ผู้เขียน หัวข้อ: "หนูโด้" ซัดแฮททริค~!! "ชุดขาว" โคตรดุกระซวก "เดปอร์" ไส้แตก 5-1~!!  (อ่าน 986 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

แข้งพันล้าน "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" สวมบทโหดโดยเหมายิงจุดโทษ 2 ลุกบวกกับลูกโหม่งอีก 1 ส่งให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ไล่ยิงแซงชนะ "เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า" 5 เม็ดรวดซิว 3 แต้ม ไล่หลัง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เหลือ 8 แต้มเหมือนเดิม



ลา ลีกา สเปน
วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2555
เรอัล มาดริด 5-1 เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

กุนซือ เดอะ สเปเชี่ยล วัน "โจเซ่ มูรินโญ่" ต้องคว้า 3 แต้มให้ได้เพื่อทำคะแนนไล่ "บาร์เซโลน่า" ที่เก็บชัยในเกมเหนือ "เซบีย่า" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยจัดแนวรุกเต็มสูงเป็น "ลูก้า โมดริช,เมซุต โอซิลและคริสติอาโน่ โรนัลโด้" เป็นตัวชูโรงและมี "กอนซาโล่ อิกวาอิน"  คอยค้ำอยู่ด้านหน้า

              เปิดฉากมาในเกมแรก "ราชันชุดขาว" เป็นฝ่ายครองเกมบุกเป็นส่วนใหญ่แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของทีมเยือนได้และเป็นริกิที่ได้บอลจากจังหวะขึ้นเกมด้านขวาของสนามหลุดแผงกองหลัง"ราชันชุดขาว"เข้าไปจิ้มด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษผ่านมือของอีเคร์ กาซียาสที่ออกมาบล็อกไม่ทันบอลค่อยๆกลิ้งเข้าเสาสองไปอย่างส่วยงามส่งให้"ซูเปอร์ เดปอร์"ขึ้นนำก่อนอย่างเหลือเชื่อ 1-0 นาทีที่ 15

หลังจากเสียประตูเกมของเรอัล มาดริดก็ยังไม่ดีขึ้นแต่ลา คอรุนญ่าต้องมาเสียจุดโทษแบบไม่คาดฝันเมื่ออังเคล ดิ มาเรียลากบอลตัดเข้าเขตโทษด้านซ้ายจนถึงเส้นหลังก่อนโดนมานูเอล ปาโบลแหย่เท้าสกัดด้านหลังจนล้มลงกรรมการเป่าเป็นลูกฟาวล์พร้อมใบเหลือทันที

คริสติอาโน่ โรนัลโด้เป็นคนหยิบบอลขึ้นมารับหน้าที่สังหารเองและดาวเตะโปรตุเกสก็ไม่ทำให้เพื่อนต้องผิดหวังเมื่อวิ่งเหยาะๆมาแปด้วยขวาไปทางขวามือของตัวเองบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายอย่างสวยงามโดยที่ดาเนียล อรันซูเบียพุ่งไปคนละทาง

หลังจากได้ประตูตีเสมอมาดริดกลับมาเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อย่างหนักหวังยิงแซงนำให้ได้แต่กองหลังของทีมเยือนก็ยังแพ็คประตูหน้าบ้านได้อย่างแน่นหนาจนเจ้าถิ่นแทบไม่มีจังหวะหลุดเข้าไปหาโอกาสส่องประตูเลย

มาถึงนาทีที่ 38 ความพยายามของเจ้าถิ่นก็เป็นผลเมื่อลูก้า โมดริชโชว์ลูกจ่ายคิลเลอร์พาสสุดสวยจากกลางสนามไปให้อังเคล ดิ มาเรียที่วิ่งหนีตัวประกบเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนจิ้มบอลจังหวะเดียวสวนตัวของอรันซูเบียที่พยายามออกมาบล็อกแต่บอลยังกระดอนหน้าปากประตูทำให้ดาวเตะอาร์เจนไตน์ต้องเข้าไปโหม่งซ้ำเข้าประตูไปทำให้มาดริดพลิกสถานการณ์ขึ้นมานำ 2-1

ก่อนหมดครึ่งแรกมาดริดมาได้ประตูทิ้งห่างอีกลูกจากจังหวะที่กองหลังของคอรุนญ่าโหม่งสกัดไม่ดีบอลเลยมาถึงเซอร์คิโอ รามอสที่แอบขึ้นมาบริเวณกรอบเขตโทษด้านชวาก่อนสับไกเต็มข้อบอลพุ่งเข้ากรอบแต่เป็นอรันซูเบียที่ปัดได้ทว่าบอลยังไม่พ้นอันตรายก่อนไปเข้าหัวของโรนัลโด้ที่วิ่งขึ้นมาโถมโหม่งในกรอบ 6 หลาเข้าประตูไปและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 3-1

             ต่อมาในช่วงครึ่งหลังของเกม "มูรินโญ่" ตัดสินใจส่งกาก้าลงสนามเป็นแมตช์แรกของซีซั่นนี้แทนตำแหน่งของเมซุต โอซิลเพลย์เมคเกอร์เยอรมนีที่โดนใบเหลืองในครึ่งแรกได้โอกาสออกไปพักก่อนเพื่อน

ผ่านไป 10 นาทีของครึ่งหลังมาดริดมีโอกาสได้ประตูที่ 4 จากจังหวะเตะมุมที่รามอสขึ้นโขกหน้ากรอบเขตโทษบอลตกมาที่โรนัลโด้ที่ยืนหันหลังให้ประตูพยายามดึงบอลลงหาจังหวะยิงแต่โดนกองหลังของคอรุนญ่าเตะทิ้งออกไปได้ก่อน หลังจากนั้นมูรินโญ่ตัดสินใจส่งซาบี อลอนโซ่ที่วันนี้เป็นเพียงตัวสำรองลงสนามแทนตำแหน่งของโมดริชที่เล่นได้ดีในเกมนี้

ลงมาไม่ถึงนาทีอลอนโซ่ก็โชว์ทีเด็ดทันทีเมื่อกาก้าผ่านบอลมาให้กลางสนามให้เขาวิ่งเข้าปั่นด้วยขวาตามถนัดแต่บอลยังไม่หนีมือของอรันซูเบียที่พุ่งสุดตัวปัดออกหลังไปได้หวุดหวิด

เกมมาถึงนาทีที่ 66 มาดริดขึ้นนำเป็น 4-1 จนได้เมื่อซาบี อลอนโซ่ได้เปิดฟรีคิกบริเวณริมเส้นด้านซ้ายไปกลางประตูให้เปเป้ที่ขึ้นมารอพุ่งโหม่งจมตาข่ายเข้าไปหลังจากนั้นอีกเพียงนาทีเดียวโรนัลโด้ได้บอลตอกส้นมาจากกาก้าก่อนอัดด้วยขวาแต่อรันซูเบียยังตะปบเอาไว้ทัน

หลังจากได้ประตูที่ 4 มาดริดก็ผ่อนเกมลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะมามีโอกาสอีกครั้งช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมกาก้าได้บอลบริเวณกรอบเขตโทษด้านขวาและพยายามเปิดบอลเข้าไปกลางประตูแต่ไปโดนมือของเอวัลโด้เป็นจุดโทษของเจ้าถิ่นอีกครั้งและโรนัลโด้ก็รับหน้าที่สังหารไปทางซ้ายมือของตัวเองบอลชนโคนเสาเข้าประตูไปซึ่งนับเป็นแฮททริคของเจ้าตัวด้วย

เมื่อได้ประตูที่ 5 มาดริดก็เคาะบอลกกันไปมาตามสบายก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันด้วยสกอร์ที่เจ้าถิ่นชนะ 5-1
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา