ผู้เขียน หัวข้อ: (25 ม.ค. 55) "หงส์แดง" เข้าชิงคาร์ลิ่ง!! แว้วว ไล่เจ๊าเรือ 2-2  (อ่าน 1603 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 (25 ม.ค.55)
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 2-2 "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ลิเวอร์พูล ชนะผลรวม 2 นัด 3-2)
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพ เป็นทีมที่ 2 หลังจากที่สามารถไล่ตามตีเสมอ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 2 ครั้ง ก่อนจบเกมด้วยการเสมอในเวลา 2-2 และชนะด้วยผลรวม 2 นัด 3-2



ฟุตบอลคู่เอกศึก คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล พบกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกครั้ง หลังทำได้ดีที่บุกไปชนะนัดแรกที่ สนาม "เอติฮัด สเตเดี้ยม" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเกมนี้ "เคนนี่ ดัลกลิช" ดร็อป "แอนดี้ แคร์โรลล์" และให้ "เคร็ก เบลลามี่" มายืนในส่วนของกองหน้าโดยมี "เดิร์ค เคาท์" นั้นคอยช่วยอยู่ ขณะเดียวกับที่ทีมเยือน "โรแบร์โต้ มันชินี่"  นั้นก็ดร็อป เซร์จิโอ “กุน” อเกวโร่ เหมือนกันและให้ "เอดิน เชโก้" ยืนกองหน้าคนเดียว

      เกมในช่วงต้นเริ่มมาทั้งสองทีมนั้นยังคงพยายามหาช่องเข้าทำประตูอยู่ แต่เมื่อมาถึงนาทีที่ 4 นั้นเจ้าบ้านเองก็ได้โอกาสทองที่จะทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะการเติมทางซ้ายของ "ดาวนิ่ง" เปิดบอลเข้าไปที่กลางประตู ปรากฏว่า "โคลารอฟ" สกัดไม่ดีมาเข้าทาง "โฆเซ่ เอ็นริเก้" ได้ยิงจ่อๆเพียงแค่ 6 หลาแต่ดันมาโดน "โจ ฮาร์ท" ใช้ขาเซฟไว้ได้ แต่ "ดาวนิ่ง" ก็พยายามจะซ้ำแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปเยอะ
     เวลาถัดมานั้น "เบลลามี่" ได้บอลเปิดทะลุช่องจนได้หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่ตัดสินใจไม่ดี ลากบอลไปติดมุมอับทำให้จังหวะสุดท้ายโดนบีบและต้องเปิดหักกลับมาก็ติดบล็อกออกไป ขณะเดียวกันที่ "เรือใบ" แมนฯ ซิตี้ มาได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 8 จากจังหวะยิงไกลของ "นาสรี่" แต่บอลไม่เข้ากรอบ ปลิวห่างไปไกล
     นาทีที่ 10 เจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นจากการยิงไกลบ้างเมื่อ "ชาร์ลี อดัม" ที่ได้ซัดด้วยขวาข้างที่ไม่ถนัด บอลหนักแต่ก็ตรงตัว"ฮาร์ท" ล้มตัวรับได้แบบสบายๆ ก่อนที่ "เรือใบ" แมนฯ ซิตี้ นั้นจะสวนกลับเร็วโดย "ดาวิด ซิลบา" ได้พาบอลขึ้นมาถึงระยะ 30 หลาก่อนเปิดออกซ้ายให้ "โคลารอฟ" เติมมาได้สวยและพยายามตบกลับมาแต่ว่าโดน "แอกเกอร์" สกัดได้อย่างน่าใจหาย
     ต่อมานั้นเกมเป็นของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ที่เป็นฝ่ายครองบอลได้มากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็ยังหาจังหวะได้โดย "เบลลามี่" ได้บอลจ่ายแถวหน้ากรอบเขตโทษระยะ 20 หลา ก่อนจะล็อกหลบ "สเตวาน ซาวิช" แล้วยิงเร็วทันทีแต่ว่า "ฮาร์ท" ก็ยังเซฟได้อย่างไม่มีปัญหา
     "เบลลามี่" ยังป่วนได้ดี และได้บอลจ่ายจาก "เคาท์" จนหลุดเข้าเขตโทษและยิงผ่าน "ฮาร์ท" บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงามแต่พระเจ้าไม่มีตา ดันโดนจับเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน แฟนๆถึงกับใจหาย
     เกมเปิดแลกกันอย่างสะใจแม้ว่าจะยังหาช่องทางเข้าทำประตูกันยังไม่ได้ แต่ในนาทีที่ 31 "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ กลับมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแบบไม่มีใครคาดคิดเมื่อ "ซิลบา" ครองบอลได้แถวระยะ 30 หลาก่อนไหลใส่พานให้ "ไนเจล เดอ ยอง" เติมมาซัดบอลพุ่งโค้งเป็นมิสไซล์เข้าสามเหลี่ยมเมอวิวด้าร์ไปแบบสุดงามเหลือเชื่อ!!
     หลังโดน 1-0 ซึ่งทำให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกัน 1-1 เจ้าบ้านก็เร่งโหมเกมหนักขึ้นทันที และมีลุ้นจากจังหวะที่ "อดัม" ทะลุเข้าเขตโทษก่อนตวัดยิงมุมแคบทันทีแต่ว่า "ฮาร์ท" ยังเซฟได้
     จากนั้น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั้นก็เปิดเกมถล่มอย่างหนักหน่วงทุกทิศทางชนิดที่ "แมนฯ ซิตี้" นั้นต้องถอยไปตั้งรับหมด และสุดท้ายก็มาพลาดเสียจุดโทษในนาทีที่ 40 ในจังหวะที่ "ลิเวอร์พูล" บอมบ์เข้าเขตโทษและเป็น "แอกเกอร์" ที่ซัดไปติดแขนของ "ไมกาห์ ริชาร์ดส" และ "สตีเว่น เจอร์ราร์ด" ยอดกัปตันซัดเสียบมุมตีเสมอให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไล่ตามมาเป็น 1-1 และผลสกอร์รวมกลับมานำ 2-1
     ในท้ายครึ่งแรกทิศทางของเกมยังเป็นทางด้านเจ้าบ้านที่พยายามกระหน่ำบุกกดดันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม สุดท้ายเกมจบครึ่งแรกใน 45 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1
     เข้าสู่ครึ่งหลัง "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ส่ง “กุน” อเกวโร่ ลงสนามมาแทน "ซาวิช" เพื่อลดจุดอ่อนในแนวรับและเสริมแกร่งในแนวรุก แต่โอกาสแรกของครึ่งหลังนั้นเป็นการยิงของ "เคาท์" ที่ได้ยิงสวนในจังหวะที่ "แมนฯ ซิตี้" สกัดออกมาไม่ขาดแต่ก็ตรงตัว "ฮาร์ท" อีกเช่นเคย
     ทีมเยือนเริ่มมาหาโอกาสได้บ้างจากจังหวะที่เซ็ตบอลขึ้นมาและเป็น "โคลารอฟ" ที่ได้ลองซัดในเขตโทษด้วยซ้ายแต่ก็ข้ามคานไปเยอะ แต่ "แมนฯ ซิตี้" ก็รอดตัวอีก 2 จังหวะติดๆกัน โดย "สเคอร์เทล" ได้ดีดบอลในเขตโทษแต่ "ฮาร์ท" ซูเปอร์เซฟ ปัดบอลออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะเซฟลูกวอลเล่ย์เหน่งๆของ "ดาวนิ่ง" อีกครั้งได้ด้วยขา
     หลังจากนั้น "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ พยายามดึงเกมกลับมา ขณะเดียวกันที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั้นก็เริ่มมีอาการป้อแป้เหมือนกันหลังพยายามเล่นเพรสซิ่งสูง ไล่บี้ตลอดตั้งแต่ต้นเกมทำให้เกมเหนื่อยลงไปเล็กน้อย
     แต่มาถึงนาทีที่ 67 "แมนฯ ซิตี้" ก็กลับมาขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ "โคลารอฟ" นั้นครอสบอลอย่างแม่นผ่านปากประตูมาถึง "เชโก้" โผล่มาลงล็อคซัดเป็นประตูนำไป 2-1 ประตูและทำให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกัน 2-2
     แต่ทว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็เร่งเครื่องและกลับมาตามตีเสมออีกครั้งในนาทีที่ 73 จากจังหวะการขึ้นเกมของ "เคาท์" ที่พาบอลมาก่อนและไหลให้ "เบลลามี่" ทำชิ่งหนึ่งสองกับ "เกล็น จอห์นสัน" ก่อนจะหลุดไปยิงด้วยซ้ายเข้าไป ทำให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 ในเกมปกติ และขึ้นนำ 3-2 ในผลสกอร์รวม 2 นัด
     ช่วงเวลาที่เหลือ "แมนฯ ซิตี้" นั้นพยายามที่จะตามกลับมายิงแซงในเกมให้ได้อีกครั้งเพื่อที่จะลุ้นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ทางด้าน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็ยันเอาไว้ได้จนหมดเวลา จบเกมสกอร์เสมอกัน 2-2 ผลรวม "ลิเวอร์พูล" ชนะ 3-2 ได้ผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศ "คาร์ลิ่ง คัพ" ตาม "คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้" ไปสำเร็จ!!
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา