กลายเป็นอีกเกมที่ต้องบันทึกไว้สำหรับเอฟเอ คัพ รอบที่ 4 นัดรีเพลย์ระหว่าง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ที่ต้องอกหักแบบเหลือเชื่อ เมื่ออุตส่าห์ขึ้นนำในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่กลับโดน ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ไล่ตีเสมอก่อนหมดเวลานาทีเดียว และมาแพ้ในการดวลจุดโทษตกรอบแบบใจสลาย
เชลซี เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ในเกมรีเพลย์เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 หลังจากที่เสมอกันมา 1-1 ในเกมแรกที่ กูดิสัน ปาร์ค
เกมนี้เจ้าบ้านไม่มีชื่อของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ติดคัพไทเพราะเคยเล่นให้ลิเวอร์พูล มาก่อน ทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เลือกใช้บริการ ซาโลมง กาลู ลงเล่นร่วมกับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ขณะที่ทีมเยือนขาดตัวเก่ง หลุยส์ ซาฮา ก็เลยต้องให้ เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ลงยืนประจำการแทน
เริ่มเกมมาทางด้าน เชลซี เป็นฝ่ายที่เล่นได้เหนือกว่า และมีจังหวะใกล้เคียงจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 19 โดยเป็นจังหวะฟรีคิกด้านข้าง แฟรงค์ แลมพาร์ด เปิดเข้ามาเป็นทาง ฟิล จากีลก้า กองหลังเอฟเวอร์ตัน พยายามโหม่งสกัดแต่บอลผิดเหลี่ยมไปชนเสากระเด้งออกมาเข้าทางปืน จอห์น เทอร์รี่ พยายามซ้ำแต่ก็หลุดกรอบออกไป
ถัดมา 6 นาที เชลซี มีโอกาสอีกครั้งจากการบุกทางริมเส้นของ กาลู ที่ได้เลื้อยพาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจะจ่ายหักกลับมาให้ แลมพาร์ด ยิงไปติดบล็อก บอลเด้งกลับมาเปลี่ยนใจไหลต่อให้ มาลูด้า ได้ซัดเน้นๆแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด เซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
เจ้าบ้านยังบุกหนัก ดร็อกบา ใช้ความใหญ่บัง จากีลก้า ไว้ก่อนจะไหลต่อให้ มาลูด้า ได้หลุดไปซัดอีกครั้งแต่ก็ยังติดเซฟ ฮาวเวิร์ด เหมือนเดิม ก่อนที่ ดร็อกบา จะขอลองส่องไกลเอง แต่ก็เหินข้ามคานออกไปเยอะ โดยสุดท้ายก็จบครึ่งแรกด้วยการเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 56 ดร็อกบา ได้เปิดฟรีคิกเข้ามาให้ แลมพาร์ด หาจังหวะสอดตัวเข้าโหม่งบอลหลุดไปเสาแรก และจากนั้นก็มีจังหวะที่น่าจะได้ประตูอีกถึง 2 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อ รามิเรส เปิดจากริมเส้นเข้ามาให้ แลมพาร์ด เข้าฮอสเหน่งๆแต่ว่า ฮาวเวิร์ด ซูเปอร์เซฟปัดได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่ มาลูด้า จะเปิดลูกเตะมุมในจังหวะต่อมาให้ อิวาโนวิช ยิงเผาขนก็ยังโดนสกัดได้จากเส้นประตู
เกมยื้อกันไปจนถึงช่วงก่อนหมดเวลา เอฟเวอร์ตัน ที่ยันมาตลอดเกมก็เกือบได้เฮเมื่อ เลช์ตัน เบนส์ ส่องไกลจากหน้าเขตโทษ ปีเตอร์ เช็ก ปัดออกมาไม่ดีเข้าทาง มารูยาน เฟลไลนี่ ยิงซ้ำแต่ว่า ไลน์แมน ยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ทำให้เกมจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 เมื่อครบ 90 นาที และต้องเล่นต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาทีด้วยกัน เพราะไม่มีการนับเรื่องของกฏประตูทีมเยือน
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ เชลซี มีการเปลี่ยนตัวเอา นิโกล่าส์ อเนลก้า ลงมาแทน มาลูด้า ซึ่งรูปเกมก็เป็นทางเจ้าบ้านที่ยังได้ลุ้น โดย แลมพาร์ด ได้มีโอกสลองส่องไกลแต่ว่าติดบล็อกไปจังหวะ และอีกจังหวะถากเสาออกไป
แต่ถึงนาทีที่ 104 แลมพาร์ด ก็มาทำประตูขึ้นนำให้ทีมได้จากการขึ้นเกมของ อเนลก้า ที่หลบ ดิสแต็ง และ เบนส์ ได้ก่อนจะเปิดมาให้ ดร็อกบา พักอกต่อให้ แลมพาร์ด ซัดเต็มๆเสียบตาข่ายอย่างสุดมัน
เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ก็พยายามประคองตัวเพื่อรักษาสกอร์จนหมดเวลา แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ เอฟเวอร์ตัน ที่ไม่ยอมแพ้และพยายามโหมเกมหนักก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากการปั่นฟรีคิกระยะ 25 หลาของ เบนส์ เข้าไปอย่างสุดงาม ทำให้เกมจบลง 120 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1 และต้องตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษ
และปรากฏว่าทีมเยือนเป็นฝ่ายที่แม่นเป้ากว่า โดยยิงเข้าถึง 4 คนพลาดแค่ เบนส์ ที่ยิงคนแรกคนเดียว ส่วน เชลซี ยิงเข้าแค่ 3 คนโดย แอชลี่ย์ โคล และ อเนลก้า ยิงพลาดทำให้จบเกม เอฟเวอร์ตัน เป็นฝ่ายกำชัยชนะได้สำเร็จได้ผ่านเข้าสู่รอบ 5 พบกับ เร้ดดิ้ง ต่อไป