ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และไคล์ วอล์คเกอร์ ทำ 2 ประตูสุดสวยให้ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ล้ม “ปืนใหญ่” อาร์เซอนล ได้อย่างสุดสะใจในเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์
ศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์นัดสำคัญเป็นเกมระหว่าง "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส รับมือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล คู่ปรับตลอดกาล โดยเกมนี้ทั้งสองฝ่ายต่างใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามเต็มอัตราศึก เพราะเป็นเกมที่ยอมกันไม่ได้
เกมเปิดฉากมาทั้งสองฝ่ายบู๊ใส่กันทันที และแค่ 6 นาที สเปอร์ส ก็ทักทายก่อนจากจังหวะที่ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแต่ว่ายิงไม่ผ่านเซฟของ วอยเซียค เชสนี่ ที่ออกมาดักทางได้ดี
จากนั้นเกมดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้มีจังหวะลุ้นอะไรมากนัก โดย อาร์เซนอล ได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 15 จากจังหวะได้ลองแปติดไซด์เน้นๆของ วัลค็อตต์ แต่บอลโดนเซฟติดปลายมือนิดเดียวเท่านั้น
ถัดมา 3 นาที สเปอร์ส ได้จังหวะโต้กลับเร็ว โดย แกเร็ธ เบล ตัดบอลได้จากแดนตัวเองก่อนควบขึ้นมาถึงเขตโทษ แล้วตบเข้ากลาง มามี ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เติมมาซัดแต่ข้ามคานออกไป
นาทีที่ 22 อาร์เซนอล เรียกฟาวล์ได้แถวมุมกรอบเขตโทษ มิเคล อาร์เตต้า ขออาสาปั่นบอลกึ่งยิงกึ่งผ่านไปที่เสาไกล แต่บอลโค้งหลุดกรอบออกไป จากนั้นเป็นโอกาสของ วัลค็อตต์ ที่ได้ลากบอลแถวกลางสนามมาก่อนส่องไกลจาก 35 หลาแต่ลูกเรียดและตรงตัว แบร๊ด ฟรีเดล
สเปอร์ส มาได้โอกาสบ้างในนาทีที่ 27 โดย โมดริช วางบอลออกทางขวา เดโฟ หลุดไปก่อนเปิดเข้ามากลางประตูมี ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โฉบมาเอาบอลที่เสาแรกและพยายามจะตอกส้นแต่ว่าไม่ได้
ทีมเยือนโต้ตอบกลับได้น่ากลัวเหมือนกันเมื่อ ฟาน เพอร์ซี่ ได้บอลก่อนกระชากเลื้อยเลาะเส้นหลัง ก่อนจะเปิดหักเข้ามาให้ แชร์วินโญ่ ได้โอกาสยิงเหน่งๆแต่ว่าซัดหลุดกรอบไปแบบเหลือเชื่อ
เกมโดยรวมยังสูสี และมีโอกาสได้ลุ้นกันเรื่อยๆ โดยนาทีที่ 34 อาร์เซนอล ขึ้นบอลมาอีกครั้งโดย แชร์วินโญ่ ก่อนแทงบอลต่อให้ วัลค็อตต์ ตบเข้าซ้ายและซัดจากหน้าเขตโทษด้วยซ้าย ลูกเหินข้ามคานออกไป
อาร์เซนอล ยังเล่นได้ดีอีกพักใหญ่ แต่สุดท้ายกลับมาโดนทีเด็ดเจ้าบ้านในนาทีที่ 40 จากจังหวะโต้กลับมา และเป็น อเดบายอร์ ที่วางบอลให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เข้าเขตโทษก่อนจะพักอกแต่งบอล แล้ววอลเล่ย์ด้วยซ้ายลูกพุ่งเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
ถัดมา แกเร็ธ เบล ได้โอกาสลองตั้งป้อมซัดไกลจากระยะเกือบ 30 หลาแต่บอลพุ่งติดไซด์ก่อนหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น ก่อนที่ อาร์เซนอล จะขอลุ้นบ้างจากการยิงไกลเช่นกันของ อารอน แรมซี่ย์ แต่ว่าลูกตรงตัวฟรีเดล ก่อนที่เกมจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำ 1-0 ของ สเปอร์ส
ครึ่งหลัง สเปอร์ส ยังเล่นได้น่ากลัวโดย แกเร็ธ เบล มีจังหวะลากบอลน่ากลัวๆ 2 ครั้ง และได้จังหวะส่องครั้งนึงซึ่งได้ลุ้นด้วยแต่บอลข้ามคานออกไป
แต่มาถึงนาทีที่ 51 อาร์เซนอล ก็มาตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะต่อเนื่อง จากลูกเซ็ตเพลย์ สเปอร์ส พยายามสกัดบอลออกมาแต่มาโดน อเล็กซ์ ซง เก็บบอลได้ก่อนจะลากลุยไปทางซ้ายแล้วเปิดเข้ากลาง มามี อารอน แรมซี่ย์ เข้าฮอสที่เสาแรกให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1
จากนั้น แชร์วินโญ่ ลากตัดจากซ้ายเข้ามาก่อนซัดด้วยขวา แต่บอลเบาและไม่ยากสำหรับ ฟรีเดล ที่จะรับได้ ก่อนที่ สเปอร์ส น่าจะได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 57 เมื่อ อเดบายอร์ ได้บอลจ่ายจนหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปดวลกับ เชสนี่ แต่ว่ากลับยิงไปติดเซฟอีก
ถัดมาถึงนาทีที่ 66 อาร์เซนอล ต้องเสีย บาการี่ ซาญ่า ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องเปลี่ยนตัวออก หลังปะทะกับ เบล จนหลุดไปกระแทกป้ายโฆษณาข้างสนามต้องให้ คาร์ล เจนกินสัน ลงสนามมาแทน
มาถึงนาทีที่ 72 สเปอร์ส ก็กลับมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้งจากลูกยิงสุดยอดของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เก็บบอลจังหวะสองได้ก่อนลากจี้มาแล้วซัดด้วยขวาจากระยะ 30 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดเข้าเสาไกลไปอย่างมหัศจรรย์
สเปอร์ส ยังได้ลุ้นมากกว่า และนาทีที่ 75 ก็น่าจะได้อีกครั้งเมื่อ เบล ได้ลองซัดอีกครั้งแต่ว่าบอลถากเสาออกไป จากนั้นนาทีที่ 82 เบล กระชากไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้ามาถึง เดโฟ แต่งบอลก่อนซัดด้วยซ้ายแต่ เชสนี่ ซูเปอร์เซฟบินปัดออกไปได้
ช่วงที่เหลือ อาร์เซนอล เองฮึดไม่ขึ้นไม่สามารถไล่ตามตีเสมอได้ ทำให้สุดท้ายต้องยอมเป็นฝ่ายปราชัยในเกมนี้ 2-1