พิมพ์

[Soccer]

หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทำให้แฟนบอลผิดหวังอีกครั้ง เมื่อทำได้เพียงแค่เสมอกับ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ ไปแบบสุดหนืด 1-1 โดยเกมนี้ หลุยส์ ซัวเรซ พลาดโอกาสเป็นกระบุงโกย

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงสนามในพรีเมียร์ลีก เป็นคู่ปิดท้ายคืนวันเสาร์โดยรับมือ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ โดยที่ทางด้าน เคนนี่ ดัลกลิช จัดทัพชุดเอาใจแฟนเน้นตัวรุกเต็มที่มี เดิร์ค เคาท์, เคร็ก เบลลามี่ ประสานงากนับ หลุยส์ ซัวเรซ รวมถึง เกล็น จอห์นสัน ที่กลับมาอีกครั้งทางแบ็กขวา

เปิดเกมมา ลิเวอร์พูล พยายามกดดันทันที โดยโอกาสลุ้นครั้งแรกมาจาก สเคอร์เทล ได้ขึ้นขวิดบอลแต่ว่าข้ามคานออกไป ก่อนที่ ซัวเรซ จะได้พลิกหลุดเข้าเขตโทษ และพยายามดีดไซด์ก้อยเหนือๆแต่บอลก็เข้าหน้าต่างไปอีก

โอกาสต่อเนื่อง ชาร์ลี อดัม เปิดบอลไปทางซ้ายให้ เบลลามี่ พาบอลไปสุดเส้นก่อนตบเข้ากลาง มามี ซัวเรซ ที่พยายามยิงเล่นแต่ว่า รัดดี้ เซฟได้อย่างเหลือเชื่อ บอลไปชนเสากระดอนมาเข้าทาง ดาวนิ่ง จะซ้ำก็หลุดกรอบไป

ผ่านมาถึงนาทีที่ 15 นอริช สบโอกาสบ้างจากการหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายของ ฮูลาฮัน แต่ว่า เรน่า ยังปิดมุมดีป้องกันได้ ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะตอบโต้บ้างจากการกดดันเข้าเขตโทษ ซัวเรซ ได้บอลโหม่งชงให้จากการเบิ้ลให้ของ จอห์นสัน ก่อนจะหลุดไปตวัดยิงตามน้ำระยะ 8 หลาแต่บอลพุ่งเลยเสาไกลออกไป

ลิเวอร์พูล ยังบุกมากกว่า แต่ว่าทางด้าน นอริช ก็หาโอกาสได้บ้างจากการโหม่งลูกเตะมุมของ มอร์ริสัน ที่ไป จากนั้นแนวรับของเจ้าบ้านเริ่มเปิดช่องโหว่มากขึ้น เบนเน็ตต์ ได้ยืนโล่งๆหน้าเขตโทษ แต่ตัดสินใจช้าทำให้โดนบีบและยิงเบาไปตรงตัว เรน่า

ช่วงจากนี้ เกมของ ลิเวอร์พูล เริ่มดร็อปลงไปเป็น นอริช ที่ครองบอลได้มากขึ้นชัดเจน แต่เล่นไปสักพักเจ้าบ้านก็ค่อยๆกลับมาตั้งหลักได้ใหม่ และมาได้จังหวะลุ้นฟรีคิกระยะอันตรายในนาทีที่ 34 แต่ ดาวนิ่ง ก็ซัดไปติดกำแพง

ถัดมา เบลลามี่ มีจังหวะลุยเข้าเขตโทษก่อนไปสุดเส้นหลัง และพยายามจะตบกลับมากลางประตู แต่โดนสกัดได้ทันก่อน เคาท์ จะถึงบอล ต่อด้วยลูกเปิดจาก ดาวนิ่ง มากลางประตู ซัวเรซ ได้เทคขึ้นโขกแต่บอลเบาเกินไป

เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรกเหมือนเกมจะเริ่มเบาลงไปมาก แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากลุยชุดสุดท้ายที่เปิดบอลมา ปรากฏว่า เบลลามี่ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ และพยายามยิงเล่นทางหลอก รัดดี้ ลูกปลิ้นเข้าประตูสำเร็จ เป็นประตูนำ 1-0 ในครึ่งแรก และ เบลลามี่ ก็ยิงทีมแรกที่เคยเล่นในชีวิตด้วย

ครึ่งหลัง นอริช ได้ทักทายก่อนจากการยิงของ มอร์ริสัน แต่ว่าหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ทำได้น่ากลัวกว่าในนาทีที่ 50 โดย ซัวเรซ เลื้อยบอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนยิงไปแฉลบ และบอลไปชนเสาออกไปอีก เป็นเสาที่ 2 ของ ซัวเรซ ในเกมนี้

ซัวเรซ เริ่มสร้างความปั่นป่วนได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่ได้โอกาสใกล้เคียงจะยิงลูกที่ 2 คือ เบลลามี่ ที่ได้บอลครอสมาที่เสาไกลก่อนจะขึ้นโหม่เหน่งๆแต่บอลเบาเกินไปติดเซฟของ รัดดี้

แต่จากนั้นนาทีที่ 61 นอริช ก็มาตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 จากจังหวะการสาดบอลเข้าเขตโทษ และเป็น แกรนทด์ โฮลท์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาขึ้นโขกแย่งจาก เรน่า ที่ออกมาตัดบอลพลาดเข้าไปตุงตาข่ายสำเร็จ

เกมกลับกลายมาเป็นทีมเยือนที่ได้ทีขี่แพะไล่ บดใส่เจ้าบ้าน และมีจังหวะการโหม่งของ โฮลท์ อีกครั้งแต่ว่าครั้งนี้ เรน่า เซฟเอาไว้ได้ ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญเลย

นอริช บุกไปบุกมาเกือบโดนทีเด็ด ซัวเรซ ที่ใช้ความเขี้ยวเอาตัวสกรีนตัวประกบจนหลุดตำแหน่ง เพื่อรอบอลที่เปิดมาให้ของ เอ็นริเก้ และตัดสินใจยิงทันทีแต่บอลสุดเหยียดไปหน่อยเลยตัดบล็อกของ รัดดี้ ก่อนออกไป

ลิเวอร์พูล เริ่มกดดันเพราะเวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็เกือบมีเฮอีกจากจังหวะที่ ซัวเรซ ได้บอลในเขตโทษอีกครั้งเมื่อเบียดแซะบอลได้ ก่อนยิงไปติดเซฟอย่างน่าเสียดายสุดๆ ก่อนที่ ดัลกลิช จะส่ง แคร์โรลล์ ลงมาแทน ดาวนิ่ง

แคร์โรลล์ ลงมาก็เกือบได้เรื่องเลยเมื่อ ใช้ความใหญ่แย่งเอาบอลชุลมุนในเขตโทษได้ ก่อนจะโหม่งต่อให้ ซัวเรซ จิ้มยิงไปชนเสาแต่ว่าลูกนี้ก็ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

ถัดมา นอริช โต้มาได้น่ากลัวเหมือนกัน โดยเป็น มอริสัน ที่ไหลออกซ้ายให้ พิลคินตัน ที่เติมขึ้นมาพอดีง้างเท้ายิงแต่ว่าติดบล็อกของ จอห์นสัน นิดเดียวเท่านั้น

เจ้าบ้านพยายามจนหยดสุดท้าย โดย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แคร์โรลล์ ได้บอลเปิดมาให้จาก เจอร์ราร์ด แต่โหม่งถากเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น และโอกาสสุดท้ายจริงๆ เจอร์ราร์ด เปิดให้ ซัวเรซ ได้ยิงสุดมันในเขตโทษแต่ว่า รัดดี้ ก็เซฟได้อีก สุดท้ายเกมจึงจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1