเสาแรกไปอีกต่างหาก
นาทีที่ 81 ซัวเรซรับบอลจ่ายทะลุช่องมาจากเอ็นริเก้ในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดยิงเร็วด้วยเท้าซ้ายทันทีแต่บอลผ่านหน้าปากประตูออกไป ซึ่งในจังหวะนี้รอดเจอร์สตัดสินใจถอดแอกเกอร์ออกจากสนามแล้วให้คาร์ราเกอร์ลงมาแทน
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม"หงส์แดง"ดูจะกำชัยชนะไว้ในมือได้แน่นอนแล้วโดยพวกเขาพยายามครองบอลเอาไว้ขณะที่วีแกนก็ไม่มีจังหวะยิงมากมายอะไรนักก่อนที่ลิเวอร์พูลจะคว้าชัยในบ้านนัดที่ 2 ของฤดูกาลได้สำเร็จและเป็นชัยชนะนัดแรกในรอบ 4 นัดอีกด้วย