จัดได้ว่าเป็นคู่ไม้เบื่อไม้เมาลำดับต้นๆของวงการฟุตบอลจริงๆสำหรับทางด้านของ
โจเซ่ มูริญโญ่ นายใหญ่ทีมเชลซี และ
อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ของทีมอาร์เซน่อล สองคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน โดยล่าสุดแม้ว่าประเด็นร้อนในเกมลอนดอนดาบี้แมทที่ลูกทีมของ เวนเกอร์ บุกไปพ่ายให้กับลูกทีมของ มูริญโญ่ จะถูกเคลียร์จบสิ้นจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษไปแล้วด้วยการปรับโทษของ
กาเบรียล เปาลิสต้า ที่เดิมถูกยกเลิกใบแดงจากการอุทธรณ์ผ่านของอาร์เซน่อลเป็นแบนหนึ่งเกม (ลดกระแสความไม่พอใจจากทางฝั่งเชลซีที่คอสต้าโดนแบนสามเกม)
แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกลบเสียงลือเสียงเล่าอ้างในด้านลบจากทางฝั่งกุนซือทีมสิงห์บลู โดย
มูริญโญ่ ได้ออกมาเปิดศึกน้ำลายใส่เวนเกอร์ก่อนในทำนองว่าเป็นพวกที่ได้อภิสิทธิ์เหนือกุนซือของทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากทางเอฟเอ หรือทางสโมสรอาร์เซน่อลเองก็ตาม เขาสามารถที่จะยืนคุมทีมข้างสนามได้แบบไม่ต้องเกรงกลัวใครในพื้นที่คุมทีมของเขา เขานึกจะผลักอกใครเขาก็ทำได้ เขาอยากตำหนิใครก็ทำได้โดยที่เขาไม่โดยลงโทษได้ ในด้านผลงานแม้จะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการใดๆ ได้นานหลายปีติดต่อกันแล้วแต่เขาก็ยังนั่งแท่นคุมทีมใหญ่อย่างอาร์เซน่อลได้อย่างสง่าผ่าเผยอยู่ดี
ขณะที่
เวนเกอร์ หลังทราบคำกล่าวของฝ่ายแรกก็ออกตอกกลับว่า ผมรู้ดีว่าผมทำอะไรอยู่ผมก็แค่ทำงานของผมกับทีมให้เสร็จสิ้นและเราทำเพื่อแฟนบอล ตลอดเส้นทาง 30 ปีบนเวทีลูกหนังผมทราบดีว่าสิ่งใดที่เราต้องการ ใช่ มันคือการเล่นฟุตบอลให้ดี (เหมือนที่ผมพยามทำมันมาตลอด) (เวนเกอร์ และมูริญโญ่เป็นสองกุนซือที่มักจะทำสงครามน้ำลายกันเป็นระยะมาตั้งแต่สมัยที่มูริญโญ่คุมทีมเชลซีคำรบแรกแล้ว แต่ที่ดูจะเรียกเสียงวิจารณ์ได้มากก็คือการที่เวนเกอร์ปฏิเสธจะจับมือกับมูริญโญ่ในเกมก่อนเปิดซีซั่นนี้)