เล่นส่งท้ายรังแอนฟิลด์แบบวิ่งกันลืมตายเลยทีเดียวสำหรับ หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ไล่ต้อน "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่พักตัวจริง 8 ตัวเละเทะ 4-1 แถม "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" และ "จอนโจ้ เชลวีย์องค์" ลงมีชื่อทำประตูส่งผลทำให้ลูกทีม "โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ" หลุดท็อปโฟว์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี~!!
พรีเมียร์ ลีก
วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2555
สนาม แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล 4 - 1 เชลซี
"หงส์แดง" เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่ดูจะเป็นบิ๊กแมตช์ที่ไม่ได้ฮือฮาสักเท่าไหร่ เนื่องจากทั้งสองทีมค่อนข้างจะลุ้นยากแล้ว "หงส์แดง" อยู่ในอันดับ 9 ส่วน "เชลซี" แม้จะมีลุ้นอยู่บ้างกับการทำอันดับไปแชมป์เปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ต้องแช่งกันเหนื่อย บวกกับต้องชนะในเกมนี้ก่อนด้วย เปิดฉากมาครึ่งแรกผ่านช่วง 10 นาทีแรก ด้วยการที่เป็นทีมชุดผสมด้วยกันทั้งคู่ ทำให้จังหวะต่อบอลกันของทั้งสองทีมไม่ค่อยเนียนตาเท่าไหร่ ถึงตอนนี้ดูลิเวอร์พูลจะทำได้ดีกว่าอยู่หน่อยๆ ติดที่ยังไม่ค่อยมีโอกาสยิงให้เห็น
นาทีที่ 17 น่าจะหายแล้วแท้ๆสำหรับโอกาสของอีวาโนวิชในจังหวะเตะมุม เมื่อบอลโยนเข้าไปแทบจะกลางเขตโทษเป๊ะๆ ผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายล้มกันระเนระนาด เลยทำให้บอลเข้าทางอีวาโนวิชที่ลอยตัวโขกคนเดียวโล่งโจ่ง แต่แม่นไปหน่อย บอลพุ่งอัดเสาเต็มๆ ก่อนจะโดนสกัดออกไปได้
อีก 2 นาทีต่อมา ต้องชมความแข็งแกร่งและเทคนิคของซัวเรซเลยในจังหวะนี้ เมื่อเขาได้บอลทางริมเส้นก่อนที่จะกระชากลากหนีกองหลังของเชลซี แม้ว่าจะโดนเตะสกัด ก็ยังแตะลอดดากอีกคนไปจนถึงสุดเส้นหลัง ก่อนที่จะจ่ายตัดเข้าเสาแรกผ่านมือเทิร์นบูลล์ไปแล้ว เอสเซียงพยายามเข้าสกัด แต่บอลมันจวนตัว เลยกลายเป็นเตะเข้าประตูตัวเองไปซะอย่างนั้น เชลซีนำแล้ว 1-0
นาทีที่ 22 ทำเอากัปตันทีมจอมแกร่งของเชลซีถึงกับเงิบไปเลย ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลกำลังจะทำเกมสวนกลับ แคร์โรลล์ได้บอลมาจากเพื่อน แตะก่อนหนึ่งจังหวะ ก่อนที่จะพลิกตัวแล้วจิ้มลอดดากเทอร์รี่ที่พยายามจะเข้ามาแท็คเกิ้ลเร็ว จนทำเสียฟาวล์และต้องโดนใบเหลืองไป
อีก 3 นาทีต่อมา ลองกัปตันของทีมมาพลาดแบบนี้ล่ะเสียขวัญกันหมดแน่สำหรับเชลซี เมื่อลิเวอร์พูลทำเกมบุกแล้วจ่ายบอลขึ้นหน้า เทอร์รี่พยายามที่จะขยับตัวไปดักจังหวะเพื่อสกัด แต่ขาหลักดันลื่น เลยทำให้บอลหลุดถึงเฮนเดอร์สันที่พาขึ้นไปเดี่ยวกับเทิร์นบูลล์ก่อนจะบรรจงยิงผ่านมือเข้าไปเสียบเสาไกล ลิเวอร์พูลนำห่างเร็ว 2-0
นาทีที่ 28 แฟนทีมเยือนคงงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่คิดว่าแนวรับของทีมจะลุ่ยได้ถึงขนาดเสีย 3 ประตูตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก เมื่อมาพลาดในจังหวะลูกตั้งเตะ เทิร์นบูลล์พยายามจะออกไปตัด แต่ไม่ถึงบอล เลยโดนโหม่งตั้งเข้ากลาง แอกเกอร์แค่ตั้งหัวให้ตรงส่งบอลผ่านบล็อกเข้าไป "หงส์แดง" ถล่ม 3-0
นาทีที่ 35 หลังลิเวอร์พูลได้โอกาสลุ้นจากแคร์โรลล์ที่หลุดเข้าไปยิงติดเซฟจากความผิดพลาดของเทอร์รี่ที่โหม่งไม่ดี เชลซีก็เกือบจะตีไข่แตกได้ เมื่อตอร์เรสแตะบอลหนีเข้าไปในเขตโทษ แม้ว่ามุมจะแคบ แต่พี่แกก็ซัดซะสวย บอลพุ่งเหินทั้งเร็วทั้งแรง ผ่านบล็อกและเรน่าที่ไม่ทันจะยกแขนเซฟ แต่ก็ไปชนคานเข้าจังเบอร์ แถมยังเป็นเหลี่ยมนอก เลยเด้งออกมาซะ
นาทีที่ 42 ขอเอาบ้างสำหรับดาวนิ่งที่รับบอลต่อมาจากซัวเรซ แล้วไม่ต้องแต่งให้เสียเวลา จัดการซัดเต็มหลังเท้าซ้าย บอลเข้าข้อได้ใจ บอลโค้งสูงหนีมือเทิร์นบูลล์ ก่อนจะไปฮุคปล่อยย้อยลงหากรอบประตู แต่ติดตรงที่ดันไปชนคานซะได้
ช่วงทดเวลา ลิเวอร์พูลน่าจะถล่มแหลกไป 4-0 แล้ว เพราะได้จุดโทษจากจังหวะที่อีวาโนวิชไปเจตนากระแทกใส่แคร์โรลล์จนล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่กลายเป็นว่าลูกยิงของดาวนิ่งที่หลอกทางเทิร์นบูลล์ได้แล้วกลับไปชนเสาซะอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้น จบครึ่งแรกเจ้าบ้านก็นำอยู่แบบถล่มทลาย 3-0
กลับมาต่อกันในช่วงของครึ่งหลังมาได้แค่ 5 นาที เชลซีก็ได้ประตูกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเลย เมื่อเล่นลูกฟรีคิกนอกกรอบ บอลโยนไปเสาแรก รามิเรสใช้ความคล่องโฉบเข้าไปสะกิดบอล แม้ว่าจะโดนตัวของเรน่า แต่ก็แฉลบเข้าประตูไป เชลซีตีไข่แตกตามมาเป็น 3-1
เข้าสู่หนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม ดูแล้วเกมของเชลซีก็ขยับดีขึ้นกว่าในช่วงกลางถึงท้ายของครึ่งแรกบ้าง เพราะพวกเขาไม่ได้ยืนกันหลวมและจังหวะสวนกลับก็ทำได้น้ำได้เนื้อกว่าเดิม
นาทีที่ 61 เพิ่งจะชมว่าเกมดีขึ้นไปหมาดๆ เชลซีก็มาเสียประตูที่ 4 จนได้ เมื่อเทิร์นบูลล์ไปจ่ายบอลให้เพื่อนเล่นยาก เลยต้องแตะกลับมาที่เขาใหม่ คราวนี้โดนบีบกว่าเดิม เลยเตะหวดออกมาไม่ดี เข้าทางของเชลวี่ย์ที่แม้ว่าระยะจะไกล แต่เขาก็จัดการยิงเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าไปเสียบตาข่ายสวยใช้ได้เลยทีเดียว ลิเวอร์พูลถล่ม 4-1 เละมาก
นาทีที่ 68 เห็นเงียบไปนานสองนานเลยถอดออกดีกว่า สำหรับเชลซีที่เปลี่ยนเอาลูกากูอีกหนึ่งดาวรุ่งฝีเท้าดีลงไปเล่นแทนสเตอร์ริดจ์ในแดนหน้า ต้องดูว่าเกมของพวกเขาจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ อย่างน้อยๆก็ควรจะเก็บบอลในแดนหน้าให้ได้มากขึ้น
นาทีที่ 73 เป็นปฏิกริยาที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเรน่า ในจังหวะที่รามิเรสพุ่งยึกยักใส่กองหลังลิเวอร์พูล ก่อนจะตอกส้นกลับไปให้เพื่อนตักบอลเข้ากลาง ลูกากูยืนว่างซะยิ่งกว่าอะไร โหม่งเน้นๆ แต่เหมือนจะสะบัดไม่พอ บอลไม่หนีตัวเรน่ามาก แต่ก็ต้องชมนายด่านหัวเหม่งที่ยกมือที่ไว ปัดบอลเอาไว้ได้ทัน
หลังจากเริ่มกันมาตลอด 80 นาที ตอนนี้ทั้งสองทีมเหมือนจะเล่นแบบไม่ได้ไม่เสียกันสักเท่าไหร่ เชลซีเองก็ไม่ได้เร่งเครื่องจะเอาคืนมาก เพราะสกอร์ขาดเกินไป ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็คงจะพอใจกับผลที่เป็นอยู่ในตอนนี้
นาทีที่ 84 ไม่รู้ว่าจะเป็นการเล่นในบ้านตัวเองต่อหน้าแฟนบอลครั้งสุดท้ายหรือไม่สำหรับเค้าท์ เมื่อเขาถูกส่งลงสนามแทนมักซี่ พร้อมเสียงปรบมือกึกก้อง ดูแล้วมีแววเหมือน
จบ 90 นาทีเป็นลิเวอร์พูลที่มาร้อนแรงเอาในเกมนัดรองสุดท้ายของพรีเมียร์ ลีก ถล่มเอาชนะเชลซีไปได้ถึง 4-1 ทำเอาแฟนๆยิ้มหน้าบ้านกันไปเลย
จากผลในเกมนี้ทำให้ลิเวอร์พูลขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางพอให้แฟนบอลได้ใจชื้นอยู่บ้าง แม้ว่าจะเพิ่งจะมาชนะในบ้านตัวเองเป็นนัดที่ 6 ก็ตาม
ด้านเชลซีหลุดจากอันดับที่ 4 หมดสิทธิ์คิดเรื่องการทำตำแหน่งไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีกแล้ว แต่ก็ได้ที่ 6 แล้วแน่ๆ ที่เหลือก็ไปลุ้นเอาในนัดชิงกับบาเยิร์น มิวนิคเท่านั้น