สมหวังกันไปสำหรับกองเชียร์ที่นั่งรอกันมาทั้งคืน เมื่อ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด บุกแทบตายแต่สุดท้ายได้แค่เสมอกับ "ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย ในบ้านของตัวเอง 0-0 เหลือระยะห่างจาก "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แค่ 4 แต้ม
ลาลีกา
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2555
เรอัล มาดริด 0 - 0 บาเลนเซีย
เริ่มเกมมาทั้งคู่ใช้บอลเร็วด้วยกันทั้งคู่และในนาทีที่ 3 เจ้าบ้านก็ได้จังหวะลุ้นกันก่อนเมื่อต่อบอลกันขึ้นมาและก็เป็นโรนัลโด้ล็อกเข้าท้ายซ้ายก่อนจะกดเรียดระยะประมาณ 20 หลาเฉียดเสาออกไป
เรดาร์ของโรนัลโด้เริ่มทำงานดีขึ้น นาทีที่ 7 โอซิลจ่ายบอลมาจากทางซ้ายให้กับปีกโปรตุกีสตรงกลางก่อนที่โรนัลโด้จะสับหลอก 1 จังหวะแล้วซัดเต็มข้อด้วยขวาแต่บอลพุ่งไปจูบเสาอย่างน่าเสียดาย ปล่อยให้ลองยิงหลายๆทีแบบนี้ไม่ดีแน่สำหรับบาเลนเซีย
เกมยังเป็นของมาดริดเกือบตลอด นาทีที่ 18 โอซิลเล่นกับเบนเซม่าแตะต่อให้กับโรนัลโด้จับบอลเข้าเขตโทษก่อนจะแปด้วยขวาแต่ปานาเดโร่โกล์ของบาเลนเซียก็ยังล้มตัวเซฟก่อนจะตามเก็บจังหวะ 2 ไว้ได้แม้ว่าโรนัลโด้จะพยายามประท้วงว่าตัวเองถูกทำฟาล์วและผู้เล่นทีมเยือนส่งบอลคืนโกล์ก็ตามแต่ก็ไม่เป็นผล
บุกเพลินก็มีเสียววาบเหมือนกันสำหรับ"ราชันชุดขาว"จากจังหวะเสียลูกเตะมุมติโน่ คอสต้าได้จังหวะยิงไกลเดือนร้อนุึงกาซิญาสต้องล้มตัวทุบออกมาเข้าทางหัวของริคาร์โด้ คอสต้าพุ่งโหม่งทันทีแต่บอลก็ดันไปชนเสาอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่มือกาวทีมชาติสเปนได้แต่ใช้สายตาป้องกันแล้ว
นาทีที่ 35 แฟนบอลทีมเยือนก็เกือบได้เฮเมื่อเฟกูลี่เปิดบอลจังหวะเหมาะเหม็งมาให้กับปิอัตติที่หน้าประตูก่อนที่ปิอัตติจะโหม่งบอลเกือบเสียบมุมแต่กาซิญาสก็ยังไวล้มตัวเซฟไว้ได้
เล่นไปเล่นมาต้องบอกว่ามาดริดดูจะเจาะบาเลนเซียที่วันนี้ยืนตำแหน่งในเกมรับกันดีได้ยากแต่เจาะไม่เข้ายังไม่น่ากลัวเท่ากับเกมสวนกลับเร็วของไอ้ค้างคาวที่พร้อมจะลงโทษเจ้าถิ่นได้ทุกเมื่อ จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลังมูรินโญ่ถอดกอนซาโล่ อิกวาอินที่แทบจะไม่มีบทบาทออกแล้วส่งอังเคล ดิ มาเรียลงมาแทน ลงมาในไม่ทันไรก็แผลงฤทธิ์เลยสำหรับ ดิ มาเรีย เมื่อลากตัดเข้ามาจากทางขวาก่อนจะไหลทะลุให้กับโรนัลโด้ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ปานาเดโร่ยังล้มตัวปัดบอลออกหลังไปได้
นาทีที่ 54 ติโน่ คอสต้าเก็บบอลจังหวะที่กองหลังมาดริดเคลียร์ไม่ขาดมาได้ก่อนจะตัดสินใจยิงจากระยะประมาณ 30 หลาทันทีบอลพุ่งวาบไปชนคานจังๆ หนึ่งเสาหนึ่งคานแล้วสำหรับทีมเยือนขณะที่เรอัลก็ยิงไปชนเสาทีนึตอนครึ่งแรกเช่นกัน
นาทีที่ 58 ดิ มาเรียโดนสกัดล้มลงแล้วเอามือไปคว้าบอลผู้ตัดสินเลยเป่าฟาล์วเป็นลูกแฮนด์บอลแล้วผู้เล่นค้างคางพยายามจะเอาบอลมาเล่นเร็วๆแต่ปีกอาร์เจนไตน์นั่งทับอยู่เลยมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยสุดท้ายผู้ตัดสินก็ให้ใบเหลืองดิ มาเรียไป
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมตอนนี้เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ครองบอลมากกว่าพยายามบุกเข้าใส่บาเลนเซียอย่างต่อเนื่องแต่ยังเจาะกันไม่เข้าและเริ่มมีการเข้าสกัดหนักๆใส่กันหลายทีแล้ว
เกมรุกของมาดริดยังไม่สามารถทำประตูกันได้โจเซ่ มูรินโญ่เลยถอดเอากลางรับอย่างเคห์ดิร่าออกแล้วส่งกาก้ามาเพิ่มมิติในเกมรุก ต้องดูว่าเพลย์เมคเกอร์บราซิเลียนจะสามารถสร้างความแตกต่างได้หรือไม่
นาทีที่ 76 แฟนบอลทีมจ่าฝูงก็ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะเล่นสั้นลูกเตะมุมและก็เป็นดิ มาเรียซัดไกลด้วยซ้ายบอลส่ายเกือบเสียบใต้คานแต่ปานาเดโร่ก็ยังบินปัดออกหลังไปได้ พยายามแล้วพยายามอีกก็ยังยิงไม่ได้สำหรับ"ราชันชุดขาว"
บุกสวนมาทีไรแฟนบอลมีเสียวกันทุกทีสิน่า นาทีที่ 83 ปาโบลก็ได้โอกาสยิงจากมุมขวาแต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานออกไป นาทีต่อมาโซลดาโด้ก็ไหลบอลต่อให้กับอัลบ้าที่เติมขึ้นมาทะลุไปถึงในกรอบเขตโทษก่อนจะซัดด้วยซ้ายแต่ก็ยังติดเซฟของกาซิญาสอยู๋
หลังจากนั้นแม้ว่าเจ้าถิ่นจะพยายามบุกอย่างหนักแต่ก็ยิงประตูไมได้จบเกมเรอัล มาดริดทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับบาเลนเซียไปแบบโนสกอร์พลาดเก็บ 3 แต้มสำคัญทำให้นำบาร์เซโลน่าอันดับ 2 อยู่ 4 แต้มเท่านั้น