"คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ดับรัศมีความเปล่งปลั่งของ "ลิโอเนล เมสซี่" เมื่อพา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด บุกกำราบ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ถึง คัมป์ นู ด้วยสกอร์ 2-1 จนมีแต้มหนีห่าง 7 คะแนนเหลือแข่งอีกทีมละ 4 นัดนั้นหมายความว่า "ราชันชุดขาว" ต้องการชัยชนะอีกเพียงแค่ 2 เกมก็จะคว้าแชมป์ลาลีกาไปครองทันที ขณะที่ "อาซูลกราน่า" ต้องปราชัยในถิ่นคัมป์นูเป็นครั้งแรกในรอบ 55 เกม
ลาลีกา
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2555
บาร์เซโลน่า 1 - 2 เรอัล มาดริด เปิดฉากมาเป็นเรอัล มาดริดที่บุกเข้าใส่บาร์เซโลน่าแล้วก็มีโอกาสลุ้นสกอร์ตั้งแต่นาที 4 เมื่อโอซิลครอสลูกเตะมุมฝั่งซ้ายเข้ามาที่เสาแรกให้โรนัลโด้เทคตัวโขกบอลเกือบจะเสียบคานอยู่แล้วแต่บัลเดสบินปัดออกหลังได้ทัน
แต่นาทีถัดมาเปเป้ก็ไปจ่ายบอลพลาดถูกอัลเวสฉกไปแต่ดันแตะยาวเกินจนทะลักเข้าเขตโทษเสร็จคาซิญาสที่วิ่งจากเส้นออกมาล้มตัวบล็อกได้ทัน หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็เปิดเกมบุกแลกกันแต่โอกาสจบสกอร์ไม่จะแจ้งนัก
นาที 13 อิเนียสต้าแทงบอลทะลุช่องให้เตโญ่หลุดไปทางซ้ายของเขตโทษก่อนล็อคตัดเข้าในเพื่อหนีตัวประกบมาซัดติดเซฟคาซิญาสกระดอนเข้าทางอัลเวสยิงสวนตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปตั้งแต่แรกแล้ว
สามนาทีถัดมากลายเป็น"ราชันชุดขาว"ขึ้นนำ 1-0 เมื่อดิ มาเรียเปิดเตะมุมฝั่งขวามาเสาไกลให้เปเป้โหม่งไปติดเซฟบัลเดสแต่บอลไม่ไปไหนแถมปูโญลที่อยู่ใกล้บอลก็เคลียร์ทิ้งไม่ทันเจอเคห์ดิร่าจิ้มจ่อๆเข้าไปตุงตาข่าย
เท่านั้นไม่พอเมื่อนาที 21 เบนเซม่าพาบอลลุยไปทางด้านซ้ายของเขตโทษก่อนรอจังหวะจนโรนัลโด้วิ่งสอดทะลุขี้นมาแล้วจ่ายให้ปีกโปรตุเกสรับไปกระทุ้งหนีมือบัลเดสผ่านหน้าประตูออกเสาไกล
นาที 27 บาร์เซโลน่ากลับมาตั้งหลักได้ก่อนที่เมสซี่กระชากบอลแหวกแนวรับเรอัล มาดริดที่หน้าเขตโทษมาคิลเลอร์พาสให้ชาบีหลุดเข้าไปล่อเป้าคาซิญาสแล้วยิงแฉลบสีข้างถากเสาซ้ายออกหลังประตู
เกมหลังจากนั้นเป็นฝ่าย"อาซูลกราน่า"ที่ครองเกมหาช่องบุกเข้าใส่ผู้มาเยือนจนนาที 37 เมสซี่ก็เลี้ยงบอลมาปล่อยให้อิเนียสต้าเคาะต่อไปยังอัลคันทาร่าได้วิ่งเข้าหวดจากระยะร่วม 20 หลาเฉี่ยวเสาซ้ายออกไปอีก
จบครึ่งแรกเรอัล มาดริดบุกมานำบาร์เซโลน่า 1-0 โดยลูกที่เคห์ดิร่าทำได้นั้นถือเป็นประตูที่ 108 ในซีซั่นของ"ราชันชุดขาว"อันเป็นสถิติสูงสุดที่พวกเขาเคยทำมาแต่มันคงสำคัญมากกว่าหากเป็นประตูสู่แชมป์ในปีนี้
กลับมาเล่นครึ่งหลังยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนตัวจากทั้งสองฝ่ายทว่าในนาที 54 บาร์เซโลน่ามีโอกาสตีเสมอเมื่ออัลคันทาร่าลากบอลมาหน้าเขตโทษก่อนแทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษด้านซ้ายให้เตโญ่หลุดไปกดข้ามคาน
เกมหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้าบอลกันหนักขึ้นแต่ยังไม่มีจังหวะฮึดฮัดอะไรให้เสียเวลาชมบอลและในนาที 59 เมสซี่กระชากบอลมาหน้าเขตโทษจนได้จังหวะส่องไกลทว่ายังไปติดบล็อกของเปเป้แบบเต็มเปา
นาที 68 อัลคันทาร่าฝากบอลมาให้ชาบีแล้วตัวเองวิ่งทำทางเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่สุดท้ายมิดฟิลด์จอมเก๋าเลือกหาช่องยิงเองจากระยะ 20 หลาถากเสาไปอีกก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกให้อเล็กซิสลงมาลุยแทน
แล้วการปรับหมากของเป๊ปก็เป็นผลเมื่อจังหวะโต้กลับอิเนียสต้าไขว้บอลมาให้เตโญ่เอียงตัวยิงทางฝั่งซ้ายไปโดนคาซิญาสเซฟออกมาเข้าทางอาเดรียโน่ได้ซัดสวนกลับไปแฉลบกองหลังให้อเล็กซิสกดหนแรกติดบล็อกคาซิญาสก่อนซ้ำอีกทีซุกก้นตาข่ายให้ทีมตีเสมอเป็น 1-1 ท่ามกลางบรรยากาศสนามแทบแตกในคัมป์นู
แต่พอนาที 73 "ราชันชุดขาว"ก็ขึ้นนำอีกครั้งเมื่อใช้จังหวะสวนกลับเล่นงานเช่นกันโดยที่บอลไปอยู่ที่เท้าโอซิลทางด้านขวาก่อนจ่ายบอลยาวให้โรนัลโด้หลุดไปยึกหลอกบัลเดสแล้วซัดเข้าประตูที่ว่างเปล่าให้ทีมนำ 2-1
จบเกมเรอัล มาดริดในยุคของโจเซ่ มูรินโญ่ปลดแอกเอาชนะบาร์เซโลน่าในเวลาปรกติได้เสียทีเมื่อบุกพิชิตถึงคัมป์นู 2-1 ทำแต้มหนีห่าง 7 คะแนนเหลือแข่งอีกทีมละ 4 นัดนั้นหมายความว่า"ราชันชุดขาว"ต้องการซิวชัยอีกเพียง 2 เกมก็จะคว้าแชมป์ลาลีกาไปครอง ขณะที่"อาซูลกราน่า"ต้องปราชัยในบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 55 เกม