"เวย์น รูนี่ย์" แม้จะเล่นไม่เปรี้ยงอย่างที่หวังและพลาดโอกาสหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็คัมแบ็คกลับมาทำประตูชัยให้กับทีมชาติอังกฤษที่หวิดเสียประตูจากจังหวะสกัดสุดกังขาของ "เทอร์รี่" เอาชนะ "ยูเครน" ไป 1-0 เป็นแชมป์กลุ่มรอเจอกับ "อิตาลี" ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ยูโร 2012 กลุ่ม ดี
วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2555
สนาม ดอนบาส อารีน่า
อังกฤษ 1 - 0 ยูเครน
อังกฤษวันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคึกคักกันแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้รูนี่ย์กลับมาเป็นหัวหอกให้แก่ทีมอีกครั้งหนึง โดยปรับไปตำแหน่งเดียวจากเกมที่แล้ว แทนที่ของแคร์โรลล์ โดยเวลเบ็คยังยืนหน้าเป็นคู่กัน
"สิงห์โตคำราม" ขอเพียงแค่เสมอก็จะสามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้แล้ว เพียงแต่หากคิดให้กว้างกว่านั้น พวกเขาคงอยากจะได้ 3 คะแนนเพื่อเลี่ยงเจอกับทีมชาติสเปนในรอบต่อไปนั่นเอง เปิดฉากมาในเกมแรก ผ่านช่วง 10 นาทีแรก เล่นเหมือนเกร็งอยู่สักหน่อยสำหรับอังกฤษ เพราะในช่วงแรกพวกเขาเน้นเกมแน่น ดูแล้วอาจจะเหมือนรอให้ปรับจูนกันได้ พร้อมจริงค่อยบุกอะไรประมาณนั้น เพราะยังไงผลเสมอก็โอเคอยู่แล้ว
แม้ว่าจะกลับมาท่ามกลางความหวังของแฟนบอลหลายต่อหลายคน แต่ในช่วงต้นเกมนี้เหมือนรูนี่ย์จะยังฝืดๆต้องเหยาะน้ำมันหน่อย มีจังหวะติดขัดค่อนข้างเยอะ ต้องดูว่าถ้าผ่านไปสักหน่อยแล้วจะดีขึ้นหรือไม่
ตั้งแต่เริ่มเกมมาจนจะเข้าช่วง 20 นาทีแรก ที่เห็นได้ชัดสุดเลยคือการยืนตำแหน่งของเทอร์รี่ที่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากกับการที่อังกฤษยันเกมรุกของยูเครน ซึ่งวันนี้ได้โอกาสยิงเน้นๆไปแล้วถึง 3 ครั้ง วิถีบอลตรงกรอบ แต่ก็ติดกัปตันทีมเชลซีหมดทุกครั้ง
นาทีที่ 23 เล่นไปเล่นมาเหมือนจะโดนเข้าให้ได้อยู่เรื่อยๆเลยสำหรับอังกฤษ โดยเฉพาะจังหวะนี้ที่ยังพยายามไปดักบอลแต่พลาด ทำให้คูเซฟได้ลากบอลตัดด้านข้างเข้าใน แล้วส่องแบบเน้นๆนอกกรอบ บอลพุ่งน้ำหนักได้ใจ แต่หลุดกรอบออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 28 นึกว่าจะใส่สกอร์ไปแล้วสำหรับอังกฤษในจังหวะนี้ ที่ยังครอสบอลด้านข้างยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษจนถึงเสาสองที่มีรูนี่ย์สอดขึ้นมาคนเดียว แต่เหมือนก่ะพลาดไปหน่อย กระโดดเทคตัวขึ้นก่อน ทำให้ตอนที่บอลมาถึงหัวเขาก็ตกลงมาแล้ว เลยทำได้แค่โหม่งทากๆบอลพุ่งออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไร ทั้งที่เป็นโอกาสทองแท้ๆ
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมของอังกฤษดูขยับดีขึ้นมาจากช่วงแรกที่ได้แต่ตั้งรับท่าเดียว แต่ถึงอย่างนั้นจังหวะสุดท้ายของพวกเขาก็ยังดูไม่ค่อยจะเฉียบคมสักเท่าไหร่ ซ้ำยังต้องระวังเกมบุกของยูเครนที่วันนี้เล่นกันลงล็อค เป๊ะมาก
นาทีที่ 43 เจอแบบนี้ถึงกับมึนเหมือนกันสำหรับปาร์คเกอร์ ในจังหวะที่ยาร์โมเลนโก้ล็อคบอล 2-3 ตลบพลิกหลอกเขาซะจนหน้าคะมำบริเวณกรอบเขตโทษ ยังดีที่ชักมือกลับทันตอนที่ล้มลงไปกับพื้น ไม่งั้นผู้ตัดสินอาจจะมองว่าเจตนาใช้มือเล่นบอลแล้วเป่าเป็นจุดโทษได้ง่ายๆ
จบครึ่งแรกแม้ว่าจะแลดูเสียวอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าผลออกมาตามที่อังกฤษตั้งใจเอาไว้ เมื่อพวกเขาเน้นเกมที่แน่นอน มีบุกมีสวนบ้าง แต่ถ้าไม่ได้ก็ชัวร์ว่าจะไม่เสีย ทำให้ทั้งคู่เสมอกันอยู่ 0-0
นาทีที่ 48 ถ้าลูกนี้ยังโหม่งไม่เข้าอีกก็ส่งตัวกลับบ้านไปเลย เมื่ออังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำสุดหมู จากจังหวะที่ต้องชมเจอร์ราร์ดซึ่งล็อคบอลหลอกกองหลังยูเครนจนก้นทิ่ม ก่อนที่จะครอสต่ำเข้ากลาง มีตัวพยายามชาร์จเสาแรก เลยหลอนทำให้เปียตอฟก่ะจังหวะบอลพลาด ปล่อยให้บอลพุ่งผ่านหน้าไปถึงรูนี่ย์ที่รับส้มอยู่เสาสองโหม่งเข้าไปสบายสุดๆ "สิงโตคำราม" นำ 1-0
นาทีที่ 61ถือว่าดวงยังดีอยู่บ้างสำหรับอังกฤษ เมื่อพวกเขาเกือบจะเสียประตูจากลูกกังขา ในจังหวะที่ยูเครนครอสบอลต่อเนื่องจากการเตะมุมด้านข้าง ก่อนที่มิเลฟสกี้ย์จะได้ยืนตั้งหลักโหม่งแบบเต็มๆหัวจากระยะแค่ไม่กี่หลา แต่เหินข้ามคานไป ซึ่งดูจากภาพช้าแล้วเขายืนล้ำหน้าอยู่ แถมไม่มีธงยกขึ้นมาด้วย
อีก 1 นาทีต่อมา โคตรจะน่าเสียประตูสุดๆสำหรับอังกฤษ ในจังหวะที่ยูเครนเล่นบอลยาวไปถึงกองหน้าก่อนที่จะหักกลับมาให้เดวิชล็อคบอลหลอกกองหลังจนหลังหัก ก่อนที่จะตวัดยิงเน้นๆ แต่ฮาร์ทก็เซฟเอาไว้ได้ ถึงอย่างนั้นบอลยังปลิ้นเข้าหาประตู เทอร์รี่รีบวิ่งเข้าไปหวดสกัด ท่ามกลางการประท้วงของนักเตะยูเครนว่าเข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร
ซึ่งเมื่อดูจากภาพช้าต้องบอกเลยว่าเหมือนบอลเข้าข้ามเส้นเข้าไปแบบเต็มใบแล้ว เพียงแต่ผู้ตัดสินที่ยืนกำกับเส้นจ้องดูอยู่ไม่ว่าอะไร ก็เลยต้องตามนั้นไป
นาทีที่ 68 ถือว่าเป็นการแก้ตัวได้สวยสำหรับเปียตอฟที่ออกไปตัดลูกกลางอากาศ แม้ว่าบอลจะเข้าทางของโคลที่วอลเล่ย์จังหวะแรกสวนเข้าไปเลย บอลพุ่งเหมือนจะเสียบเสาแรก แต่เปียตอฟก็บินไปปัดทิ้งออกหลังได้สวยงามทีเดียว
เอาตัวทีเด็ดลงเล่นประชันกันไปเลย เมื่ออังกฤษเปลี่ยนเอาวัลค็อตต์ลงไปเล่นแทนมิลเนอร์เพื่อความจี๊ดจ๊าดทางริมเส้น ส่วนยูเครนที่มีโอกาสเยอะก็หวังจะปิดสกอร์ให้ได้ ส่งเชฟเชนโก้ลงสนามไปแล้ว
นาทีที่ 75 ยิงได้ลุ้นสุดๆเลยสำหรับโคโนเพลียงก้าในจังหวะนี้ ที่เขาซัดบอลนอกกรอบเขตโทษ ทั้งแรงแถมบอลยังส่ายหลอกตาฮาร์ท แต่นายด่านจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไม่หลงปัดบอลเอาไว้ได้และต้องขอบคุณเลสค็อตต์ที่วิ่งมาสกัดทิ้ง เพราะบอลมันไม่หนีหน้าประตูไปไกลนัก
นาทีที่ 82 วันนี้โชว์ฟอร์มไม่ค่อยออกเท่าไหร่สำหรับเวลเบ็คผู้ทำประตูชัยในเกมกับสวีเดน เลยถูกเปลี่ยนตัวออกไป ก่อนที่อังกฤษจะส่งแคร์โรลล์ลงไปเล่นแทน ซึ่งจะมีประโยชน์ในลูกกลางอากาศมากกว่าด้วย
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูกันได้เพิ่มเติม ซึ่งอังกฤษก็แพ็คเกมกันแน่น ทำให้จบ 90 นาทีพวกเขาเป็นฝ่ายกำชัยเหนือยูเครนไป 1-0 สุขสมหวังเข้ารอบต่อไปด้วยการเป็นที่หนึ่งของกลุ่มดี รอพบกับอิตาลีในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ด้านยูเครนก็เจออาถรรพ์ทีมไหนชนะนัดแรกตกรอบไปเป็นทีมที่ 4 ของทัวร์นานเมนต์นี้ ต้องชอกช้ำใจกันไปจากการที่พวกเขาจบสกอร์ไม่คม รวมทั้งน่าเสียดาสกับจังหวะกังขาว่าบอลข้ามเส้นแล้วหรือไม่ด้วย