"คาร์ลอส เตเบซ" แอบขโมยซีนผู้ทำประตูชัยอย่าง "ซาเมียร์ นาสรี่" ไป หลังจากกลับมาเล่นให้กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่จะเป็นคนจ่ายให้เพื่อนยิงแซง "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี พลิกกลับมาชนะ 2-1 นอกจากรักษาสถิติเก็บชัยในบ้าน แถมยังลุ้นแชมป์กันได้แบบสุดมันส์ต่อไปด้วย
พรีเมียร์ ลีก
วันพุธที่ 21 มีนาคม 2555
สนาม : เอติฮัด สเตเดี๊ยม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 1 เชลซี
"เรือใบสีฟ้า" เปิดท่าเรือ "เอติฮัด" ทำศึกใหญ่กับ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี โดยเกมนี้สุดสำคัญเพราะพวกเขาต้องเอาชนะเพื่อทำช่องว่างที่ตามหลัง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ให้ขยับเหลือ 1 แต้มเหมือนเดิม "เรือใบ" วางหอกคู่อย่าง "เกรียนโอ้ บาโตเลลี่" และ "อเกวโร่" เอาไว้ในแดนหน้า มี "ยาย่า" เป็นตัวขับเคลื่อนแดนกลาง รวมทั้ง "ซิลบา" ที่พร้อมป่วนทุกสถานการณ์
จะขาดก็แต่ "กอมปานี" ที่ยังคงไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่งส่งผลกระทบน่าดูอยู่เหมือนกันในแนวรับของทีม
ทางด้าน"สิงห์ไฮโซ" ยอมที่ไหน เพราะพวกเขาต้องการตั๋วไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีก งานนี้จึง 3 แต้มเท่านั้น "มัตเตโอ" ยังคงไว้ใจให้ "ตอร์เรส" ยืนป็นหัวหอก หลังทำสองประตูเรียกขวัญกลับมาได้เมื่อนัดก่อน
เปิดฉากมาได้ 10 นาทีถือว่าได้ลุ้นเสียวทั้งสองทีมเลย เริ่มจากทาง "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่ "ตอร์เรส" พลิกตัวได้สวยงามกลางสนาม ก่อนที่จะควบจี้เข้าหน้าเขตโทษ แตะต่อให้ "มาต้า" ได้ซัด แต่เป็นเท้าขวา บอลเลยหลุดกรอบออกไปนิดเดียว ส่วน "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ดูจะเสียวกว่าเมื่อ "นาสรี่" เอาบอลพักอกที่เพื่อนส่งยาวมาให้ ก่อนจะยิงข้ามหัว "เช็ก" ที่ได้แต่ยืนมองแล้ว แต่บอลก็ดันไปชนคานซะได้
นาทีที่ 20 ไปก่อนใครเพื่อนเลยสำหรับอีวาโนวิช เพราะนัดเจ็บกล้ามเนื้อขึ้นมา ทำให้เชลซีต้องใช้โควต้าเปลี่ยนตัวแต่หัววัน เพื่อให้โบซิงวาลงไปประจำการทางแบ็คขวาแทน
เกมนี้ออกแนวสูสีนิดๆ เน้นกันหนักๆ เพราะค่อนข้างสำคัญมากสำหรับทั้งสองทีมที่ต้องการ 3 แต้มเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ทำให้ดูแล้วมีโอกาสลุ้นประตูกันน้อย เนื่องจากทุกจังหวะต้องละเอียดให้มากเข้าไว้ แต่ก็เป็นแมนฯซิตี้เจ้าบ้านที่ทำได้ดูดีกว่าอยู่หน่อย
นาทีที่ 27 หลังจากเคาะบอลกันอยู่นานแล้วหาโอกาสเจาะเข้าไปยัดบอลให้ตุงตาข่ายเน้นๆไม่ได้สักที นาสรี่ที่รับบอลมาจากเพื่อนเลยลองซัดไกลนอกกรอบดู แต่เหมือนจะเน้นไปนิด บอลเลยพุ่งข้ามคานออกไป
อีก 3 นาทีต่อมา นี่มันโอกาสทองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ชัดๆเลย เมื่อบาโลเตลลี่ฉวยโอกาสจากความประมาทของผู้เล่นเชลซี ตัดบอลก่อนลากทะลุไปจนถึงหน้ากรอบเขตโทษ ได้ยิงโล่งๆเพราะกองหลังทีมเยือนควบตามมาไม่ทัน แต่ลูกยิงของเขาก็บดจนเกินไป ซ้ำยังโดนเช็กล้มตัวปัดเอาไว้ได้ปลายนิ้วอีกด้วย
เกมนี้สิ่งที่เด็ดชัดเลยก็คือประสิทธิภาพในเกมรุกของทั้งสองทีมดูจะต่ำกว่ามาตรฐานจากหลายๆนัดที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะตัวทำเกมอย่างซิลบาของเจ้าบ้านและมาต้าของทีมเยือนฟอร์มนิ่งไปหน่อย โอกาสทำประตูก็เลยน้อยตามกันไป
นาทีที่ 44 อาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดที่โชว์ฟอร์มไม่ได้อย่างใจด้วยสำหรับมาต้า จังหวะฟาวล์ใส่ยาย่าก็เลยมีฮึดฮัดกันตามน้ำ แต่สุดท้ายมาเป็นผู้ตัดสินที่วิ่งเข้าแยกก่อนแจกใบเหลืองให้แข้งกระทิงไป
จบครึ่งแรก เสมอยังคงอยู่ที่ 0-0 โอกาสโดยรวมไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก นอกจากจังหวะของนาสรี่กับบาโลเตลลี่ ครึ่งหลังแฟนบอลก็ได้แต่หวังว่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง
ต่อมาในช่วงของครึ่งหลังนั้น "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ นั้น ปรับแก้เกมด้วยการถอดเอาบาโลเตลลี่ที่วันนี้แผลงฤทธิ์ไม่ออกไปพักแล้วให้แบร์รี่ลงไปเล่นแทน ดูแล้วน่าจะดันยาย่าให้เล่นเกมรุกมากขึ้นคอยสนับสนุนอเกวโร่จากแถวสอง
นาทีที่ 50 บอลระดับนี้แล้วยังไงก็ต้องทำได้ดีกว่านี้สำหรับนาสรี่ เพราะทีมอุตส่าห์ได้โต้กลับสวนๆ ยาย่าหลุดขึ้นทางขวา ก่อนที่จะตบกลับเข้ากลางให้นาสรี่วิ่งมายิงเน้นๆบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ แต่บอลโด่งข้ามคานไปไกลจริงๆ
อีก 5 นาทีต่อมา นึกว่าเข้าประตูไปแล้วจริงๆ สำหรับจังหวะที่ซาบาเลต้าเก็บตกบอลที่เช็กปัดไปชนคานในกรอบเขตโทษ ก่อนเปิดยัด แล้วบอลไปสะกิดเท้าของซิลบากับกองหลังเชลซี เหมือนจะพุ่งเข้ากรอบ แต่กลายเป็นมุมกล้องหลอก "เรือใบ" ได้เตะมุม ก่อนจะจบด้วยอเกวโร่วอลเล่ย์ที่เสาสอง แต่บอลหลุดคานออกไป
นาทีที่ 60 อันนี้ต้องยอมรับว่าพกดวงมาด้วยเลยสำหรับประตูขึ้นนำของเชลซี เริ่มตั้งแต่จังหวะบอลโด่งลอยในกรอบเขตโทษ แล้วดันไปโดนหน้าอกของแบร์รี่ที่กระเด็นเข้าทางเคฮิลล์เอี้ยวตัวยิงแป้กๆ แต่กลายเป็นดีเพราะแฉลบขาของผู้เล่นแมนฯซิตี้ บอลพุ่งเปลี่ยนทาง สายเกินกว่าฮาร์ทที่ออกตัวไปอีกด้านแล้วจะกลับมาเซฟได้ เชลซีขึ้นนำ 1-0
อีก 6 นาทีต่อมา ก่ะว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเลย เมื่อแมนฯซิตี้ตัดสินใจเปลี่ยนเอาเตเบซลงไปเล่นแทนเดอ ยองเพื่อหวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่จังหวะภาพจับไปที่แฟนบอลข้างสนาม หลายคนก็ทำหน้าไม่ถูกอยู่เหมือนกันว่าจะยังไง
นาทีที่ 73 หมดเวลาลุ้นประตูแล้วสำหรับตอร์เรส เมื่อแท็คติกของทีมต้องมาก่อน กับการที่เชลซีเปลี่ยนเขาออกและส่งดร็อกบาซึ่งแข็งแกร่งและครองบอลได้เเหนียวแน่นลงไปเล่นแทน
อีก 3 นาทีต่อมา ไม่ต้องรีรออะไรแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ เมื่อพวกเขายัดกองหน้าที่มีลงไปให้หมด ส่งเชโก้ลงเล่นแทนซิลบาที่วันนี้หายไปจากเกมจริงๆ ตอนนี้มีทั้งอเกวโร่, เตเบซและเชโก้อยู่ในสนาม
นาทีที่ 78 ในที่สุดก็ตีเสมอได้อย่างที่หวังซะที สำหรับแมนฯซิตี้เมื่อพวกเขามาได้จุดโทษในจังหวะที่ซาบาเลต้ายิงไปอัดมือของเอสเซียงเต็มๆ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษ ก่อนที่อเกวโร่จะยิงหลอกให้เช็กพุ่งไปอีกทาง บอลเสียบเข้าประตูไป แมนฯซิตี้ 1-1 พร้อมมองลุ้นถึงชนะแล้ว
นาทีที่ 86 สวยงามพร้อมความหวังลุ้นแชมป์ต่อเนื่อง เมื่อเตเบซตอบแทนมันชินี่ ด้วยการเป็นคนจต่ายให้นาสรี่เล่นชิ่ง 1-2 ก่อนที่สตาร์เลือดเฟร้นช์จะทะลุเข้าในกรอบเขตโทษ จิ้มบอลสวนเช็กเข้าประตูไป พลิกกลับขึ้นมาแซงเป็น 2-1
จบ 90 นาที แมนฯซิตี้ต่อความหวังที่จะเบียดลุ้นแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบระทึกต่อไป เมื่อได้เตเบซคัมแบ็คกลับมาจ่ายให้ทีมทำประตูชัยในช่วงท้าย เอาชนะเชลซีไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 จี้แมนฯยูไนเต็ดเหลือ 1 แต้มเท่าเดิม