ผู้เขียน หัวข้อ: "หงส์แดง" เจอบอลนักโทษ~!! โดน "หม้อ" ไล่หวดเจ๊าคาบ้านโนสกอร์  (อ่าน 781 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

นัดนี้ถือว่าเจอบอลนักโทษเลยทีเดียวสำหรับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ถูก "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ตามหวดเกือบทั้งเกมสุดท้ายเสมอ 0-0 ในแอนฟิลด์ยังต้องควานหาชัยชนะในบ้านตัวเองต่อไปก่อนรั้งอันดับ 14



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2555
 ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้ 
สนาม แอนฟิลด์

กุนซือตาหวาน "เบรนแดน รอดเจอร์ส" ยังวางใจใช้นักเตะพลังหนุ่มลงสนามนำโดย อันเดร วิสดอม, ซูโซ่ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ส่วนขุมกำลังหลักยังเป็นหน้าที่ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่รับหน้าที่คุมแดนกลางคู่กับ โจ อัลเลน และ นูริ ซาฮิน โดยมีหัวหอกฟันยื่นอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ลงล่าตาข่าย

                ออกสตาร์ทมาในช่วงต้นเกมของทั้งคู่ยังแทบไม่มีจังหวะอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่ได้เสียวเป็นลูกที่ซาฮินวางยาวข้ามฝากมาให้ซัวเรซดูดลงเกือบๆปีกซ้ายก่อนลากยึกยักหลอกคาเมรอนสองหนตรงเส้นหลังจนล้มลุกคลุกคลานแล้วปาดมาให้ซาฮินตั้งเท้ายิงแต่ไปติดสเตอร์ลิ่งพวกเดียวกันอย่างน่าเสียดาย

นาที 15 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะเปิดเข้ามาวัดดวงน่าลุ้นและเป็นวีแลนที่ปั่นไซด์มาที่จุดนัดพบบอลหลุดมาถึงเสาสองกำลังจะเข้าทางปืนเพื่อนร่วมทีมแต่สเคอร์เทลตวัดทิ้งแบบหวุดหวิดสุดๆ

นาที 20 เรน่าทำเอาเดอะ ค็อปหัวใจแทบวายหลังออกบอลเลียดหน้าประตูตัวเองให้เพื่อนแต่ตรงนั้นมีผู้เล่นสโต๊คยืนแทบจะดูดปากกันเลยถูกตัดได้ก่อนที่วอลเตอร์สจะรับหยอดชิพหมายข้ามหัวแต่โกล์เชิญยิ้มถอยหลังปัดทิ้งยอมเสียเตะมุมก่อนแก้เขินด่าเพื่อนทำไม้ทำมือว่าพวกมึงทำไมไม่ขยับมาเอาบอล

เกมของ"หงส์แดง"ไม่ได้เหนือกว่าสโต๊คเลยเพราะเจอเข้าเร็วถึงเนื้อถึงตัวแต่กรรมการก็เริ่มปกป้องบ้างแล้วหลังให้ใบเหลืองไนท์ลีย์ที่ไปเสียบใส่อัลเลนจนล้มหัวทิ่มแต่นาที 26 เศษๆเจอร์ราร์ดเห็นเจาะยากแล้วได้บอลไร้ตัวเข้าประกบเลยลากมายิงไกล 25 หลาบอลพุ่งสุดแรงแต่เบโกวิชพุ่งปัดทิ้งข้างเสา สุดยอดทั้งคู่

อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นได้เสียวอีกหนหลังซูโซ่พยายามยิงไกลแต่บอลติดบล็อกแล้วมาเข้าทางอีกหนคราวนี้เลยหยอดเข้าเขตโทษเป็นแอกเกอร์ที่สอดมาสไลด์แหย่สุดปลายขาบอลค่อยๆกลิ้งออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 33 ทีมเยือนจ่ายบอลเสียกลางสนามเจอร์ราร์ดโชว์ดักบอลแล้วแทงให้ซัวเรซแตะอ้อมตัวฮูธที่สไลด์ทิ้งตัวกะเอาให้ขาขาดแต่พอเหยินเบี่ยงหลบเจอกวาด กรรมการชักใบเหลืองทันทีเพราะเป็นจังหวะกำลังจะหลุดไปทำประตู

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซูโซ่จ่ายบอลทะลุช่องให้ซัวเรซเบียดผ่านกองหลังเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายเบโกวิชพุ่งออกมารับทั้งบอลทั้งขาของ"หม่อมเหยิน"ก่อนลุกขึ้นมาต่อว่าเล็กน้อยที่ดาวยิง"หงส์แดง"ไม่ยอมแตะเบรกก่อนที่จะหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

              เปิดฉากมาในช่วงของครึ่งหลังฝั่งเจ้าถิ่นโหมบุกด้วยสไตล์การทำชิ่งเนียนตามากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังแค่ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากเขตโทษของสโต๊คยังไม่มีโอกาสได้จบแบบจะแจ้งมากนักและในนาทีที่ 50 เกล็น จอห์นสันทนต่อบอลไม่ไหวลองลักไก่ยิงไกลจากนอกเขตโทษเบโกวิชล้มตะครุบไว้ได้

ถัดมาอีกไม่กี่นาทีเจอร์ราร์ดได้บอลกลางสนามก่อนมองไกลและจ่ายคิลเลอร์พาสไปให้จอห์นสันที่เติมหน้าตั้งขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ตะยิงบอลเร็วข้ามคานออกไป

ผ่านมา 1 ชั่วโมงเต็มเกมยังคงอึดอัดอย่างยิ่งเพราะลิเวอร์พูลครองบอลได้แทบจะหมดก็จริงแต่ยังไม่อาจมีจังหวะเข้าทำสวยๆได้แค่ผ่านบอลกันไปมาแล้วก็มาเสียในจังหวะสุดท้ายเท่านั้น

น. 61 ซัวเรซโชว์จังหวะพ่อเลี้ยงอีกแล้วเมื่อได้บอลตรงกลางสนามก่อนก้มหน้าเลี้ยงตามสไตล์ผ่านกองหลังของสโต๊ค 2-3 คนที่สกัดไม่อยู่ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงกลับเสียหลักนิดๆทำให้อัดด้วยซ้ายบอลข้ามคานออกไป

เกมยังดูตื้อๆสำหรับเจ้าถิ่นทำให้รอดเจอร์สจำเป็นต้องแก้เกมบ้างด้วยการส่งโจ โคลที่หายจากอาการเดี้ยงยาวกลับมาลงสนามแทนซูโซ่ที่เล่นได้เด่นเหมือนกันในแมตช์นี้ในนาทีที่ 67

น. 71 แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกไร้จินตนาการไม่ไหวจัดการลากบอกขึ้นมาสอนวิธีเล่นเกมบุกและสามารถลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนปาดบอลมาถึงเสาสองให้สเตอร์ลิ่งที่ยืนอยู่โล่งๆตัดสินใจแปด้วยขวาทันทีบอลผ่านเบโกวิชไปแล้วแต่ดันไปชนโคนเสาออกหลังไป

เป็นจังหวะที่ซัวเรซพยายามเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือนเข้าไปในกรอบเขตโทษและพยายามล็อกบอลกลับมาด้านหลังซึ่งชอว์ครอสส์เอาเท้าไปเกี่ยว"หม่อมเหยิน"แบบแทบไม่โดนทำให้ดาวเตะอุรุกวัยพุ่งล้มทันทีแต่ไร้เสียงนกหวีดของกรรมการ

หลังจากนั้นซัวเรซก็ได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนก้มหน้ายิงมุมแคบแต่บอลไปโดนเสาดังสนั่นออกหลังไปอีกครั้ง

ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลุ้นประตูอย่างที่สุดในจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกไกลร่วม 40 หลามาให้สเคอร์เทลที่อยู่เสาไกลเบียดกับกองหลังสโต๊คก่อนเกี่ยวบอลผ่านปากประตูที่มีซัวเรซยืนอยู่แต่เข้าไม่ถึงบอลผ่านออกหลังไปในช่วงนาทีสุดท้ายของเกมก่อนจบด้วยการเจ๊าแบบไร้สกอร์โดย"เดอร์ พ็อตเตอร์ส"เก็บใบเหลืองใส่หม้อกลับไป 5 ใบด้วยกัน
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา