พิมพ์

[Armin]

เป็นเทพบุตรหล่อมาแต่ไกลเลยสำหรับ "เชโก้" ที่ลงมาในสนามไม่ถึงนาทีแท้ๆแต่กลับยิงประตูชัยช่วยให้ทีมพลิกแซงเอาชนะ "เจ้าสัว" ฟูแล่ม ไป 2-1 แบบเสียวไส้ คว้า 3 คะแนนสลัดฟอร์มเอื่อยได้ซักที



พรีเมียร์ ลีก
ฟูแล่ม 1 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม คราเวน คอจเทจ

"เจ้าสัว" ฟูแล่ม ต้องลงเจอกับแชมป์เก่าอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่ไม่มีหัวหอกตัวเก่งของพวกเขาอย่าง "เบอร์บาตอฟ" ที่มีอาการบาดเจ็บไปในการซ้อมเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ส่วนทางทีมเยือนอย่าง "ซิตี้" กุนซือมาดเท่ "มันชินี่" จัดเต็มด้วยการส่งทั้ง "เตเบซ" และ "อเกวโร่" ลงล่าตาข่ายรวมกัน หัวใจสำคัญในแดนกลางยังคงเป็น "ยาย่า" และตัวปั้นเกมอย่าง "ซิลบา" ก็ด้วย

                เปิดฉากมาในช่วงครึ่งแรกต้องตกเป็นประเด็นต่อเนื่องแน่นอนสำหรับ "ฮัลซี่ย์" ผู้ตัดสินในเกมนี้ เมื่อเขาเป่าให้จุดโทษแกฟูแล่มทั้งที่เป็นการปะทะซึ่งบอกได้เลยว่าเบาบางมากๆของซาบาเลต้าในจังหวะเหมือนจะเหนี่ยวรีเซ่ล้มลงในกรอบเขตโทษ ก่อนที่เปตริซจะรับหน้าที่ซัดเข้าไป ฮาร์ทพุ่งเดาผิดทาง เจ้าบ้านนำแบบงงๆ 1-0 ในนาทีที่ 10

นาทีที่ 15 เป็นการขึ้นเกมที่สวยเลยสำหรับฟูแล่ม เมื่อโรดาลเญก้าฉีกไปเอาบอลทางกราบซ้าย ก่อนดึงจังหวะรอแล้วแทงกลับเข้ากลางให้เปตริซที่ยืนขอบอลอยู่นานได้ตั้งป้อมยิง แต่เหมือนจังหวะกับตำแหน่งมันไม่เป๊ะ บอลเลยแป้กหลังเท้าหลุดข้ามไปไกลโพ้น

ช่วงต้นเกมเหมือนมีอาการติดขัดแปลกๆสำหรับแมนฯซิตี้ที่ปกติแล้วเกมรุกของพวกเขาจะแน่นเป๊ะกว่านี้ แต่นัดนี้ต่อกันไม่ค่อยติด พาบอลขึ้นหน้าได้ ก็ไร้ซึ่งการสนับสนุนหรือไม่ก็จ่ายเสียกันไปเอง

นาทีที่ 29 จริงๆแล้วถ้าเห็นบอลถนัดๆก่อนหน้านี้อาจจะลุ้นได้มากขึ้น สำหรับอเกวโร่ที่ไปยืนรอเสาสอง เก็บตกบอลที่หลุดผ่านมาจากการเตะมุมแบบไม่ได้ตั้งใจ เลยพยายามจะสะบัดหัวโหม่งให้ตรงกรอบ แต่ทำให้ได้ลุ้นๆนิดๆ เพราะบอลเข้าข้างตาข่าย

อีก 3 นาทีต่อมา ร้องเหมือนกันสำหรับแมนฯซิตี้ ในจังหวะที่พวกเขาพาบอลขึ้นหน้า ก่อนแบร์รี่จะแทงทะลุช่องหวังให้เตเบซได้หลุดเข้าในกรอบเขตโทษ แต่รีเซ่มีเหนี่ยวเอาไว้ ทำให้แข้งอาร์เจนไตน์ล้มเกลียว ถึงอย่างนั้นฮัลซี่ย์ก็ไม่เป่าให้ เนื่องจากมองว่าบอลมันอยู่ห่างเกินกว่าที่เตเบซจะวิ่งไปเก็บตกได้แล้วอะไรประมาณนั้น

นาทีที่ 39 น่าจะเป็นประตูตีเสมอของแมนฯซิตี้จริงๆกับจังหวะที่ซาบาเลต้าควบกระชากพาบอลหนีกองหลังไปได้ ก่อนที่จะเปิดยัดเข้ากลางให้อเกวโร่เบียดชาร์จกับกองหลัง บอลกระเด้งปลิ้นกำลังจะข้ามเส้นประตู แต่ชวาร์เซอร์ก็พุ่งเข้าไปคว้าและกอดบอลเอาไว้ได้ตรงเส้นพอดิบพอดี

นาทีที่ 43 เหมาะกว่านี้ไม่มีอีกแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ที่ได้ประตูตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรก ในจังหวะยิงยัดจากด้านข้าง ซิลบาพุ่งเข้าแปบอลเปลี่ยนทาง ชวาร์เซอร์โชว์เจ๋งปัดเอาไว้ได้ แต่ไม่พ้นเงื้อมมือของอเกวโร่ที่รอเก็บตกตามเข้าซ้ำไม่มีเหลือ เกมเสมอกัน 1-1 และคงจะเป็นเช่นนี้จนกระทั่งครึงหลัง

               ลงมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังเริ่มมา 10 กว่านาที เป็นแมนฯซิตี้ที่เล่นกันได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ต่อบอลกดดันฟูแล่มแบบต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รุกเร่งมากนัก ใช้การครองบอลค่อยๆนวดหาโอกาสแบบไม่รีบ เพราะไม่งั้นอาจโดนสวนมีร้องได้เหมือนกัน

นาทีที่ 60 สงสัยต้องเท้าอย่างเดียวสำหรับอเกวโร่ เมื่อเขามีโอกาสที่จะโหม่งเพื่อบวกประตูให้กับทีมได้อีก แต่คราวนี้ก็เหมือนครึ่งแรกที่โขกบอลไปแล้วมันไม่ตรงกรอบ

อีก 6 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้ต้องขอปรับแท็คติกเพื่อหวังผลให้ได้มากขึ้น เมื่อพวกเขาส่งตัวบาโลเตลลี่ลงไปเล่นแทนเตเบซที่พยายามตามสไตล์ของตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ได้สำหรับเกมนี้

เรื่องการครองบอลนี่ไม่ต้องห่วงเลยสำหรับแมนฯซิตี้ เพราะครึ่งหลังแทบจะเป็นการเล่นวันเวย์ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว แต่ปัญหาของพวกเขาที่จะทำให้พลาดชัยชนะในเกมนี้ไปคือมิติในการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายที่ยังทะลวงแนวรับของเจ้าบ้านไม่ได้

นาทีที่ 73 เจ็บมือแืทนเลยสำหรับฮาร์ทในจังหวะที่รุยซ์ไปยืนซุ่มอยู่แถวสอง เก็บตกบอลที่เพื่อนเปิดแฉลบจากด้านข้างมาได้ ก่อนจะอัดเต็มตีน บอลพุ่งแรงโคตรๆ ไม่ห่างตัวจริงก็จริง แต่จังหวะเซฟนี่มันหนักแน่นเต็มมือสุดๆ รอดไปเลยสำหรับทีมเยือน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีจังหวะเปิดติดมือของซาบาเลต้าด้วย แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร

อีก 3 นาทีต่อมา ยังไงก็ต้องใส่ต่อเท่านั้นสำหรับแมนฯซิตี้เพราะพวกเขาต้องการ 3 คะแนนในเกมนี้อย่างยิ่ง ส่งตัวนาสรี่ลงสนาม โดยถอดเอาแบร์รี่ซึ่งหนักในเกมรับออกไป

ตอนนี้ดูท่าทางมันชินี่จะร้อนรนสุดๆ เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ลูกทีมของเขาก็ต้องเจอกับความกดดันในการที่จะคว้าชัยชนะให้ได้มากขึ้นไปอีก แต่ดูจากโอกาสแล้วก็ถือว่ายังลุ้นยาก แถมบาโลเตลลี่ที่ส่งลงไปก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก

นาทีที่ 87 เป็นซูเปอร์ซับที่สุดยอดจริงๆสำหรับเชโก้ที่เพิ่งลงสนามไปได้ไม่กี่วินาที แต่เขาก็กลายเป็นซูเปอร์ซัพช่วยให้ทีมพลิกขึ้นนำได้ จากจังหวะที่กองหลังฟูแล่มเคลียร์ไม่ดี บอลเข้าทางเลยเจอตวัดยิงสวนโป้งเดียวหาย แมนเชสเตอร์ ซิตี้พลิกนำ พร้อมคงสกอร์ไว้จนจบ 90 นาที สามารถคว้า 3 คะแนนแรก พลิกฟื้นฟอร์มอืดที่มีก่อนหน้านี้มาได้สำเร็จ พร้อมวิ่งไล่ล่าการป้องกันแชมป์ให้ได้ต่อไป