พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆสำหรับสถานการณ์ของกุนซือ
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงนี้ เพราะนอกจากผลงานจะย่ำแย่กระทั่งถูกกระแสกดดันอย่างหนักแล้ว ล่าสุดยังโดนโจมตีย้อนหลังแบบอ้อมๆจากอดีตกัปตันทีมขวัญใจแฟนบอลเดอะต็อปอย่าง
สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกด้วย
ทั้งนี้
เจอร์ราร์ด ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นระยะเวลาสองซีซั่นได้กล่าวเผยถึงเหตุการณ์ในเกมแดงเดือดเกมสุดท้ายที่เจ้าตัวได้ลงเล่น และเป็นการลงเล่นเพียง 38 วินาที เนื่องจากโดนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามเมื่อซีซั่นที่แล้วว่าต้นเหตุนั้นมาจาก
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั่นแหละ เพราะตัวเขารู้สึกโมโหกุนซือรายนี้มากที่ดันจับเขานั่งเป็นตัวสำรอง ทั้งๆที่เกมแดงเดือดครั้งนั้นจะเป็นเกมแดงเดือดสุดท้ายที่เขาจะได้ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล แล้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้ผ่านร้อนผ่านหนาวกับบรรยากาศของเกมแดงเดือดมาอย่างโชกโชน ด้วยประสบการณ์ค้าแข้งในฐานะกัปตันทีมหงส์แดงอันยาวนาน
สำหรับเกมแดงเดือดที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านพบกับแมนฯยูไนเต็ด และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-2 กระทั่งนำมาสู่จุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาชวดโควตาฟุตบอลยุโรปในซีซั่นนี้
เจอร์ราร์ด ถูกส่งลงสนามไปในครึ่งเวลาหลัง ซึ่งเป็นการแก้เกมส์จากร็อดเจอร์สหลังจากทีมตกเป็นรองในครึ่งเวลาแรก ทว่าเพียง 38 วินาทีเจอร์ราร์ดก็ทำเรื่องน่าตกใจเมื่อไปย้ำเข้าใส่ข้อเท้าของอันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์ทีมเยือนเข้าอย่างจัง
อย่างไรก็ตามนอกจากโทษที่ความโมโหในตัวกุนซือ
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แล้ว
เจอร์ราร์ด ก็ยังได้กล่าวโทษตัวเองต่อไปด้วยว่าที่จริงแล้วตนเองก็ควรจะทำอะไรให้ทีมได้ดีกว่านี้ ควรจะมีความนิ่ง และเป็นมืออาชีพกว่านี้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อทีมที่สุดไม่ควรที่จะแสดงการเล่นอันเห็นแก่ตัวแบบนี้ออกมา (เจอร์ราร์ดกล่าวว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องรีบออกมากล่าวขอโทษทุกคนหลังจากที่เกมแดงเดือดครั้งนั้นจบลง)