สมเป็นเกมศักดิ์ศรีดาร์บี้แมตช์เรียกว่าใส่กันมันส์หยดพลิกไปพลิกมาสุดท้าย "ดีเอโก้ มิลิโต้" รับเหมา 3 ประตูดับความหวัง "ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน อกหักหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ 4-2 พร้อมกับต่อลมหายใจทีม "เนรัซซูรี่" มีลุ้นตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกวัดดวงนัดสุดท้าย
ผลกัลโช่ เซเรีย อา
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2555
อินเตอร์ 4-2 เอซี มิลาน
"งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ได้ฤกษ์ดีเมื่อ "ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ" หายเจ็บกลับมาสวมแปลอกแขนเช่นเดียวกับ "ริคกี้ อัลวาเรซ" ฟิตทันเล่นหน้าต่ำอยู่หลัง "ดีเอโก้ มิลิโต้"
ส่วน "ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน ไม่เสี่ยงใช้งาน "ธิอาโก้ ซิลวา" แม้กลับมาซ้อมแล้ว นอกจากนั้น "ดานิเอเล่ โบเนร่า" ขยับมาเล่นแบ็กซ้ายแทน "ลูก้า อันโตนินี่" ที่เจ็บ รวมถึง "โรบินโญ่" เบียด "อันโตนิโอ คาสซาโน่" ยืนหน้าคู่ "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" เปิดฉากเริ่มเกมมาทั้งสองทีมแลกกันเลยไม่ถึง 10 นาที มิลาน พลาดโอกาสไปเอง โนเชริโน่ ออกบอลไปทางริมเส้นฝั่งซ้าย โรบินโญ่ ตั้งป้อมเปิดโค้งไปยังเสาสอง อิบราฮิโมวิช สอดทะลุขึ้นมาแปจ่อๆข้ามคาน
จากที่น่าจะเสียประตูแปรเปลี่ยนเป็น อินเตอร์ บุกครั้งแรกขึ้นนำ 1-0 ในนาที 14 สไนจ์เดอร์ เปิดฟรีคิกระยะ 35 หลาเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวาบอลมาโดนหน้าขา ซามูเอล ที่สอดทะลุจากหลังไม่ล้ำหน้ากลายเป็นตั้งให้ มิลิโต้ ยิงจ่อๆหน้าปากประตูไม่เหลือ
พอได้ประตูขึ้นนำ เกมของแข้งรอสโซ่เนรี่ช็อตดื้อๆ ทำให้ขุนพลเนรัซซูรี่ได้ใจลุยต่ออีก 5 นาทีถัดมาสามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายเป็นครั้งที่สอง จากจังหวะ สไนจ์เดอร์ สับไกเต็มข้อระยะ 30 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดจน อับเบียติ นายทวารปัดทิ้ง ลูซิโอ รอซ้ำยิงเข้าไปไม่เหลือ แต่ผู้กำกับเส้นยกธง ลูซิโอ กางมุ้งล้ำหน้า
มิลาน ยังทำเกมบุกไม่ขึ้นผ่านครึ่งชั่วโมง อินเตอร์ น่าจะได้ประตูเพิ่มเป็นอย่างยิ่งจากจังหวะ สไนจ์เดอร์ เปิดฟรีคิกทางซ้ายมายังเสาแรก คัมบิอัสโซ๋ โหม่งเช็ดบอลกำลังจะพุ่งเข้ากรอบแต่ อับเบียติ ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งบนเส้นประตูได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
อีกนาทีถัดมายังเป็น "งูใหญ่" น่าจะได้ประตูเพิ่ม สไนจ์เดอร์ หลุดทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายได้ยิงจ่อๆ อับเบียติ นายทวารพุ่งออกมาปัดได้ทันก่อนอีกนาทีถัดมาเล่นต่อไม่ไหวถูกเปลี่ยนตัวออก
หลังรอดพ้นเสียประตูถึง 2 ครั้งติดๆกัน มิลาน รวบรวมสติกลับมาเปิดเกมรุกอีกครั้งนาที 36 เกือบตามตีเสมอ ฟาน บอมเมล เปิดฟรีคิกยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา อิบราฮิโมวิช พักด้วยอกก่อนยิงจ่อๆล่อเป้าแต่ เซซาร์ พุ่งออกเซฟเอาไว้ได
เหลือไม่ถึง 5 นาทีก่อนพักเบรก มิลาน ได้จุดโทษจากจังหวะ บัวเต็ง หลุดเดี่ยวเข้าไปโดน เซซาร์ นายทวารพุ่งออกมาสกัดคว้ำล้มไปกองกับพื้น ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษอย่างไม่ลังเล เซซาร์ นายทวารพยายามออกมากวนประสานก่อนยิงแต่ อิบรา นิ่งมากซัดไม่เหลือสกอร์เปลี่ยนเป็น 1-1 จนจบครึ่งแรก
กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ในช่วงของครึ่งหลัง ไม่ถึงนาที มิลาน ฉวยโอกาสที่แผงหลังไม่ทันระวังพลิกแซงนำ 2-1 บัวเต็ง จ่ายให้ อิบราฮิโมวิช โชว์เทคนิคแตะแล้วกระชากหนีทั้ง ไมค่อน กับ ลูซิโอ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวาแล้วชิพข้าม เซซาร์ เสียบตาข่ายเสาสอง
อินเตอร์ พบายามรวบรวมสติกลับคืนมานาที 50 หวิดเฮจากจังหวะ สไนจ์เดอร์ เห็น อเมเลีย ออกมานอกเส้นเลยลักไก่ยิงไกลระยะกว่า 40 หลาบอลกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมแต่ อเมเลีย ถอยออกมาปัดได้ทัน
ในทีสุด "เนรัซซูรี่" ตามตีเสมอ 2-2 จนได้ในนาที 53 อาบาเต้ เสียค่าโง่เอาสองมือไปรั้ง มิลิโต้ ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ มิลิโต้ ลุกขึ้นมาสังหารไม่พลาด
หลังโดนตีเสมอ มิลาน เกือบขึ้นนำอีกครั้งใน 3 นาทีถัดมา โรบินโญ่ โยนลูกเตะมุมทางซ้ายไปยังจุดนัดพบ อิบราฮิโมวิค เทคตัวโหม่งตั้งไปหน้าปากประตู มุนตารี่ ชาร์จจ่อๆบอลเหมือนโดนหน้าขาหลุดกรอบออกไปอย่างไม่น่าเขื่อ
เกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมง มิลาน ยังได้แค่เฉียดไปเฉียดมาจากจังหวะสวนกลับบอลยาวมาถึง โรบินโญ่ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวาเลี้ยงหนี นากาโตโม๊ะ แล้วยิงมุมแคบติดเซฟ เซซาร์ ปัดทิ้ง
หลังจากนั้นทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกจนกระทั่งนาที 78 เกิดจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อ เนสต้า เจตนาใช้มือปีดลูกยิง ปาซซินี่ กรรมการเป่าเป็นจุดโทษทันที มิลิโต้ สังหารไม่พลาด อินเตอร์ กลับขึ้นมานำ 3-2
เวลาที่เหลือ มิลาน ต้องบุกแหลกเพื่อเอาคืนแต่แล้ว 2 นาทีสุดท้าย อินเตอร์ พังประตูตอกย้ำชัยชนะจากจังหวะสวนกลับ ไมค่อน เติมเกมบุกทางขวาลากจี้ก่อนวางเท้ายิงเต็มข้อระยะ 30 กว่าหลาบอลมุดสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสุดสวย จบเกม อินเตอร์ ชนะ 4-2