พิมพ์

[Armin]

"เดิร์ค เคาท์" ฮีโร่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซัดชัยในช่วงก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที พาทีมเอาชนะ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างหวุดหวิด 2-1 เขี่ย อริ ตกรอบ เอฟเอ คัพ
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 4
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 2-1 "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด



ศึกวันแดงเดือด!! ระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาพบกันอีกครั้งในรายการ เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 หลังจากที่ปีกลายก็เจอกันในรอบที่ 3 และเป็นฝ่ายหลังที่เอาชนะได้ และยังมีปมเรื่องคดีเหยียดสีผิวระหว่าง "หลุยส์ ซัวเรซ" และ "ปาทริซ เอวร่า" ในเกม เมื่อเดือน ต.ค. ด้วย

     "ลิเวอร์พูล" นั้นมีการปรับทัพโดยใช้ "แอนดี้ แคร์โรลล์" ยืนหัวหอกตัวจริง และในแนวรับมี "เจมี่ คาร์ราเกอร์" ลงมาช่วยงานด้วย ขณะเดียวกันที่ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บแทบครึ่งทีมโดยเกมนี้มาขาดเพิ่มทั้ง "ฟิล โจนส์, นานี่ และเวย์น รูนี่ย์" ทำให้ต้องใช้  "แดนนี่ เวลเบ็ค" ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแทน

     เกมเปิดฉากมาในนัดนี้ "มักซี่" ขอยิงประเดิมเพื่อเป็นการทักทายให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก่อนจากการซัดระยะ 25 หลาแต่ว่าไม่มีลุ้น "ดาวิด เด เคอา" รับได้สบายๆ ก่อนที่ "แมนฯ ยูไนเต็ด" จะได้ลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 8 จากการเปิดบอลของ "อันโตนิโอ วาเลนเซีย" จากฝั่งขวาเข้ามา "พาร์ค ชี ซอง" แปะบอลคืนให้กับ "กิ๊กส์" ทะยานเข้ามาซัดเต็มข้อด้วยขวาแต่ว่าตรงตัว "โฆเซ่ เรน่า"
จากนั้น "แมนฯ ยูไนเต็ด" เกือบได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ "วาเลนเซีย" ได้ลุยแหวก "มักซี่" มาก่อนซัดติดไซด์ก้อยบอลผ่านมือ "เรน่า" ไปแล้วแต่ไปชนเสาเข้าเต็มๆ เจ้าบ้านเลยรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
แต่ทว่าอีก 4 นาทีถัดมา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั้นมาได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 เมื่อได้ลูกเตะมุมจาก "สตีเว่น เจอร์ราร์ด" ที่เปิดบอลเข้ามากลางประตูถึง "ดาเนี่ยล แอกเกอร์" ขึ้นโขกเหน่งๆเข้าประตูไป
เจ้าบ้านชักได้ใจขอลุ้นอีกที เมื่อได้สวนกลับ "เจอร์ราร์ด" ได้บอลกลางสนามก่อนลากยาวมาถึงกรอบประตู ก่อนตัดสินใจยิงเองด้วยขวาแต่บอลกลับไม่เข้ากรอบ ก่อนที่เกมของลิเวอร์พูล จะแผ่วไปปล่อยให้ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เป็นฝ่ายได้บุกมากขึ้นเรื่อยๆ
และมาถึงนาทีที่ 39 นั้น "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นได้เหนือกว่าก็ตีเสมอจนได้ เมื่อ "ราฟาเอล" แย่งบอลจาก "โฆเซ่ เอ็นริเก้" ก่อนสลัดหลุดแล้วเปิดมาให้ "พาร์ค" วอลเล่ย์ ด้วยขวาลูกพุ่งเข้าไปมุดตาข่ายสวยงาม เป็นประตูตีเสมอ 1-1 ซึ่งเป็นประตูปิดท้ายครึ่งแรกด้วยเพราะต่อมานั้นไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้อีก
ครึ่งหลัง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ยังทำได้ดี แต่ในนาทีที่ 56 "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะเสียท่าเอาง่ายๆเมื่อ "ดาวิด เด เคอา" ได้บอลคืนหลังมาแต่จ่ายบอลช้าโดน "ดาวนิ่ง" ตัดบอลไปได้ แต่จังหวะสุดท้ายเปิดไปติดอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่อีกครั้งจะเป็นโอกาสของ "แคร์โรลล์" ที่ได้บอลในเขตโทษเมื่อ "ราฟาเอล" ตัดบอลแล้วลื่นล้มเองในเขตโทษ แต่จังหวะกลับตัวยิงไปติดบล็อกของ "สมอลลิง" โดย "แคร์โรลล์" นั้นพยายามร้องขอจุดโทษแต่ก็ไม่สำเร็จ
ช่วงต่อมา "กองทัพผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เสียวบ้างเมื่อ "เวลเบ็ค" ได้บอลจ่ายทะลุช่องจนได้หลุดไปดวลกับ "เรน่า" ที่พยายามออกมาตัดบอลนอกเขตโทษแต่ดันพลาดท่า โดนแตะหลบได้แต่แต่งบอลยาวไปโดน "สเคอร์เทล" ตามมาสกัดไปได้อย่างหวุดหวิด
เกมของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่ดีขึ้นทำให้ "ดัลกลิช" นั้นตัดสินใจถอด "คาร์ราเกอร์" และ "มักซี่" ออกให้ "ชาร์ลี อดัม" กับ "เดิร์ค เคาท์" ลงสนามมาแทน ก่อนที่ "ลิเวอร์พูล" จะได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลาของ "เจอร์ราร์ด" แต่ปั่นโค้งเบาเกินไป "เด เคอา" พุ่งไปเซพเอาไว้ได้ในนาทีที่ 67 "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เริ่มแผ่วไปเกือบมีเฮ เมื่อ "คาร์ริค" ได้ลองยิงหักข้อด้วยซ้ายระยะ 25 หลาบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ "ดัลกลิช" จะทิ้งทีเด็ดสุดท้ายแบบช็อกแฟนๆเมื่อถอดกัปตันอย่าง "เจอร์ราร์ด" ออกและให้ "เบลลามี่" ลงสนามแทน
ด้าน "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่ง ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" "เอร์นานเดซ" ลงมาแทน "สโคลส์" เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกมดีขึ้น ส่วนเกมเป็นทางเจ้าบ้านที่ครองบอลมากกว่าแต่แทบทำอะไรไม่ได้เลย จะมีลุ้นก็นาทีที่ 82 จากจังหวะการหลุดไปเปิดทางซ้ายของ "ดาวนิ่ง"  เข้ามาให้ "เดิร์ก เคาท์" นั้นขึ้นโหม่งแต่ก็เบาและไม่เข้ากรอบ
ก่อนหมดเวลา 4 นาที ทีมเยือนทำได้ดีเมื่อ "วาเลนเซีย" นั้นได้บอลสาดจาก "เด เคอา" ก่อนเอาบอลลงแล้วกระชากหนี "เอ็นริเก้" แล้วเปิดมาเสาไกลถึง "เวลเบ็ค" เก็บเอาบอลลงแต่ไม่มีมุมยิง สุดท้ายลากตัดมาซัดแต่ก็ข้ามคานออกไปเยอะ
แต่ในนาทีถัดมาฝ่ายของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูนำ 2-1 อีกครั้งเมื่อ "เรน่า" เปิดบอลยาวไปในแดน "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด "แคร์โรลล์" โขกเช็ดให้ "เคาท์" หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษก่อนที่จะซัดด้วยขวาบอลกระดอนพื้นผ่าน "เด เคอา" และเหลือเวลาอีกแค่ 2 นาที
เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูฝังทันทีเมื่อ "ดาวนิ่ง" ได้หลุดไปทางซ้ายก่อนหยอดไปเสาไกล "แคร์โรลล์" ขึ้นโขกย้อนศรเน้นๆแต่ดันโชคไม่ช่วย บอลกลับไปชนคาน บอลกระเด้งมาเข้าทาง "เคาท์" ตามซ้ำแต่ว่าสุดท้ายก็ถากเอาเสาออกไปแบบไม่มีใครอยากเชื่อ