พิมพ์

[Armin]

"โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" ฮีโร่เหมา 2 ประตูช่วย "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล บุกเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ถึงแอนฟิลด์ โดยประตูชัยได้มาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วย



ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
3 มีนาคม 2555
ลิเวอร์พูล 1-2 อาร์เซนอล

บิ๊กแมตช์ประจำวันเสาร์เป็นเกมระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล โดยที่ทั้งสองทีมต่างยังต้องการที่จะรักษาความหวังในการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งนัดนี้ ลิเวอร์พูล ขาดสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันที่บาดเจ็บจากทีมชาติ และดาเนี่ยล แอกเกอร์ ที่ซี่โครงหักในเกมคาร์ลิ่ง คัพ ขณะที่อาร์เซนอล ได้ ฟาน เพอณ์ซี่ และ โธมัส แฟร์มาเลน ฟิตหายเจ็บกลับมาลงสนามได้ทันเวลา

เริ่มเกมมาทางด้าน อาร์เซนอล เป็นฝ่ายได้ทักทายก่อนในนาทีที่ 8 จากจังหวะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ ได้โอกาสซัดมุมแคบแต่ว่า เปเป้ เรน่า ไม่พลาดล้มตัวรับได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่หลังจากนั้นจะเป็นเจ้าบ้านที่คุมเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน

2 นาทีถัดมา หลุยส์ ซัวเรซ ได้บอลเปิดยาวจาก เรน่า และสามารถเบียดชนะ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ กำลังจะได้หลุดเดี่ยวแต่วอยเซียค เชสนี่ ประตูกันเนอร์ส ออกมาโหม่งทิ้งได้ แต่ยังไม่พ้นอันตรายโดนดาวนิ่ง ยิงสวนแต่โชคดีที่เข้าขวาบอลเลยหลุดกรอบไป

จากนั้นนาทีที่ 18 ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษเมื่อ ซัวเรซ ทำชิ่งกับเดิร์ค เคาท์ ก่อนหลุดเข้าไปดวลกับเชสนี่ แล้วโดนรวบไว้ ผู้ตัดสินเป่าเป้นจุดโทษทันที แต่ปรากฏว่า เคาท์ ที่ขอรับหน้าที่สังหารยิงไปติดเซฟของ เชสนี่ จะซ้ำก็เบาเกินไปโดนเซฟได้อีกรอบ

แต่ถัดมา 5 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูนำจนได้เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้หลุดไปทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางมา ปรากฏว่ากอสเซียลนี่ เตะสกัดพลาดบอลเข้าประตูตัวเองไป เป็นประตูนำ 1-0 สำหรับเจ้าบ้าน

ลิเวอร์พูล ชักได้ใจบุกใหญ่และน่าจะได้ประตูหนีไปด้วยซ้ำเมื่อ เฮนเดอร์สัน ได้โอกาสยิงเผาขนแต่ว่าโดนเชสนี่ เซฟได้จังหวะแรก ซัวเรซ จะซ้ำบอลก็ไปชนเสาเข้าอย่างจังอีก

เจ้าบ้านบุกอยู่ดีๆก็มาโดนประตูตีเสมอแบบง่ายๆในนาทีที่ 31 จากการเปิดบอลทางขวาของ บาการี่ ซาญ่า ก่อนเปิดเข้ามาเนียนๆให้ ฟาน เพอร์ซี่ สลัดหนีคาร์ราเกอร์ ก่อนพุ่งโหม่งเข้าไปอย่างเหนือชั้น เป็นประตูตีเสมอ 1-1

จากนั้นเจ้าบ้านพยายามที่จะยิงนำให้ได้อีกครั้ง และน่าจะทำได้ด้วยเมื่อ ซัวเรซ โชว์พลิ้วเลื้อยหลบ 2 กองหลังก่อนที่จะได้ยิงเองด้วยขวาเน้นๆแล้วแต่ว่า เชสนี่ ยังปัดด้วยปลายมือออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

จากนั้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองอีกครั้งเมื่อ ชาร์ลี อดัม เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ามาถึงเคาท์ เข้าฮอสได้พอดี บอลผ่านมือ เชสนี่ ไปแล้วแต่ยังมีเสาขัดลาภทำให้เกมจบลงในครึ่งแรกด้วยการเสมอกันอยู่

ครึ่งหลังกลับมาลงสนามใหม่ได้ไม่ทันไร อาร์เซนอล ต้องเจอข่าวร้ายเมื่อ อาร์เตต้า ปะทะกับเฮนเดอร์สัน ตรงกลางสนามจนหมดสติไม่สามารถลงเล่นต่อได้ทำให้ต้องโดนหามออกจากสนาม และให้อาบู ดิยาบี้ ลงมาแทน

เกมหลังจากนั้นค่อนข้างตันต่างฝ่ายต่างก็เจาะไม่เข้าทั้งคู่ แต่ ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูนำอีกครั้งในนาทีที่ 69 จากจังหวะต่อเนื่องของลูกเตะมุมที่อาร์เซนอล สกัดไม่ขาด อดัม จ่ายบอลออกขวาให้ เคาท์ มีเวลาเลือกเปิดไปเสาไกลเน้นๆ โดยมี เคลลี่ โผมาเข้าฮอสแต่กลับยิงวืดไปอย่างเหลือเชื่อทั้งที่แตะบอลเฉยๆก็เข้าแล้ว

แต่อาร์เซนอล ก็น่าจะได้ประตูเหมือนกันจากการขึ้นเกมสวยๆโดย ซง แทงบอลเข้าเขตโทษมี กิ๊บบ์ส ทะลุขึ้นมาพอดีก่อนตบกลับมาถึง วัลค็อตต์ ได้ตั้งป้อมแปเน้นๆแต่กลับยิงไม่เต็ม บอลไปแฉลบ สเคอร์เทล กับคาร์ราเกอร์ ก่อนโดน เรน่า ล้มตัวใช้ขาเซฟได้อย่างหวุดหวิด

เจ้าบ้านไม่สนใจเปิดฉากบุกหนักต่อ และทำได้ดีในจังหวะที่ เคาท์ กระชากลุยฝ่าดงเข้าเขตโทษแต่่จังหวะสุดท้ายจ่ายเข้ากลางไม่ถึงเพื่อน ก่อนที่ เฮนเดอร์สัน จะเปิดบอลจากขวาโดนสกัดมาหน้าเขตโทษ ดาวนิ่ง วิ่งมาหวดสวนทันทีีด้วยซ้ายลูกถากเสาออกไป

เกมในช่วงที่เหลือ ลิเวอร์พูล ครองบอลมากกว่าก็จริงแต่ไม่สามารถจะหาจังหวะลุ้นเหมาะๆได้เลย และมาโดนยิงเอาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่ออาร์เซนอล บุกขึ้นมาโดย อเล็กซ์ ซง ชิพบอลเข้าเขตโทษให้ ฟาน เพอร์ซี่ หวดด้วยอีซ้ายข้างถนัดเต็มๆ บอลแหวกผ่านเรน่า ที่พยายามป้องกันที่เสาแรกแต่เอาไม่อยู่ เป็นประตูพลิกนำ 2-1 ของทีมเยือน และเป็นประตูชัยในเกมนี้ไปโดยปริยาย