พิมพ์

[Armin]

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ยังคงเร่งฟอร์มไม่ขึ้น เล่นกันไม่ค่อยจะเข้าขาแถมยังไร้ซึ่งการจบสกอร์อันเฉียบขาดในแดนหน้า ทำให้ทำได้แค่เสมอกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ไปแบบเอื่อยเฉื่อย 0-0 สองเกมเสมอรวด 



พรีเมียร์ ลีก
สโต๊ค ซิตี้ 0 - 0 อาร์เซนอล
สนาม บริตทาเนีย สเตเดี๊ยม

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ต้องเจอกับคู่ปรับสุดเขี้ยวที่เคี้ยวกันไม่ค่อยลงมาตลอดอย่าง "ช่างปั้นหม้อ" โสต๊ค ซิตี้ แถมต้องออกมาเยือนด้วย ดูแล้วไม่น่าจะใช่งานง่ายเป็นแน่ที่จะเก็บคะแนนออกไปได้

               เปิดฉากเริ่มเกมมาก็นึกว่าจะโดนเร็วซะแล้วสำหรับ "แก๊งค์ปืนโต" อาร์เซนอล เพราะในนาทีที่ 6 เคร้าซ์ขึ้นเทคตัวตามสเต็ปโหม่งชงต่อให้กับวอลเตอร์สหลุดเข้าไปจิ้มสวนตัวมันโนเน่ตุงตาข่าย แต่แข้งร่างตันยืนเหลือมอยู่นิดหนึงในจังหวะจ่าย ทำให้ไลน์แมนตีธงล้ำหน้ากันไป

เกมของอาร์เซนอลก็ใช่ว่าจะไม่ดีอะไร เพราะพวกเขาก็ยังครองบอลและบุกใส่เจ้าบ้านได้ตามสไตล์ เพียงแต่พื้นที่สุดท้ายคือปัญหา มีอยู่จังหวะที่โพโดลสกี้หลุดถึงในกรอบเขตโทษได้ แต่จังหวะยิงดันเจอวิลกินสันบล็อกซะนี่

เกมกำลังจะเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ปัญหาของอาร์เซนอลเหมือนเดิมเป๊ะจากเกมนัดเปิดสนามคือแนวรุกด้านข้างยังขาดความเข้าใจกันอยู่ เนื่องจากเป็นแข้งใหม่ซะส่วนมาก เลยทำให้จังหวะที่ต้องเด็ดขาดทะลุทะลวงแนวรับของสโต๊คมันติดขัดไปนิด

นาทีที่ 31 เห็นแล้วเจ็บแทนเลยกับจังหวะนี้ที่กาซอร์ล่ารับบอลมาจากกิ๊บส์แล้วจะพลิกเล่นต่อ แต่เจอวิลสันพุ่งเข้าไปย่ำที่หลังเท้าแบบเต็มรักจนลงไปดื้นกับพื้น จังหวะแบบนี้ถ้าเข้าล็อกขึ้นมามีแตกมีหักได้เลย

อีก 3 นาทีต่อมา อาการที่เท้าดีขึ้น เลยขอลองน้ำหนักหน่อยสำหรับกาซอร์ล่าที่ตะบันไกลจากนอกกรอบเขตโทษ น้ำหนักบอลเยี่ยม แต่ทิศทางอ่อนไปนิด ไม่หนีมือของเบโกวิชทุบทิ้งไปได้

หลังจากให้อาร์เซนอลครองเกมอยู่นาน สโต๊คก็มาบุกใส่เพื่อหวังจะกดดันคืนบ้าง ซึ่งก็ถือว่าได้ผลอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะทำให้แนวรับของอาร์เซนอลรวนได้

จบครึ่งแรก บอกตรงๆว่าโอกาสยิงให้เห็นจะๆมีค่อนข้างน้อย จะมีแค่จังหวะลุ้นแบบขอไปทีหรือให้ได้จบบ้างแค่นั้น ก็ต้องดูว่าในครึ่งหลังเวนเกอร์จะปรับลูกทีมยังไงให้ข้างหน้ามีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพราะการเข้าทำมันหนืดเกินกว่าจะหวังลุ้นอะไรได้ ส่วนสโต๊คก็คงมาแนวเดิมคือรับแน่นไว้ก่อน ที่เหลือค่อยบอมบ์ใส่อีกที

              ต่อมาในช่วงครึ่งหลัง 10 กว่านาที ไม่รู้ว่าไปคุยกันมายังไง แต่เป็นสโต๊คที่ทำเกมได้ดีกว่าอาร์เซนอลและมีจังหวะพาเข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเวนเกอร์ตั้งใจให้ลูกทีมผ่อนหรือเกมมันไม่กระเตื้องจนบุกไม่ขึ้นกันแน่

นาทีที่ 62 ถึงกับลงไปกลิ้งกุรุกๆกับพื้นเลยสำหรับจังหวะนี้ของแฟร์มาเล่น เมื่ออาร์เซนอลต่อบอลกันสวยหน้ากรอบเขตโทษของสโต๊ค แต่มาหยุดกึกเอาในจังหวะที่วิลกินสันวิ่งเข้าไปหวดกัปตันทีมอาร์เซนอลจากด้านหลังเต็มๆ ผู้ตัดสินเลยจัดใบเหลืองให้ซะ

นาทีที่ 70 จังหวะนี้ถือว่ากองหลังสโต๊คพลาดกันไปหมดแล้ว เพราะลูกเตะมุมที่กาซอร์ล่าบรรจงตักมาให้ชิรูด์นั้นไม่มีใครประกบเขาอยู่เลย ได้ตีลากงยิงเหน่งๆ แต่ดันแป้ก บอลเด้งพื้นหลุดข้ามคานออกไปไกล จนเพื่อนต้องมาจบบ่าว่าเอาใหม่เถ๊อะ

อีก 2 นาทีต่อมา ขืนปล่อยให้เกมทื่อแบบนี้ก็เตรียมโนกอร์ต่อไปอีกนัดได้เลยสำหรับอาร์เซนอลที่ขยับปรับเปลี่ยนส่งตัววัลค็อตต์และแชมเบอร์เลนลงสนามแทนโพโดลสกี้กับแชร์วิญโญ่ อย่างน้อยก็คงไม่ได้เห็นภาพการเลี้ยงลูกเดียวของพี่แชร์แกในช่วงเวลาที่เหลือแน่ๆ

เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนไปนัก เพราะสโต๊คเองก็ยังมีลุ้นพาบอลขึ้นหน้าได้เรื่อยๆ ส่วนอาร์เซนอลก็ยังเล่นกันในสปีดที่เชื่องเหมือนเดิม ดูแล้วอาจจะจบลงที่ผลเสมอ ถ้าไม่มีลูกผีจับยัดอะไรขึ้นมา เพราะรูปเกมของทั้งสองทีมมันยากที่จะทำให้เกิดประตูเหลือเกิน

นาทีที่ 81 ของอะไรไม่รู้แต่ปล่อยลงไปแล้วสำหรับแรมซี่ย์ที่ลงเล่นแทนกาซอร์ล่าที่แม้ว่าจะมีวูบวาบแต่ก็ช่วยทีมให้ทำประตูในเกมนี้ไม่ได้

นาทีที่ 89 ถ้าเข้านี่หล่อหาที่เปรียบไม่ได้เลยสำหรับชิรูด์กับจังหวะสวนกลับเร็วของอาร์เซนอล ที่บอลขึ้นไปทางเขา แม้ว่าจะมีพื้นที่ให้ไปได้อยู่ แต่เห็นว่าเบโกวิชออกมาไกลจากประตู เจ้าตัวเลยจัดการส่องยาวส่งบอลข้ามนายด่านสโต๊คไปได้แล้ว แต่บอลมันเหินหลุดคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหลือแม้ว่าจะมีจังหวะลุ้นประตูกันบ้างประปราย แต่ก็ไม่บังเกิดสกอร์ ทำให้อาร์เซนอลบุกมาเสมอกับสโต๊ค ซิตี้ไป 0-0 ยังคงต้องตามหาคำว่า "ชนะ" กันต่อไปในช่วงต้นฤดูกาลนี้