เกล็น จอห์นสัน กลายเป็นฮีโร่ช่วย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อทำประตูชัยด้วยการปั่นบอลสุดสวยก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาทีให้ทีมใหม่บุกมาเอาชนะทีมเก่าดั้งเดิมอย่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ได้อย่างหวุดหวิด 2-1 ทั้งที่โดนขึงเกมบุกตลอดครึ่งหลัง
“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ลงสนามในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยเกมนี้หัวหอกค่าตัวแพงอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นแค่ตัวสำรองของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เช่นกันกับ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่โดนดร็อปเปิดทางให้ เดิร์ค เคาท์ ลงสนามแทน
เกมเปิดมาในช่วงแรกไม่ค่อยมีจังหวะลุ้นอะไรกันมากนัก โดย ลิเวอร์พูล พยายามเน้นบอลกับพื้นเล่นตามช่องขณะที่ เชลซี หวังกับการฝากบอลยาวให้ ดร็อกบา เล่นมากเป็นพิเศษตามสไตล์ถนัด
โอกาสง้่างเท้าที่ชัดเจนที่สุดช่วงต้นเกมเป็นของเจ้าบ้าน โดยเป็นการวอลเล่ย์ของ ฆวน มาตา ที่ไปแฉลบ ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ออกไป ขณะที่ ลิเวอร์พูล หวังจะใช้ความคล่องตัวของ เคร็ก เบลลามี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ เล่นงานแต่ก็ยังไม่ได้ผลดีนัก
จากนั้นแฟนๆเกือบได้เฮกันสนั่นเมื่อ เชลซี ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา และเป็น ดร็อกบา ที่ซัดบอลเหมือนจะเข้าไปตุงตาข่ายแล้วแต่ไม่ใช่ เป็นการพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปก่อนกระเด้งเข้าด้านหลังตาข่าย ที่ทำให้เข้าใจผิดกันทั้งสนาม
แต่เล่นไปเล่นมา ลิเวอร์พูล กลับมานำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 33 โดยเป็นจังหวะที่ ปีเตอร์ เช็ก จ่ายให้ มิเคล ที่พลาดเสียบอลให้ ชาร์ลี อดัม ก่อนที่ ซัวเรซ จะผ่านบอลให้ เบลลามี่ ต่อบอลให้ มักซี่ ได้โอกาสยิงผ่าน เช็ก เข้าไปตุงตาข่าย
หงส์แดง กลายเป็นสร้างความปั่นป่วนได้มากทีเดียวหลังได้ประตูขึ้นนำ แต่ที่สุดแล้วเกมก็จบลงใน 45 นาทีแรกด้วยประตูโทนของ มักซี่ นั่นเอง
ครึ่งหลัง เชลซี มีการปรับทัพโดยถอด มิเคล ออกและส่ง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงมาเพื่อเสริมแนวรุกโดยถอย มาตา ลงมาปั้นเกมมากขึ้น ซึ่งการแก้เกมครั้งนี้ได้ผลเพราะเกมของเจ้าบ้านดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
ถึงนาทีที่ 55 เชลซี ก็ไล่ตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 จาก สเตอร์ริดจ์ นั่นเอง โดยเป็นการดันเกมขึ้นมาโดย เทอร์รี่ ก่อนจะไหลให้ มาลูด้า เปิดเข้ามาที่เสาไกลให้กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ จบสกอร์เข้าไป
ถัดมา 2 นาที เชลซี น่าจะหนีไปด้วยเมื่อได้ฟรีคิกริมเส้นทางซ้าย ดร็อกบา เปิดโค้งเข้ามาถึง อิวาโนวิช โขกเช็ดแต่ว่า เปเป้ เรน่า ซูปเอร์เซฟบินปัดบอลออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ หลังจากนั้น เรน่า ยังช่วยชีวิตทีมได้อีกครั้ง เมื่อต้องวิ่งร้อยเมตรออกมาโขกบอลทิ้งนอกเขตโทษ ก่อนที่จะโดนโฉบไปกิน โดยที่บอลทะลักไปถึง เทอร์รี่ พยายามซัดจากระยะ 50 หลาแต่ก็หลุดกรอบออกไปเยอะ
เชลซี ยังบดหนัก และ มาลูด้า เกือบยิงสุดสวยเมื่อได้บอลเปิดจาก มาตา ก่อนจะพักอกในเขตโทษก่อนตีลังกายิงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้น มาลูด้า ได้บอลเปิดจาก อิวาโนวิช เพื่อเข้าฮอสระยะ 6 หลาแต่กลับยิงพลาดไปแบบน่าเสียดายสุดๆ
ถึงนาทีที่ 82 ตอร์เรส ถูกส่งลงสนามมาพร้อมกับ ราอูล เมยเรเลส สองอดีตแข้งหงส์ แต่กลับกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่หวิดจะได้ประตูในนาทีที่ 86 จากจังหวะของ 2 ตัวสำรองอย่าง เฮนเดอร์สัน เปิดบอลจากขวาเข้ามาให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง พักบอลให้ เคาท์ ยิงระยะแค่ 5 หลาหลุดไปแบบเหลือเชื่อ
แต่นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูนำอีกครั้งจากความสุดยอดของ เกล็น จอห์นสัน ที่เกี่ยวบอลลงมาเล่นได้สวยก่อนลากหลบ แอชลี่ย์ โคล แล้วปั่นบอลด้วยอีซ้ายเข้าไปอย่างสุดงามเป็นประตู 2-1 ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที ซึ่งที่สุดแล้วก็เป็นประตูชัยในเกมนี้ด้วยทำให้ทีมกลับมาชนะได้อีกครั้ง